• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

‘เงินบาท’ วันนี้เปิด’แข็งค่า’ ที่33.31บาทต่อดอลลาร์

Started by Jessicas, November 03, 2021, 03:22:55 PM

Previous topic - Next topic

Jessicas

"กรุงไทย" ชี้เงินบาทแข็งค่าตามการอ่อนค่าของดอลลาร์ และผันผวนตามฟันด์โฟลว์จากนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นทำกำไร มองกรอบเงินบาทวันนี้33.20-33.40 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดวันนี้(2พ.ย.) ที่ระดับ  33.31 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.35 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ33.20-33.40 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับ แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ขายทำกำไรทองคำ ซึ่งเราคาดว่าผู้เล่นต่างรอคอยที่จะขายทำกำไร หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้านแถว 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

อย่างไรก็ดี เงินบาทอาจเผชิญความผันผวนได้จากแรงขายทำกำไรหุ้นไทยออกมาบ้าง เนื่องจากเราเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติอาจชะลอการลงทุนในไทยไปก่อน จนกว่าจะมองภาพการฟื้นตัวเศรษฐกิจหลังการทยอยเปิดประเทศในเดือนนี้ ได้อย่างชัดเจนก่อน 

อีกทั้งในระยะนี้ นักลงทุนต่างชาติมีตัวเลือกที่หลากหลายในการลงทุนโซนเอเชียหรืออาเซียน เช่น ตลาดหุ้นญี่ปุ่นตลาดหุ้นเวียดนาม เป็นต้น ทำให้โดยรวมฟันด์โฟลว์จากนักลงทุนต่างชาติยังมีความผันผวนและไม่ได้มีทิศทางการไหลเข้าหรือออกของฟันด์โฟลว์ที่ชัดเจน

ทั้งนี้ แนวต้านสำคัญของเงินบาทยังอยู่ในโซน 33.40-33.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ส่งออกบางส่วนต่างรอขายเงินดอลลาร์อยู่ ส่วนผู้นำเข้าบางส่วนก็รอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ หากเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ เงินบาทยังมีแนวรับสำคัญที่โซน 33.00-33.10 บาทต่อดอลลาร์ 



ตลาดการเงิน โดยรวมเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงต่อ จากแรงหนุนจากรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาด โดยเฉพาะในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่กว่า 80% ของบริษัทที่ได้ประกาศงบการเงินนั้นมีผลประกอบการดีกว่าคาด 

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้แรงหนุนจากรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (ISM Man.cturing PMI) ในเดือนตุลาคม ที่แม้ว่าจะลดลงแตะระดับ 60.8 จุด (ดัชนีเกิน 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัวของภาคการผลิต) จาก 61.1 จุดในเดือนก่อน แต่ก็ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งภาพดังกล่าวได้ช่วยหนุนให้ ดัชนีS&P500 ปรับตัวขึ้นราว +0.18% ส่วนหุ้นเทคฯ ก็ปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้นกว่า+0.63% 

ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX50 ปรับตัวขึ้น +0.7% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบริษัทโดยรวมที่ยังออกมาดี ส่งผลให้หุ้นในกลุ่ม Cyclical ต่างปรับตัวขึ้น อาทิ กลุ่มธนาคาร BNP Paribas +3.0%, ING +2.1% หรือกลุ่มยานยนต์ Daimler +2.1%, BMW +1.2% เป็นต้น ซึ่งเรามองว่า ในระยะสั้นตลาดหุ้นยุโรปยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ จากแรงหนุนผลประกอบการ รวมถึง แนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น

 


ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ยังคงทรงตัวใกล้ระดับ 1.57% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันพฤหัสฯ นี้ ก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนสถานะถือครองบอนด์ที่ชัดเจน ซึ่งเราคาดว่า หากเฟดประกาศลดคิวอีตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เราอาจเห็นบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเล็กน้อยได้เนื่องจากตลาดรับรู้การลดคิวอีไปมากแล้ว แต่หากเฟดส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นและกังวลแนวโน้มเงินเฟ้อ มีโอกาสที่อาจจะเห็นบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงตามความกังวลของตลาดว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยได้เร็ว ซึ่งภาพดังกล่าวอาจเกิดขึ้นพร้อมกับแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง หรือ ตลาดการเงินพลิกกลับมาปิดรับความเสี่ยงได้

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ตามสภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ย่อตัวลงใกล้ระดับ 93.93 จุด อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า เงินดอลลาร์จะไม่อ่อนค่าไปมาก เพราะผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯอยู่ โดยเรามองว่าแนวรับของดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) จะอยู่ในกรอบ 93.75-93.80 จุด และเงินดอลลาร์ยังมีโอกาสรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้ หากเฟดส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งนี้ การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ที่ทรงตัวอยู่นั้น ได้ช่วยให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง ซึ่งเราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดจะทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง หากราคาทองคำปรับตัวใกล้ระดับดังกล่าว

สำหรับวันนี้ ตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ว่าจะมีมุมมองต่อนโยบายการเงินอย่างไรหลังบอนด์ยีลด์ 3 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.22% สูงกว่า เป้าหมายของ RBA ที่ 0.10% ไปมาก และสะท้อนมุมมองของตลาดที่เชื่อว่า RBA อาจขึ้นดอกเบี้ยได้หลายครั้ง 

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมองว่า RBA จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.10% แต่อาจยกเลิกการคุมระดับบอนด์ยีลด์ 3 ปี เพื่อเป็นการทยอยปรับมุมมองของตลาดให้เริ่มรับรู้แนวโน้มการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของ RBA ทั้งนี้ แนวโน้มการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของ RBA อาจมีส่วนช่วยหนุนให้ ออสเตรเลียดอลลาร์ (AUD) แข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง หลังจากแกว่งตัวในกรอบ sideways มาสักระยะ แต่มองว่า AUD จะไม่แข็งค่าไปมาก เพราะโดยรวมภาพเศรษฐกิจออสเตรเลียยังถูกกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอยู่

และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว ตลาดจะยังคงจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเราคงมองว่า งบการเงินโดยรวมที่มีแนวโน้มออกมาแข็งแกร่งจะยังสามารถช่วยหนุนให้ตลาดการเงินเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงได้