ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN

กระจกห้องน้ำ (Bathroom Mirror)

กระจกห้องน้ำ เป็นสิ่งที่ทุกบ้านย่อมต้องมีไว้ใช้งานอย่างแน่นอน เพราะกระจกห้องน้ำเป็นกระจกเงาที่มีไว้สำหรับส่องเพื่อตรวจเช็คใบหน้า จัดเสื้อผ้าหน้าผม เตรียมความพร้อมเสริมความมั่นใจก่อนออกนอกบ้าน จัดการกิจวัตรประจำวัน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ชื่นชอบการแต่งหน้าแต่งตัว ถึงแม้ว่ากระจกเงาจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไรมากนัก แต่กระจกห้องน้ำกลับเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในชีวิตประจำวัน
โดยทั่วไปแล้วกระจกห้องน้ำมักจะติดตั้งไว้ตรงผนังบริเวณอ่างล้างหน้า มีรูปแบบหลากหลายดีไซน์ให้เลือกใช้งาน ซึ่งการเลือกกระจกห้องน้ำมาติดตั้งภายในห้องน้ำ สิ่งแรกที่จำเป็นต้องพิจารณาคือเรื่องของรูปลักษณะและดีไซน์ความสวยงาม เพราะกระจกห้องน้ำในปัจจุบันมีการออกแบบที่หลากหลาย และมีดีไซน์ความสวยงามที่โดดเด่นทันสมัย มีให้เลือกทั้ง กระจกไร้ขอบ กระจกเรียบ กระจกยาว กระจกตกแต่ง กระจกแต่งหน้า กระจกพลาสติก กระจกชั้นวางของ ฯลฯ ผลิตจากแบรนด์ชั้นนำที่คัดสรรมาอย่างดี อาทิ กระจกห้องน้ำ BATH TIME, MOYA, KUDOS หรือ ZIMMPLE เป็นต้น

การเลือกกระจกห้องน้ำ

การเลือกกระจกห้องน้ำ นอกจากจะต้องเลือกจากดีไซน์ที่มีความเหมาะสมกับการตกแต่งห้องน้ำที่บ้านและต้องเลือกกระจกที่มีจากแบรนด์ชั้นนำที่มีชื่อเสียง ที่มีการการันตีในเรื่องของความแข็งแรงทนทานและอายุการใช้งานแล้ว ยังต้องพิจารณาตรงส่วนกรอบของกระจกเพิ่มเติมอีกด้วย เนื่องจากกระจกห้องน้ำ มีให้เลือกกรอบหลากหลายรูปแบบ เช่น กระจกไร้ขอบ กระจกกรอบอลูมิเนียม กระจกกรอบพลาสติก กระจกกรอบไม้ธรรมชาติ หรือกระจกกรอบใส ซึ่งกรอบของกระจกก็คุณสมบัติที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น กระจกห้องน้ำกรอบไม้จริง ความโดดเด่นคือเรื่องของความสวยงามเป็นธรรมชาติ แต่จะเหมาะกับการติดตั้งในห้องน้ำที่มีการแยกโซนเปียกแห้ง เนื่องจากวัสดุไม้มีโอกาศที่จะยืดขยายตัวหากโดนน้ำหรือได้รับความชื้น เป็นต้น หรือถ้าอยากให้ดีไซน์ของห้องน้ำดูมินิมอล ก็จะแนะนำให้ติดเป็น กระจกไร้ขอบ เพราะกระจกไร้ขอบจะเป็นแบบเรียบๆ ไม่มีขอบ เหมาะแก่การติดห้องน้ำที่ไม่ต้องกระจกมีกรอบ
อีกคุณสมบัติของกระจกห้องน้ำที่มีความโดดเด่นอย่างมาก คือเรื่องของการสร้างบรรยากาศให้ห้องน้ำดูกว้างขวางมากขึ้น เพราะกระจกสามารถสะท้อนภาพและแสงให้ห้องน้ำดูสว่างมากกว่าเดิม ซึ่งคุณอาจจะสังเกตุได้ว่าการตกแต่งห้องน้ำปัจจุบัน นักออกแบบมีการนำกระจกเข้ามาเพิ่มลูกเล่นในการตกแต่งห้องน้ำกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

หุ่นยนต์ตัดหญ้า (Robotic Lawn Mowers)
หุ่นยนต์ตัดหญ้า เป็นหุ่นยนต์ที่จะเข้ามาช่วยให้การดูแลสวน และดูแลสนามหญ้าของคุณกลายเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว ช่วยให้สนามหญ้าของคุณสั้นอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งช่วยประหยัดแรง และเวลาไปได้อย่างมากเลยทีเดียว หลายคนอาจจะมองว่าเครื่องหุ่นยนต์ตัดหญ้ามีรูปพรรณสัณฐานด้านนอกคล้ายคลึงกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่น โดยลักษณะการทำงานจะเป็นการวิ่งแบบอัตโนมัติเหมือนกัน แต่ระบบการนำทางนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนั้นมีไว้สำหรับใช้งานภายในอาคาร (Indoor Use) ซึ่งจะมีขอบเขตที่ระบุอยู่อย่างชัดเจน นั่นคือผนังห้องที่เป็นกำแพง ประตู หรือแม้แต่เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในทางกลับกันหุ่นยนต์ตัดหญ้าจะถูกใช้งานภายนอกอาคาร (Outdoor Use) ซึ่งจะไม่มีขอบเขตที่ระบุชัดเจนทำให้การกั้นขอบเขตจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก ดังนั้นบางรุ่นจึงใส่ระบบ GPS สำหรับสร้างแบบจำลอง คำนวณพื้นที่ และรูปแบบการตัดหญ้าเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ต้องการตัด หรือถ้าไม่มีระบบ GPS ก็สามารถซื้อชุดสายไฟกั้นขอบเขตแยกต่างหากได้เช่นเดียวกัน

หลักการเลือกหุ่นยนต์ตัดหญ้า
-คำนึงขนาดและรูปร่างสนามหญ้า เนื่องจากหุ่นยนต์ตัดหญ้าแต่ละรุ่นจะมีขนาดพื้นที่ที่สามารถรองรับได้แตกต่างกันไป โดยหุ่นยนต์ตัดหญ้ามีขนาดรองรับตั้งแต่ 400 ตารางเมตร ไปจนถึง 5,000 ตารางเมตร ยิ่งไปกว่านั้นต้องคำนึงถึงความจุแบตเตอรี่ ซึ่งแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ก็จะสามารถครอบคลุมพื้นดินได้มากโดยไม่ต้องไปชาร์จใหม่บ่อยๆ

-การควบคุม ซึ่งการควบคุมของหุ่นยนต์ตัดหญ้ามีทั้งแบบควบคุมผ่านตัวเครื่อง และควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่น โดยแบบที่ควบคุมผ่านตัวเครื่อง ที่ด้านบนของตัวเครื่องหุ่นยนต์จะมีแผงควบคุมที่เป็นปุ่มกด และหน้าจอแสดงผล ให้ผู้ใช้ได้สามารถกดสั่งงาน และดูค่าต่างๆ ได้โดยง่าย ซึ่งจะประกอบไปด้วย "ปุ่ม Back" ไว้ถอยกลับ และ "ปุ่ม OK" ไว้กดเข้าสู่เมนู หรือฟังก์ชั่นต่างๆ ด้านใน รวมไปถึง "ปุ่ม Start" ที่สามารถกดเพื่อสั่งให้เครื่องเริ่มตัดหญ้า แต่ต้องปิดฝาปิดบนตัวเครื่องให้เรียบร้อยก่อน มิเช่นนั้นเครื่องจะไม่ทำงาน ส่วนหุ่นยนต์ตัดหญ้าแบบควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่นนั้น จะสามารถสั่งการต่างๆ ผ่านแอพพลิเคชั่นได้ โดยหุ่นยนต์ตัดหญ้าจะสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตผ่านซิมการ์ด (Sim Card) แทนการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานภายนอกอาคาร และเป็นพื้นที่กว้าง จึงไม่สามารถเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi ที่มีสัญญาณเฉพาะจุดได้ ดังนั้นการเชื่อมต่อผ่านซิมการ์ดจะทำให้การทำงานของหุ่นยนต์เสถียร และมีประสิทธิภาพมากกว่านั่นเอง

-คุณสมบัติหรือฟีเจอร์ต่างๆ หุ่นยนต์ตัดหญ้าในแต่ละรุ่นจะมีฟีเจอร์ที่แตกต่างกันไป ในบางรุ่นจะมีระบบช่วยนำทางผ่าน GPS ซึ่งสามารถสร้างแบบจำลอง และคำนวนพื้นที่ได้โดยไม่ต้องซื้อชุดสายไฟกั้นขอบเขตแยกต่างหาก ยิ่งไปกว่านั้นหุ่นยนต์ตัดหญ้าบางรุ่นมีไฟส่องสว่าง LED ที่หน้าเครื่องอีกด้วย

ก๊อกน้ำ (Faucets)
ก๊อกน้ำ หนึ่งในอุปกรณ์สำคัญในห้องน้ำที่ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในการเปิด-ปิดน้ำ โดยวัสดุที่เลือกใช้ควรเป็นวัสดุที่แข็งแรง มีความทนทาน และไม่เกิดสนิม เพราะก๊อกน้ำเป็นสิ่งที่ต้องโดนน้ำตลอดเมื่อใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นก๊อกเซ็นเซอร์, ก๊อกซิงค์, ก๊อกอ่างอาบน้ำ, ก๊อกยืนอาบ และก๊อกล้างพื้น ในปัจจุบันจะนิยมใช้ก๊อกน้ำที่ผลิตจากสแตนเลสหรือทองเหลืองชุบโครเมียมติดตั้งกันมากขึ้น เนื่องจากมีความทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดี และยังมีลักษณะมันวาว ทนต่อสารเคมีและรอยขีดข่วนได้ดี จึงสามารถใช้งานได้ยาวนานและปลอดภัยจากสารเคมีตกค้าง อย่างโลหะหนักได้อีกด้วย ส่วนเรื่องดีไซน์นั้นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการเลือกซื้อเช่นกัน ทาง HomePro จึงมีก๊อกน้ำให้เลือกมากมายหลายแบบ หลายขนาด ครอบคลุมทุกสไตล์การตกแต่งบ้านของคุณ

ประเภทของก๊อกน้ำและการเลือกซื้อก๊อกน้ำ

การเลือกซื้อก๊อกน้ำแต่ละประเภทก็ขึ้นอยู่กับวัสดุ จุดประสงค์ และสถานที่ของการใช้งาน โดยหลักๆแล้วอาจจะต้องดูในเรื่องของซิลยางและแหวนยางในตัวก๊อกน้ำที่จำเป็นจะต้องมีคุณภาพสูง ทนต่อการใช้งาน และไม่รั่วซึมง่าย และที่สำคัญควรมีระบบเปิด-ปิดเพียงรอบเดียวเพื่อการประหยัดน้ำ

ก๊อกอ่างล้างหน้า (Basin Faucets) โดยก๊อกอ่างล้างหน้า จะมีทั้งแบบก๊อกน้ำหมุนวาล์ว และแบบก๊อกเซ็นเซอร์โดยสามารถแบ่งได้ 3 แบบ ดังนี้

ก๊อกน้ำเดี่ยว ก๊อกน้ำแบบทั่วไป ใช้ได้เฉพาะน้ำเย็นอย่างเดียว

ก๊อกน้ำผสมรูเดี่ยว (ก๊อกน้ำเดี่ยวผสม) ใช้ทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น มีจุดเปิด-ปิดจุดเดียว ปรับระดับน้ำร้อน-เย็นโดยการโยกซ้าย-ขวา

ก๊อกน้ำผสมเซ็นเตอร์ (ก๊อกน้ำคู่ผสม) เป็ก๊อกเซ็นเซอร์ที่มีทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น หรือมีวาล์วแยกหมุนเปิด-ปิดวาล์วน้ำร้อนและน้ำเย็นได้

ก๊อกซิงค์ (Sink Faucets) หรือก๊อกน้ำสำหรับอ่างล้างจานในครัว ส่วนใหญ่นิยมใช้กันแบบน้ำเย็นอย่างเดียว โดยก๊อกซิงค์แบบก้านจับเดียวจะช่วยให้ใช้งานได้สะดวกและรวดเร็ว เพียงแค่โยกซ้าย-ขวาเพื่อเปิด-ปิด

ก๊อกอ่างอาบน้ำ (Bathtub Mixers) หรือ ก๊อกผสมอ่างอาบน้ำ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในการเปิด-ปิดน้ำในอ่างอาบน้ำ ซึ่งมีทั้งเป็นระบบก๊อกเซ็นเซอร์ และยังสามารถควบคุมอุณหภูมิความเย็น-ร้อนของน้ำตามความต้องการของคุณได้อีกด้วย

ก๊อกยืนอาบ (Shower Mixers) หรือ ก๊อกผสมยืนอาบ มีหน้าที่ในการเปิด-ปิดน้ำและควบคุมอุณหภูมิของน้ำ สามารถติดตั้งใช้งานร่วมกับฝักบัวสายอ่อนได้หลากหลายรูปแบบ

ก๊อกล้างพื้น (Shank Faucets) หรือ ก๊อกน้ำเดี่ยว ใช้สำหรับล้างพื้น ล้างรถ รดน้ำต้นไม้ หรือซักผ้า มีทั้งชนิดก๊อกบอลและก๊อกบอลสนามสำหรับสวมสายยาง

รถเข็นพับได้ (Foldable Carts)
รถเข็นของนั้น เป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับใครหลายๆ คน ในการช่วยทุ่นแรง และลดเวลาในการเคลื่อนย้ายสิ่งของ อีกทั้งยังช่วยรักษาสิ่งของไม่ให้เสียหายจากการที่เราเคลื่อนย้ายด้วยการถือ ซึ่งถ้าหากเราทำการขนของโดยขาดการระมัดระวังอาจจะทำให้สิ่งของหล่น หรือเกิดการกระแทกได้ ในปัจจุบันรถเข็นถือว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์จำเป็นใช้ที่สำคัญสำหรับทุกบ้านอย่างยิ่ง โดยรถเข็นบางประเภทไม่ได้มีไว้แค่ใช้ภายในบ้านเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้นอกบ้านได้อีกด้วย นั่นก็คือ รถเข็นพับได้ หรือรถเข็นแค้มปิ้ง รถเข็นประเภทนี้เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่จัดเก็บน้อย เพราะสามารถพับให้มีขนาดกะทัดรัด ไม่เปลืองพื้นพื้นที่จัดเก็บภายในบ้าน อีกทั้งรถเข็นพับได้ยังเหมาะกับผู้คนที่มีไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบการเดินทาง และแค้มปิ้ง เนื่องจากรถเข็นพับได้สามารถพับ และพกพาขึ้นรถไปกับเราได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น การนำรถเข็นไปช้อปปิ้งที่ห้าง หรือตลาด เป็นต้น และยิ่งไปกว่านั้นรถเข็นพับได้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสายแค้มปิ้ง ที่ต้องขนของอุปกรณ์แค้มปิ้งต่างๆ จากรถ ไปที่จุดกางเต๊นท์ ซึ่งรถเข็นแค้มปิ้งจะช่วยทุ่นแรง และเวลาไปได้พอสมควรเลยทีเดียว

หลักการเลือกรถเข็นพับได้ หรือ รถเข็นแค้มปิ้ง
-ความทนทาน จุดประสงค์ที่เราใช้งานรถเข็นพับได้ หรือ รถเข็นแค้มปิ้งก็เพราะเราต้องการขนของที่มีน้ำหนักมาก ดังนั้น จึงควรเลือกวัสดุที่แข็งแรงทนทานเพื่อให้สามารถรองรับน้ำหนักได้ และใช้งานได้อย่างยาวนาน รถเข็นพับได้แบบเปิดโล่ง แนะนำให้เลือกวัสดุที่ทำจากเหล็ก อะลูมิเนียม หรือสเตนเลส เพราะเป็นวัสดุที่แข็งแรงและคงทนที่สุด เหมาะกับการนำมาใช้กับการขนของที่มีน้ำหนักมาก แต่ถ้าหากเป็นรถเข็นแบบพับได้ที่มีตะกร้า แนะนำให้เลือกวัสดุที่เป็นอะลูมิเนียม เพราะจะมีคุณสมบัติเด่นที่น้ำหนักเบาแต่ทนทาน เหมาะสำหรับการใช้งานข้างนอก หรืออาจเลือกพลาสติก ABS และ PP ที่มีความเบาแต่ยืดหยุ่น และทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี

-ทิศทางของล้อ เพื่อการเข็น และขนของได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แนะนำให้เลือกรถเข็นพับได้ที่มีล้อหมุนได้รอบทิศทาง หรือ 360 องศา เพราะล้อประเภทนี้จะทำให้เราไม่ต้องออกแรงเยอะเพื่อควบคุมทิศทาง จึงทำให้ช่วยทุ่นแรงลงได้แม้จะบรรทุกของหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำออกไปใช้งานข้างนอก และเดินช้อปปิ้งเป็นเวลานาน การเลือกล้อที่หมุนได้รอบทิศก็จะทำให้มีความคล่องตัวสูง

เครื่องซีล (Sealing Machines)
เครื่องซีลปากถุง เป็นอุปกรณ์แพ็คกิ้งที่สำคัญชนิดหนึ่งที่ใช้ในการปิดปากถุง ทำให้ถุงพลาสติกนั้นมีความเชื่อมต่อกันได้อย่างแนบสนิทเพื่อไม่ให้มีอากาศไหลเข้าไปในถุง เหมาะที่จะนำไปใช้งานในการขนส่งสินค้าที่ต้องมีการแพ็คเป็นอย่างดี แต่ถ้าหากนำไปใช้ในงานจัดเก็บอาหาร ก็ถือได้ว่าเป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่ง ทำให้อาหารคงประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันแมลง ฝุ่นละออง หรือสิ่งสกปรกเข้าไปอยู่ในอาหารได้ ที่สำคัญไม่หกเลอะเทอะ และง่ายต่อการขนส่งอีกด้วย เครื่องซีลปากถุงนิยมนำมาใช้งานอย่างอเนกประสงค์ในครัวเรือน ร้านค้า สำนักงาน และโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตทั่วไป โดยเครื่องซีลปากถุงจำเป็นต้องใช้คู่กับถุงซีลสุญญากาศ ซอง หรือถุงใสในการบรรจุ ซึ่งเครื่องซีลนั้นมีหลายประเภท อีกทั้งยังมีวิธีการทำงานที่ค่อนข้างจะแตกต่างกันไปด้วย โดยหลักๆ แล้วเครื่องซีลจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ สามารถแบ่งตามการใช้งานได้ ดังนี้

-เครื่องซีลถุงแบบมือกด ตัวเครื่องเครื่องซีลมีลักษณะคล้ายเครื่องเย็บกระดาษขนาดใหญ่ ทำมาจากพลาสติกแข็ง ทนต่อแรงกดได้ดี ไม่เป็นสนิม โดยเครื่องซีลชนิดนี้ใช้การทำงานโดยให้พลังงานไฟฟ้าเปลี่ยนเป็นความร้อน มีหลักการทำงานคือเครื่องจะมีลวดความร้อนที่เอาไว้ใช้สัมผัสกับถุงโดยตรง ให้ใช้แรงในการกดเพื่อให้ถุงมีความร้อน ซึ่งเราจะต้องกะเวลาและแรงที่กดให้เหมาะสมด้วย ซึ่งเมื่อถุงได้รับความร้อนก็จะละลาย และเชื่อมต่อกันจนทำให้รอยซีลนั้นเรียบเนียน และแน่นสนิท ซึ่งเครื่องซีลแบบกด มีหลายแบบ เช่น แบบมือกด แบบเท้าเหยียบ และแบบกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งมีราคาไม่แพง การใช้งานค่อนข้างยาวนาน คุ้มค่า และยกเคลื่อนย้ายได้ง่ายกว่า นิยมใช้งานทั้งในโรงงาน และในบ้าน รวมถึงแบรนด์สินค้าธรรมดาทั่วไป ทั้งขนม ของใช้ ครีม ถุงน้ำยาปรับผ้านุ่ม ถุงเมล็ดพันธุ์ และซีลถุงพลาสติกชนิดอื่นๆ อีกมากมาย

-เครื่องซีลถุงแบบสุญญากาศ ตัวเครื่องซีลปากถุงออกแบบมาให้มีความแข็งแรง และใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วยระบบดูดอากาศเข้าไปภายในถุง และเครื่องจะซีลปิดปากถุงโดยอัตโนมัติ เครื่องซีลแบบสุญญากาศมีให้เลือกใช้หลายรุ่นหลายแบบ ทั้งขนาดพกพา แบบตั้งโต๊ะ แบบตั้งพื้น หรือแบบตู้ซีลถุง อีกทั้งมีคุณสมบัติการใช้ที่โดดเด่น คือสามารถปรับตั้งค่าการทำงานให้เหมาะสมกับสินค้าได้ สามารถซีลอาหารแห้ง และอาหารสดได้ รวมไปถึงช่วยถนอมอาหาร และยืดอายุการเก็บรักษาให้ยาวนานขึ้น จึงเหมาะสำหรับใช้งานในครัวเรือน และงานอุตสาหกรรมอาหาร รวมไปถึงอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

ตอบโจทย์งานแพ็คเกจ และการขนส่งสินค้า ด้วยเครื่องพิมพ์ฉลาก
ในปัจจุบันที่เป็นยุคแห่งดิจิตอล ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่อยู่ในโลกโซเชี่ยลกันทั้งนั้น ไม่เว้นแต่ร้านค้าต่างๆ เช่น ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านรองเท้า ร้านเครื่องสำอางค์ และยังมีร้านค้าประเภทอื่นอีกมากมายที่หันมาให้ความสนใจกับการค้าขายบนโลกออนไลน์ สำหรับการซื้อ-ขายบนช่องทางออนไลน์นั้น นอกจากการแพ็คสินค้าให้ดีด้วยอุปกรณ์แพ็คกิ้ง ทั้งซองไปรษณีย์ กล่องไปรษณีย์ รวมถึงวัสดุห่อหุ้มและวัสดุกันกระแทกที่มีความสำคัญต่อความประทับใจของลูกค้า และช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้าได้แล้ว ระบบขนส่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไปรษณีย์ไทย, J&T Express, DHL eCommerce, Ninja Van, Kerry Express หรือ Flash Express ต่างก็ล้วนมีความสำคัญทั้งหมดทั้งสิ้นเช่นกัน ฉะนั้นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรกเมื่อเหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต้องการทำการขนส่งสินค้านั่นก็คือ ใบปะหน้าในการส่งพัสดุที่ประกอบไปด้วย ข้อมูลของผู้ส่งสินค้า และข้อมูลของผู้รับสินค้า เพื่อให้การส่งสินค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่น แต่หากจะใช้การพิมพ์ด้วยเครื่องปริ้นท์ แล้วค่อยทำการแปะกระดาษลงบนพัสดุก็คงจะเป็นการเพิ่มต้นทุน และเปลืองเวลาอยู่ไม่ใช่น้อย ดังนั้นอุปกรณ์ที่ถูกผลิตขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการพิมพ์ใบปะหน้าก็คือ "เครื่องพิมพ์ฉลาก (Label Printer)" นั่นเอง

เครื่องพิมพ์ฉลากสินค้า คืออะไร?
เครื่องพิมพ์ฉลาก หรือที่หลายๆ ท่านเรียกกันว่าเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด เป็นหนึ่งในอุปกรณ์แพ็คกิ้งที่ถือได้ว่าเป็นเครื่องพิมพ์เฉพาะทางถูกที่ออกแบบมาเพื่อให้ง่ายต่อการพิมพ์ข้อมูลของสินค้า ข้อมูลการขนส่ง หรือรหัสบาร์โค้ดลงบนกระดาษสติ๊กเกอร์ หรือสติ๊กเกอร์ฉลากบาร์โค้ดเพื่อใช้ในการติดลงบนเอกสาร และพัสดุต่างๆ รวมถึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปริ้นท์เตอร์ขนาดเล็กเพื่อที่จะนำมาใช้ในการพิมพ์ใบปะหน้าในการส่งพัสดุ เพื่อความสะดวกสบายในการจ่าหน้าส่งสินค้า ซึ่งเครื่องพิมพ์ฉลากนี้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการแพ็คสินค้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยให้การระบุชื่อ และที่อยู่ของผู้รับได้อย่างชัดเจน ในปัจจุบันเครื่องพิมพ์ฉลากจะมีการทำงานอยู่ 2 ระบบด้วยกัน ได้แก่

ระบบพิมพ์ผ่านผ้าหมึก (Thermal Transfer) เป็นเครื่องพิมพ์ฉลากที่จะส่งความร้อนจากหัวพิมพ์ผ่านตัวผ้าหมึกไปยังตัวสติ๊กเกอร์ ซึ่งจะใช้หมึกแบบริบบอนบาร์โค้ดในการพิมพ์ โดยความละเอียดของการพิมพ์นั้นขึ้นอยู่กับชนิดของหมึกที่คุณเลือกใช้ สำหรับข้อดีของระบบนี้คือ หมึกมีความคงทน อยู่ได้นาน เหมาะกับลักษณะงานที่ต้องการความทนทาน เช่น งานขนส่งสินค้า แต่คุณจะต้องคอยเปลี่ยนริบบอนบาร์โค้ดอยู่เสมอ

ระบบพิมพ์ด้วยความร้อนโดยตรง (Direct Thermal) เป็นเครื่องพิมพ์ฉลากที่จะส่งความร้อนจากหัวพิมพ์ไปยังตัวสติ๊กเกอร์โดยตรงเลย ไม่ต้องใช้ริบบอนบาร์โค้ดในการพิมพ์ แต่จะต้องใช้สติ๊กเกอร์สำหรับการพิมพ์ด้วยระบบนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะต้องเป็นสติ๊กเกอร์ที่มีการเคลือบสารเคมีที่ไวต่อความร้อนไว้ที่ผิวหน้าของสติ๊กเกอร์ เพื่อให้ทำปฎิกิริยากับความร้อนแล้วกลายเป็นสีดำนั่นเอง จึงเหมาะกับลักษณะงานที่ไม่ต้องติดสติ๊กเกอร์ไว้นานๆ เช่น การพิมพ์ตั๋วชมภาพยนตร์

ฝารองนั่งสุขภัณฑ์ (Toilet Seats)
ฝารองนั่งสุขภัณฑ์ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ "ฝารองนั่งชักโครก" เป็นอีกส่วนประกอบหนึ่งที่ใช้งานคู่กับโถสุขภัณฑ์ ใช้สำหรับรองรับสรีระร่างกายของเราโดยตรง อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้เรารู้สึกสบายมากขึ้นในขณะที่นั่งใช้งานโถสุขภัณฑ์ ซึ่งโดยปกติแล้วฝารองนั่งชักโครกจะสามารถเปลี่ยนใหม่ทดแทนได้ในกรณีฝาแตกร้าวหรือใช้งานมาอย่างยาวนานจนฝารองนั่งมีสีที่เปลี่ยนไป เช่น จากฝารองนั่งชักโครกสีขาวสะอาด เมื่อใช้งานมาอย่างยาวนาน อาจจะเปลี่ยนแปลงเป็นสีเหลืองได้ เป็นต้น
โดยตามท้องตลาดทั่วไปมีฝารองนั่งชักโครกให้เลือกอยู่หลายประเภทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ฝารองนั่งชักโครกแบบธรรมดาหรือฝารองนั่งพลาสติกที่สามารถยกขึ้นลงเปิดปิดได้ตามปกติ, ฝารองนั่งแบบ Soft Close ที่มีการเปิดปิดอย่างนุ่นนวล ลดแรงกระแทกในการเปิดปิดฝาชักโครก, ฝารองนั่งอัตโนมัติ ที่มีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น เช่น ควบคุมทั้งก้านฉีดชำระ การปรับความแรงเบาน้ำ อุณหภูมิของน้ำ ฯลฯ ฝารองนั่งเด็กเสริมฟองน้ำ และฝารองนั่งผู้ใหญ่เสริมฟองน้ำ ฝารองนั่งอัตโนมัติ เป็นต้น
การเลือกฝารองนั่งชักโครก
แน่นอนว่าฝารองนั่งชักโครกที่มาพร้อมกับตัวโถสุขภัณฑ์ที่บ้านของคุณ อาจจะยังไม่เคยมีปัญหาแตกหักหรือชำรุดใดๆ แต่หากวันหนึ่งเกิดเหตุสุดวิสัย ฝารองนั่งชักโครกเกิดชำรุดแตกหักขึ้นมา อาจจะเป็นปัญหาพอสมควรสำหรับใครที่ไม่ทราบวิธีในการเปลี่ยนฝารองนั่งชักโครกด้วยตัวเอง ซึ่งสิ่งที่มักจะเป็นปัญหาหลักๆในการเปลี่ยนฝารองนั่ง ไม่ใช่เรื่องของการติดตั้ง แต่เป็นการที่เราหารุ่นฝารองนั่งชักโครกแบบเดิมไม่เจอ !
ถ้าหากคุณยังพอทราบรุ่นของโถสุขภัณฑ์ว่าเป็นรุ่นไหน ก็ยังพอที่จะไปหาซื้อมาเปลี่ยนได้เลยทันที แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่ก็คงจะจำกันไม่ได้ว่าโถชักโครกที่ใช้งานอยู่เป็นรุ่นอะไร ขนาดเท่าไหร่ เพราะการติดตั้งโถชักโครกสำหรับใช้งานที่บ้าน เมื่อติดตั้งเสร็จก็ไม่ได้เก็บเอกสารต่างๆเอาไว้อย่างแน่นอน ยิ่งเวลาผ่านไปนานมากขึ้น ยิ่งทำให้เราลืมเรื่องของรายละเอียดต่างๆเหล่านั้นไปจนหมดสิ้น
ดังนั้นการวัดขนาดขอบโถสุขภัณฑ์เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเลือกฝารองนั่งชักโครก จึงเป็นอีกแนวทางในการช่วยให้คุณสามารถเลือกฝารองนั่งได้ตรงตามขนาดและสามารถนำมาใช้ชดแทนฝารองนั่งอันเก่าที่ชำรุดได้อย่างพอเหมาะ โดยการวัดขนาดของขอบโถสุขภัณฑ์จะมีอยู่ 4 จุด คือ...
วัดระยะห่างของรูสกรูที่จะยึดฝารองนั่งชักโครก
วัดความกว้างของฝารองนั่งชักโครก
วัดความยาวของฝารองนั่งชักโครก
ดูรูปทรงของฝารองนั่งชักโครก มีให้เลือกอยู่ 3 รูปทรง คือ รูปทรงตัว V, รูปทรงตัว U, รูปทรงตัว O
ซึ่งฝารองนั่งชักโครกทั่วไปจะมาพร้อมกับฝาปิดชักโครก ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นต้องวัดคือตำแหน่งของรูสกรูต้องตรงกันถึงจะใส่ชุดฝารองนั่งเข้าไปได้ ส่วนเรื่องขนาดความกว้างและความยาว อาจจะมีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นปัญหาในเรื่องของการใช้งาน เพราะการที่จะหาฝารองนั่งแบบพอดีเป๊ะเท่าของเดิมก็อาจจะยากสักหน่อยหากเราไม่ทราบรุ่นของโถสุขภัณฑ์ แต่หากต้องการความมั่นใจว่าซื้อแล้วสามารถนำมาใช้งานได้จริง ง่ายๆเลยคือนำฝารองนั่งโถสุขภัณฑ์มาวาดทับบนกระดาษ และวาดเส้นตามขอบนอกขอบในฝารองนั่ง และตำแหน่งรูน็อตให้ใกล้เคียงมากที่สุด และนำแบบที่วาดไปกางทาบกับฝารองนั่งที่ร้านค้าได้เลย แต่โดยส่วนใหญ่แล้วขนาดของฝารองนั่งชักโครกจะเป็นขนาดมาตราฐาน ที่สามารถนำมาประกอบใช้งานกับโถสุขภัณฑ์ได้แทบทุกรุ่น และฝารองนั่งอัตโนมัติ

การเลือกซื้อตู้กดน้ำดื่มภายในบ้าน หรือตู้น้ำดื่มที่เลือกซื้ออย่างไร??
หากจะพูดถึงตู้กดน้ำดื่ม ตู้กดน้ำเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากไม่ว่าจะเป็นภายในอาคาร โรงงาน โรงเรียน สำนักงานต่างๆ  ตั้งตู้กดน้ำแบบต่างๆ ไว้บริการลูกค้าเพื่อความสะดวกสายในการใช้บริการ หรือมาติดต่อธุรกิจ หรือแม้แต่ตามบ้านหรือคอนโดเอง ลูกค้าของโฮมโปรสามารถเลือกซื้อตู้น้ำดื่มขนาดเล็ก เพื่อนำมาใช้สำหรับรับแขก หรือเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมเยียนได้เช่นกัน
ตู้น้ำดื่มเลือกซื้อยี่ห้อไหนดี..
สำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ใน การเลือกซื้อตู้กดน้ำ หรือตู้ทำน้ำดื่มภายในบ้าน ปัจจุบันไม่ใช่เรื่องที่ยากมากนัก ตู้กดน้ำดื่มนั้นมีมากมากมายหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น ตู้น้ำดิ่ม SHARP , ตู้น้ำดื่ม CLARTE , ตู้น้ำดื่ม MAZAMA หากจะถามว่าตู้น้ำดื่มแบบไหนดี ทั้งนี้เองขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานของคุณลูกค้าเองด้วย เพราะว่า ตู้กดน้ำดื่มแต่ละยี่ห้อ ก็มีลักษะแบบเฉพาะตัว และการออกแบบที่แตกต่างกันไป การเลือกซื้อตู้กดน้ำดื่มสามารถลือกซื้อได้ง่ายๆ เพียงแต่ว่าเราต้องทำความเข้าในเกี่ยวกับประเภทของตู้ทำน้ำดื่มกันสักก่อน
รูปแบบของตู้ทำน้ำดื่มโดยทั่วไปแล้วจะถูกแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ สองแบบ ตู้กดน้ำดื่มที่มีระบบการกรองน้ำในตัว และ ตู้กดน้ำที่ไม่มีระบบกรองน้ำในตัว ซึ่งข้อดีของตู้ทำน้ำดื่มทั้งสองแบบนี้ ก็จะแตกต่างกันออกไป
ตู้น้ำดื่มพร้อมระบบกรองน้ำในตัว..
  ตู้น้ำดื่มในรูปแบบนี้มีข้อดี คือเนื่องจากสามารถต่อน้ำเข้าได้เลยจากระบบประปา โดยทั่วไปตู้น้ำดื่มจะมีลักษณะที่ค่อนข้างเล็กกว่า ทำให้สามารถนำไปวางในบ้านของคุณ หรือสำนักงานเล็กๆ ที่มีพื้นที่จำกัดไปเป็นอย่างดี แต่ข้อเสียหลักๆ ของการติดตั้งตู้ทำน้ำดื่ม ต้องมีการติดตั้งระบบการวางสายเพื่อที่จะให้นำเอาน้ำประปามาใช้เข้าไปในตัวเครื่อง ซึ่งในขั้นตอนนี้เองก็ทำให้มีความยากลำบากพอสมควร และไม่สะดวกนักหากมีการเคลื่อนย้ายบ่อยๆ และราคาในท้องตลอดค่องข้างสูง
ตู้ทำน้ำดื่มที่ไม่มีระบบกรองน้ำในตัว
ตู้กดน้ำดื่มแบบนี้จะสามารถติดตั้งได้ง่าย และสามารถเคลื่อนย้ายได้ค่อนข้างสะดวก เนื่องจากหลักการทำงานเพียบแค่เสียบปลั้กไฟก็สามารถใช้งานได้เลย ไม่ต้องติดตั้งระบบประปายุ่งยาก และราคาตามท้องตลาดค่อนข้างถูกกว่ามากหากเทียบกับตู้กดน้ำดื่มที่มีระบบกรองน้ำ แต่ข้อเสียของตู้กดน้ำดื่มแบบนี้คือต้องคอยเปลี่ยนถังน้ำที่วางไว้ด้านบนตู้น้ำอยู่ตลอดเวลา และยังเปลืองพื้นที่ค่อนข้างมาก ในการใช้เก็บถังน้ำ

ถ่านอัลคาไลน์ตัวช่วยสำคัญที่ควรมีติดบ้าน
เมื่อพูดถึงเรื่องของพลังงานไฟฟ้า และแหล่งที่เราสามารถหาพลังงานไฟฟ้าได้ง่ายที่สุดก็คงจะเป็นถ่านอัลคาไลน์ ซึ่งหากพูดถึงเรื่องของถ่านอัลคาไลน์แล้ว หลายๆ คนคงจะนึกถึง ถ่านขนาด AA หรือ ถ่านขนาด AAA ที่ขายตามหน้าเคาน์เตอร์ร้านสะดวกซื้อที่ใช้บริการอยู่เป็นประจำ ซึ่งถ่านพวกนนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นถ่ายที่สามารถใช้ได้ครั้งเดียว เมื่อใช้พลังงานจนหมดเกลี้ยงแล้วก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีกครั้ง จึงจำเป็นต้องทิ้งถ่านไป ซึ่งถ่านจำพวกนี้มีส่วนประกอบของโลหะสังกะสีกับแมงกานีสออกไซด์ เมื่อนำไปใช้งาน จะเกิดปฏิกิริยาเคมีที่จะเปลี่ยนสารภายในและเกิดของเหลวขึ้นภายในเซลล์แบตเตอรี่ ทำให้เมื่อเราใช้งานแบตเตอรี่จนหมด มักพบว่ามีของเหลวไหลซึมออกมานั้นเอง

ดังนั้นการใช้งานถ่านประเภทนี้ เราควรสังเกตเล็กน้อย เมื่อใช้งานไฟจนถึงระดับไฟที่ค่อนข้างอ่อนจริงๆ ก็ควรจะเปลี่ยนก้อนใหม่ทันที ไม่ควรรอให้เกิดของเหลวรั่วออกมา เพราะอาจจะทำให้อุปกรณ์ของคุณนั้นเสียหายได้ ทั้งนี้ไม่ควรนำเอาถ่านประเภทนี้ไปใช้งานกับแท่นชาร์จถ่าน เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้

การใช้งานถ่านอัลคาไลน์ที่ถูกต้องตามหลักการทำงาน
ควรเปลี่ยนถ่านพร้อมกันทุกก้อน  มีหลายครั้งที่อุปกรณ์ของเรานั้นใช้งานถ่านมากกว่า 2 ก้อนขึ้นไป ทำให้เราอาจจะชินกับการเปลี่ยนถ่านทีละก้อนกัน แต่ทั้งนี้ ควรเปลี่ยนถ่านพร้อมกันทุกก้อนในคราวเดียวกัน ไม่ปะปนกับถ่านเก่า และไม่ให้พลังงานนี้นมีการแตกต่างกันมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสียกับอุปกรณ์

ปิดสวิตช์อุปกรณ์ทุกครั้งหลังการใช้งาน การเปิดสวิตช์ของอุปกรณ์ค้างไว้นั้นทำให้ถ่านนั้นทำงานอยู่ตลอดเวลา ทำให้เสียพลังงานโดยใช่เหตุ การที่เรานั้นปิดสวิตช์อุปกรณ์ทุกครั้งหลังการใช้งานก็จะสามารถช่วยประหยัดพลังงานและยืดอายุของถ่านได้

ไม่ควรนำถ่านหลายชนิดหรือหลายยี่ห้อมาใช้ปะปนกัน  มีหลายครั้งที่หลายๆ ท่านนำเอาถ่านแต่ละยี่ห้อมาผสมกันเผื่อที่จะให้ใช้งานอุปกรณ์ต่อได้ แต่รู้หรือไม่มันเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องนักเพราะกำลังไฟของถ่านแต่ละยี่ห้อที่ส่งออกมานั้นมีความถี่ที่ไม่เท่ากันอาจจะทำให้ส่งผลเสียกับอุปกรณ์ๆ ได้ในระยะยาวๆ

ไม่ควรนำถ่านที่ชาร์จไฟไม่ได้มาชาร์จไฟใหม่  เพราะถ่ายที่ใช้พลังงานจนหมดแล้วภายในจะเต็มเปี่ยมไปด้วยของเหลว ซึ่งถ้าเรานำไปใส่ในแท่นชาร์จ จะมีความร้อนเกิดขึ้นและความร้อนนี้เองจะเร่งให้ของเหลวเกิดการขยายตัวและดันให้เกิดการรั่วซึมออกมาอาจจะทำให้แท่นชารจ์เสียหายได้

ถ่านไฟฉาย อุปกรณ์สำคัญที่ต้องมีไว้ใช้งานร่วมกับไฟฉาย
นอกจากไฟฉายแล้ว ยังมีอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถให้ความสว่างแทนไฟฉายได้อีกมากมาย เช่น ไฟ LED Camping หรือไฟ LED Ball เป็นต้น และอุปกรณ์อีกอย่างที่ต้องมีไว้ใช้งานคู่กันกับไฟฉายเสมอ และขาดไม่ได้เลย ก็คือ ถ่านไฟฉาย นั่นเอง ซึ่งถ้าหากเราเดินทางไกล หรือจำเป็นที่ต้องใช้ไฟฉายนานๆ ก็จำเป็นต้องพกถ่านไฟฉายสำรองติดตัวไปด้วยเสมอ หรือคุณสามารถเลือกใช้ถ่านชาร์จได้ เพียงแค่พกเครื่องชาร์จถ่านไปด้วย ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่จะช่วยลดความยุ่งยากในการพกถ่านไฟฉายไปหลายๆ ก้อน โดยถ่านไฟฉายจะมีหลากหลายรูปแบบ โดยจะขึ้นอยู่กับประเภทไฟฉายที่เราใช้ มาทำความรู้จักถ่านไฟฉายแต่ละประเภทกันเถอะ!

ถ่านธรรมดา เป็นถ่านไฟฉายที่มีสารประกอบจาก Zinc Chloride ซึ่งถ่านธรรมดานั้นจะมีราคาที่ย่อมเยาว์ และด้วยความที่มีความจุที่น้อยจึงทำให้ต้องมีการเปลี่ยนบ่อย

ถ่านอัลคาไลน์ เป็นถ่านไฟฉายที่มีสารประกอบที่ให้กำลังไฟฟ้าได้เสถียรกว่าถ่านธรรมดา จึงเหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการกำลังไฟมากกว่า เช่น รถบังคับของเล่น, มอเตอร์ต่างๆ, ไฟฉายกำลังสูง หรือไฟแฟลชกล้องถ่ายภาพ เป็นต้น

ถ่านกระดุม คือแบตเตอรี่เซลล์เดียว ที่มีรูปร่างกลมแบนลักษณะทรงกระบอกเตี้ยขนาดเล็ก โดยทั่วไปจะมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 จนถึง 20 มิลลิเมตร สูง 1 ถึง 6 มิลลิเมตร ซึ่งจะขนาดเท่าๆ กับกระดุม จึงเป็นที่มาของชื่อ อีกทั้งถ่านกระดุมถูกออกแบบมาให้มีการคายประจุที่ต่ำเพื่อทำให้ใช้งานได้นานโดยมีอายุการใช้งานมากกว่า 1 ปีอีกด้วย

ถ่านชาร์จ ถ่านไฟฉายประเภทนี้ออกแบบมาเพื่อให้สามารถชาร์จพลังงานเพิ่มเข้าไปได้เรื่อยๆ ทำให้สามารรถใช้ซ้ำได้ โดยทั่วไปแล้วถ่านชาร์จจะสามารถชาร์จไฟเข้าไปได้อย่างน้อย 500 ครั้ง และประเภทแบตเตอรี่ของถ่านชาร์จนั้นโดยส่วนใหญ่จะเป็น "แบตเตอรี่นิกเกิล เมทัลไฮไดรต์ (Ni-MH)" และ "แบตเตอรี่ลิเธียม ไอออน (Li-ion)"

ผ้าใบ (Canvases)
ผ้าใบ คือ ผ้าอเนกประสงค์สำหรับปู หรือกาง สามารถนำไปใช้ช่วยป้องกันแดด ฝน และลม หรือจะปูบริเวณพื้นเพื่อการรองนั่ง โดยผ้าใบจะผลิตมาจากพลาสติกคุณภาพ ซึ่งผ้าใบจะมีทั้งที่ผลิตมาจาก PE และ ผลิตจาก PVC ผ้าใบนั้นมีความแข็งแรงทนทานต่อแดด และฝน โดยส่วนใหญ่จะมีช่องเจาะตาไก่ที่ขอบของผ้าใบสำหรับใช้คล้องกับสายผูกเพื่อยึดตรึงผ้าใบ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการกาง โดยผ้าใบสามารถพกพาไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อใช้ในการค้างแรม ปูหลบแดด และฝน หรือแม้กระทั่งกางคลุมตามพื้นที่สวน และไร่ เป็นต้น

ผ้าใบกันน้ำ PE และผ้าใบกันน้ำ PVC แตกต่างกันอย่างไร
ผ้าใบกันน้ำ PVC เป็นผ้าใบกันน้ำโพลีเอสเตอร์เคลือบด้วยเรซินโพลีไวนิลคลอไรด์ โดยใช้กระบวนการ bottoming ในใส่ PVC ในช่องว่างของผ้าทำให้มีประสิทธิภาพในการกันน้ำได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งมีสารป้องกันการเกิดโรคราน้ำค้าง และต่อต้านเชื้อรา ต่อต้านการเกิดรอย รวมไปถึงไฟฟ้าสถิต ทำให้ทนทานต่อสภาพอากาศ และยากต่อการฉีกขาด ดังนั้นผ้าใบที่ผลิตมาจาก PVC จะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าผ้าใบกันน้ำแบบดั้งเดิม ซึ่งผ้าใบ PVC จะมีคุณลักษณะของพื้นผิวที่ลื่น เรียบ โดยเป็นที่นิยมในระดับสากลเนื่องจากผ้าใบชนิดนี้สามารถใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์

ผ้าใบกันน้ำ PE การผลิตผ้าใบกันน้ำ PE โดยทั่วไปใช้ HDPE (โพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง) ซึ่งมีอุณหภูมิสูงและทนต่อสารเคมีได้ดี โดยผลิตด้วยระบบอัดอากาศด้วยความร้อน โพลีเอทิลีนเหมาะสำหรับการเป่าขึ้นรูปกลวงการฉีดขึ้นรูป และการอัดขึ้นรูปของผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมไปถึงของใช้ภายในบ้าน เช่น ภาชนะ เทปกาว ตลอดจนใช้ทำแผ่นฟิล์ม ฟิล์มยืด และยังสามารถใช้เป็นสารเคลือบสายเคเบิล ท่อโปรไฟล์ เป็นต้น การทอผ้าใบชนิดนี้มีความหนาแน่นเป็นพิเศษ สามารถนำไปใช้กันแดด กันน้ำ กันฝุ่น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญมีน้ำหนักเบาทำให้สามารถพกพา และเคลื่อนย้ายได้โดยง่าย อีกทั้งด้านหน้าของผ้าใบมีการเคลือบด้วยสารป้องกัน UV ช่วยยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น

"ที่ใส่สบู่ ที่วางสบู่ (Soap Holders)
ที่ใส่สบู่ หรือที่วางสบู่ จัดว่าเป็นอุปกรณ์ในห้องน้ำที่ทุกบ้านต้องมีไว้ใช้งานขาดไม่ได้เลย ไม่ว่าคุณจะใช้สบู่เหลว หรือสบู่ก้อน ก็จำเป็นที่จำเป็นที่จะต้องมีภาชนะสำหรับใส่เพื่อใช้งาน โดยที่วางสบู่ทั่วไปก็มีให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบและดีไซน์ ตัววัสดุในการผลิตก็มีให้เลือกใช้หลากหลายประเภท เช่น ที่วางสบู่พลาสติก ที่วางสบู่สเตนเลส ที่วางสบู่เซรามิค ที่วางสบู่ตะแกรงโลหะ เป็นต้น ซึ่งการเลือกที่วางสบู่มาใช้งานในบ้าน ก็ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละคน ด้วยดีไซน์ที่มีความสวยงาม แตกต่าง อาจจะต้องพิจารณาถึงเรื่องสไตล์ในการตกแต่งห้องน้ำ
วัสดุที่วางสบู่
ที่วางสบู่ที่มีวางจำหน่ายทั่วไป มีให้เลือกใช้งานหลากหลายวัสดุ ซึ่งแต่ละวัสดุก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เช่น ที่วางสบู่พลาสติกหรือซิลิโคน จะเป็นที่วางสบู่ที่เราพบเห็นมากที่สุด ราคาถูกที่สุด และมีความสวยงามหลากหลายรูปแบบและดีไซน์ให้เลือกสรร แต่หากคุณต้องการความโมเดิร์นหรูหราขึ้นมาหน่อย แนะนำให้เลือกที่วางสบู่โลหะหรือที่วางสบู่สแตนเลสมาใช้งาน ถึงแม้ราคาอาจจะสูงกว่าสักหน่อย แต่หากเทียบกันในเรื่องของความทนทาน ที่วางสบู่สแตนเลสจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่า แต่หากคุณชื่นชอบความสวยงามแบบมินิมอลโทนสีขาวหรือลวดลายหินอ่อน ที่วางสบู่เซรามิคเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ที่วางสบู่เซรามิคจะมีความแข็งแรงทนทาน แต่ที่วางสบู่ประเภทนี้จะมีน้ำหนักมาก อีกทั้งยังแตกหักได้ง่าย ดังนั้นจึงต้องควรระวังอย่างมากเรื่องของการติดตั้ง
นอกจากเรื่องของวัสดุและความสวยงามของที่วางสบู่แล้ว จะต้องพิจารณาเรื่องของพื้นที่ในการติดตั้งที่วางสบู่ประกอบด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วที่วางสบู่สามารถติดตั้งในพื้นที่อื่นนอกจากห้องน้ำได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณซิงค์ครัว บริเวณเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า เป็นต้น การติดตั้งสามารถติดตั้งได้ทั้งแบบเจาะผนัง และแบบใช้กาวกันน้ำ หรือแบบสูญญากาศ ซึ่งการจะเลือกวิธีติดตั้งรูปแบบใด ก็ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่คุณจะนำไปใช้งาน เช่น ในห้องน้ำบริเวณส่วนพื้นที่เปียก ก็ควรเลือกติดตั้งแบบเจาะผนัง เพื่อความแน่นหนา แต่หากใช้ในส่วนพื้นที่แห้ง ก็อาจจะเลือกแบบติดตั้งด้วยกาวกันน้ำหรือสูญญากาศก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
ที่กดสบู่เหลว (Soap Dispensers)
ที่กดสบู่เหลว ก็เป็นอีกอุปกรณ์ห้องน้ำที่เรามักพบเจอตามห้องน้ำสาธารณะทั่วไป ใช้สำหรับบรรจุสบู่เหลวสำหรับล้างมือตามเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า แต่ก็สามารถนำมาใช้ติดตั้งใช้งานตามที่อยู่อาศัยได้เช่นกัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะผลิตจากพลาสติกที่มีความแข็งแรงทนทาน อีกทั้งยังมีรูปลักษณ์ที่สวยงามทันสมัย ในปัจจุบันมีสบู่กดเซ็นเซอร์วางจำหน่ายอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น สบู่กดเซ็นเซอร์ใช้งานสะดวก อีกทั้งยังช่วยเรื่องของการลดการสัมผัสกับอุปกรณ์ต่างๆในห้องน้ำเพื่อป้องกันเชื้อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงสถานการณ์ปัจจุบัน การลดจุดสัมผัสที่มีความเสี่ยงจึงเป็นเรื่องที่องค์กรหลายๆแห่งเลือกที่จะใช้สบู่กดเซ็นเซอร์มากขึ้น                                                                            "

"น้ำยากระเบื้องเซรามิค น้ำยาขัดเงา น้ำยาสำหรับกระเบื้อง อุปกรณ์สำคัญที่คนรักบ้านต้องมีติดไว?
หากพูดถึงเรื่องของกระเบื้องลูกค้าหลายๆท่านที่ไม่เป็นเป็นช่างหรือไม่เคยมีประสบการณ์ในการใช้งานก็จะเกิดปัญหาตามมาเล็กน้อย นั้นก็คือกระเบื้องหรือพื้นของคุณนั้น ตามรอยยาแนวจะเกิดเป็นคราบเชื้อราสีน้ำตาลซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแบททีเรีย และทำให้บ้านของเรานั้นดูความสวยงามน้อยลง เนื่องจากเวลามองไปแล้วดูขัดสายตาไปหมด เพราะว่าสามารถเหตุการณ์แบบนี้สามารถเกิดได้กับทุกส่วนของของบ้าน ไม่ว่าจะเป็น กระเบี้องระเบียง กระเบื้องห้องน้ำ กระเบื้องห้องอื่นๆ ก็ล้วนแต่มีความสำคัญกับเราทั้งสิ้น ซึ่งการดูแลกระเบื้องเหล่านี้การนำเอาน้ำยาเฉพาะทางอย่างน้ำยาทำความสะอาดกระเบื้อง หรือน้ำยาขัดเงากระเบื้อง ซึ่งน้ำแต่ละตัวก็จะทำหน้าที่แตกต่างกันและใช้ตามความเหมาะสมตามพื้นผิวของกระเบื้องและประเภทของห้อง เรามาลองดูกันดีกว่าว่าน้ำยาแต่ละตัวมีคุณสมบัติอะไรกันบ้าง

น้ำยาทำความสะอาดร่องยาแนว เป็นน้ำยาใช้สำหรับทำความสะอาดพวกคราบสกปรกฝั่งแน่นที่เกิดตามรอยยาแนว ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ใช้ทำความสะอาดร่างยาแนวโดยเฉพาะ สามารถใช้ได้หลากหลายห้อง ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น โดยที่ไม่ทำลายเนื้อกระเบื้องของเรา  การใช้งานนั้นส่วนใหญ่จะไม่ต้องผสมน้ำใช้เทลงบริเวณร่องยาแนวและค่อยๆซับออก ทั้งนี้ควรสวมและใส่แว่นเพื่อป้องกันสารเคมีที่ระเหยออกมาระหว่างที่เรากำลังใช้งานอยู่ และหากถูกผิวหนังควรรีบล้างออกทันที
น้ำยากันลื่น เป็นน้ำยาเฉพาะทางที่ถูกพัฒนามาเฉพาะ เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุภายในบ้าน ที่เป็นกระเบื้องพื้นผิวแบบเซรามิน เพราะมีคุณสมบัติช่วยลดความลื่นลงได้ และปลอดภัยต่อการใช้งานช่วยป้องกันการลื่นล้มขณะใช้งานในห้องน้ำหรือบริเวณพื้นที่เปียกชื้น เหมาะกับการใช้งานในพื้นผิวที่มีน้ำอยู่เสมออย่างเช่นห้องน้ำแต่ข้อเสียของการใช้น้ำยากันลื่นอาจจะทำให้ความเงาของกระเบื้องอาจจะลดลงเล็กน้อยเนื่องด้วยปฏิกิริยาของสารเคมี
น้ำยาเคลือบเงาพื้น หรือน้ำยาขัดเงา ใช้สำหรับทำให้พื้นกระเบื้องของเรานั้นมีความเงางามมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาเป็นน้ำยารองพื้นและเคลือบพื้นพร้อมกัน การใช้งานนั้นควรทำความสะอาดกระเบื้องของเราให้แห้งสะอาดก่อน


"

"ปลั๊กไฟ และ รางปลั๊กไฟ (Power Plugs)
ปลั๊กไฟ รางปลั๊กไฟ หรือ ปลั๊กพ่วง เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เชื่อว่าทุกคนคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือตามสถานที่ต่างๆ ก็จะมีอุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทนี้ไว้ใช้งานกันอยู่ทุกที่ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่เรามักจะใช้งานกันอย่างเป็นประจำในชีวิตประจำวัน ไม้พ้นวันหยุดที่ไปเที่ยวพักผ่อน ยังต้องพกปลั๊กไฟไปใช้ในที่พักด้วยแถบจะเป็นสิ่งที่ติดตัวคุณตลอดเวลา ปลั๊กไฟหรือรางปลั๊กไฟ สามารถช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการใช้งานไฟฟ้าได้อย่างทั่วถึง
แต่การใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆก็จำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งานประกอบด้วยเป็นหลัก เพราะปลั๊กไฟหรือปลั๊กพ่วงก็เป็นอีกสาเหตุหลักๆในการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรเลยทีเดียวเช่น ไฟช็อต หรือไฟไหม้อยู่บ่อยครั้ง เป็นเพราะเรามักจะใช้งานปลั๊กไฟพร้อมๆกัน บางครั้งหากเลือกปลั๊กไฟที่ไม่ได้มาตรฐานมาใช้งานก็อาจจะก่อให้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เช่นกัน ดังนั้นการเลือก ""ปลั๊กไฟ รางปลั๊กไฟ หรือปลั๊กพ่วง"" จึงต้องพิจารณากันถึงเรื่องของความปลอดภัยมาเป็นอันดับต้น โดยสามารถพิจารณาได้จากหลักการต่อไปนี้...
การเลือกปลั๊กไฟอย่างปลอดภัย
การเลือกปลั๊กไฟ รางปลั๊กไฟ หรือปลั๊กพ่วงสำหรับใช้งาน จะต้องพิจารณาจากสายไฟที่มีเครื่องหมาย มาตรฐานมอก.ปลั๊กพ่วงอยู่บนบรรจุภัณฑ์ โดย "มาตรฐานมอก.ปลั๊กพ่วง" เป็นตัวควบคุมและกำหนดมาตรฐานของปลั๊กพ่วงที่มีความปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งมาตรฐานดังกล่าวกำหนดเพื่อให้กับผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จัดจำหน่ายปลั๊กพ่วงต้องผลิต นำเข้าและจำหน่ายเฉพาะปลั๊กพ่วงที่ได้มาตรฐาน มอก. 2432-2555 เท่านั้น โดยการเลือกปลั๊กพ่วงตามตามมาตรฐานสามารถสังเกตุแยกเป็นส่วนๆได้อย่างชัดเจน ได้แก่
เต้ารับไฟฟ้า
มาตรฐานแล้วเต้ารับไฟฟ้าจะต้องเป็นเต้ารับ 3 รูเสียบ มีขั้วสายดินมาตรฐานประเทศไทย ที่สำคัญคือต้องมีตัวปิดช่อง (Shutter) ซึ่งเมื่อเสียบขาปลั๊กรูเดียวจะไม่สามารถเสียบลงได้ ต้องเสียบขาปลั๊กลงพร้อมกันเท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องมีสัญลักษณ์ระบุทางเดินกระแสไฟฟ้าไว้อย่างชัดเจนด้วย
-เต้าเสียบ
มาตรฐานปลั๊กไฟ มอก. ต้องเป็นแบบ 3 ขากลม ซึ่งเป็นเต้าเสียบ 2 ขั้ว พร้อมขั้วสายดิน มีฉนวนกันกระแสไฟฟ้าที่โคนขาปลั๊ก เพื่อป้องกันการสัมผัสโดยตรงจากผู้ใช้ ขาทั้ง 3 ขาต้องแน่นหนา ไม่สามารถหมุนออกได้ แรงดันของเต้าเสียบและเต้ารับต้องเท่ากัน กระแสของเต้าเสียบไฟฟ้าต้องไม่น้อยกว่าเต้ารับไฟฟ้า มีสัญลักษณ์ระบุข้อมูลผู้ผลิต รหัสสินค้า แรงดันไฟฟ้าที่กำหนด กระแสไฟฟ้า รวมถึงสัญลักษณ์ทางเดินกระแสไฟฟ้า และเลขที่ มอก. 166-2549
-ปลั๊กไฟ
สังเกตุได้จากสายไฟฟ้าต้องเป็นสายไฟฟ้าแบบกลมประเภท 3 ขั้วเท่านั้น แรงดันไฟฟ้าของสายไฟต้องไม่ต่ำกว่าเต้ารับและเต้าเสียบ มีสัญลักษณ์ระบุข้อมูลผู้ผลิต รหัสชนิดของสายไฟ แรงดันไฟฟ้าที่กำหนด จำนวนแกนและพื้นที่หน้าตัด อุณภูมิสูงสุดบนสายไฟ และเลขที่ มอก. 11-2553
-อุปกรณ์ป้องกันกระแสไฟฟ้าเกิน
หากมีจำนวนเต้ารับไฟฟ้าตั้งแต่ 3 ช่องขึ้นไป ต้องมีอุปกรณ์ป้องกันกระแสไฟฟ้าเกิน เป็นอุปกรณ์ประเภท Circuit Breaker หรือ Circuit Switch และกระแสไฟฟ้าที่กำหนดของตัวอุปกรณ์ป้องกันเองต้องไม่เกินที่กำหนดในตัวรางปลั๊กไฟด้วย
-สวิทซ์ไฟฟ้าบนรางปลั๊กไฟ
ถือเป็นอุปกรณ์เสริมบนตัวรางปลั๊กไฟที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ เช่นเดียวกับช่อง USB บนปลั๊กไฟ USB แต่ถ้ามีก็ต้องมีมาตรฐานบังคับอ้างอิงตาม มอก. 824-2551 หรือ IEC61058
-เครื่องหมายและฉลากที่ต้องระบุ
จะต้องมีการระบุกระแสไฟฟ้า สังเกตุตัวเลขที่หน่วยเป็นแอมแปร์ และระบุแรงดันไฟฟ้าซึ่งมีหน่วยเป็นโวลต์ นอกจากนี้ยังต้องระบุเครื่องหมายการค้า รุ่นสินค้า และกำลังไฟฟ้าสูงสุดของปลั๊กพ่วงหรือตัวเลขระบุจำนวนวัตต์
-บล็อคยางกันน้ำ
บล็อคยางกันน้ำ กันกระแทก สำหรับห่อหุ้มสายไฟ โดยตัวบล็อคยางกันน้ำผลิตจาก PVC มีความยืดหยุ่น มีฉนวนหุ้มสายไฟ อีกทั้งไม่ลามไฟ และทนความร้อนได้ดี โดยสามารถติดตั้งได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร"

"เลือกใช้สายไฟฟ้าให้เหมาะกับการใช้งาน
หากคุณเป็นมือใหม่ในเรื่องของการใช้งานสายไฟฟ้า ทางเรามีเกร็ดความรู้เล็กน้อยให้คุณได้รู้ก่อนใช้สายไฟฟ้าให้เหมาะกับการใช้งานภายในบ้านคุณ สายไฟนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ สายไฟแรงดันสูง และ สายไฟแรงดันต่ำ สำหรับสายไฟแรงดันต่ำ นั้นจะมีหลายขนาดมากตั้งแต่เล็กๆ ไปจนถึงใหญ่ สามารถทนแรงไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 750 โวลต์ และต่ำสุด 300 โวลต์ สายไฟประเภทนี้มีลักษณะเป็นสายหุ้มฉนวน สายข้างในทำด้วยทองแดง หรือบางสายอาจจะมีอลูมีเนียม โดยทั่วไปส่วนมากแล้วจะเป็นสายทองแดงขนาดเล็กตัวนำตัวเดียว
แต่หากเป็นสายไฟฟ้าขนาดใหญ่เป็นตัวนำตีเกลียว วัสดุฉนวนที่ใช้กับสายแรงดันต่ำ คือ Polyvinyl Chloride (PVC) และ Cross –Linked Polyethylene (XLPE) อย่างสายประเภท THW,VAF, VAF-GRD,NYY,NYY-GRD,0.6/1KV-CV,สายไฟ VCT,สายไฟ VCT-GRD,VSF,AV,VFF,VKF
ประเภทของสายไฟฟ้าในบ้านแบบไหนบ้างที่ควรรู้จัก?

-สายไฟฟ้าแบบไอวี IV

เป็นสายไฟฟ้าแบบแกนเดี่ยวทนไฟได้ 300 โวลต์ โดยส่วนมากใช้เป็นสายสำหรับเดินเข้าที่พักอาศัยที่ใช้กับระบบไฟฟ้า 1 เฟส และไม่ควรหรือห้ามนำไปใช้กับระบบไฟฟ้า 3 เฟส ที่มีแรงดัน 380 โวลต์ ควรเดินสายในช่องเดินสาย หรือสถานที่แห้ง และห้ามต่อท่อฝังดิน หรือฝังดินโดยตรงเพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้

-สายไฟฟ้าแบบวีเอเอฟ VAF

เป็นสายไฟฟ้าที่นิยมใช้กันมากในประเทศไทย สามารถทนแรงดันไฟฟ้าได้ถึง 300 โวลต์ มีให้เลือกทั้งสายไฟเดี่ยวและสายไฟแบบคู่ ที่ใช้กับระบบ 1 เฟส และไม่ควรหรือห้ามนำไปใช้กับระบบไฟฟ้า 3 เฟส ที่มีแรงดัน 380 โวลต์ ควรเดินสายในช่องเดินสาย หรือสถานที่แห้ง และห้ามต่อท่อฝังดิน หรือฝังดินโดยตรงเพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้

-สายทีเอสดับเบิลยู THW

เป็นสายไฟฟ้าที่สามารถทนแรงดันไฟได้ถึง 750 โวลต์ นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการอุสาหกรรมเนื่องจากวงการนี้มีการติดตั้งไฟฟ้าแบบ 3 เฟส เป็นปกติ แกนของสายประเภทนี้จะทำมาจากทองแดงที่ทำมารวมกันหลายๆ สาย ทำให้เส้นของสายไฟดูมีขนาดหนาและใหญ่ การใช้งานควรเดินสายในช่องเดินสาย หรือฝั่งในท่อดิน ที่มีการป้องกันน้ำรั่วซึมเอาไว้ แต่ห้ามฝังดินโดยตรง เนื่องจากจะเกิดอันตรายได้

-สายไฟฟ้าเอ็มวายวาย NYY

-สายไฟ VCT
เป็นสายไฟฟ้าชนิดกลม ที่สามารถทนแรงดันไฟฟ้าได้ถึง 750 โวลต์ นิยมใช้กันเป็นวงกว้างเนื่องจากมีความทนต่อสภาพแวดล้อมบางคนเรียกว่าสายฉนวนสามชั้น
สายไฟ VCT เป็นสายไฟฟ้าที่รับแรงดันไฟฟ้าได้ 450/750V ฉนวนและเปลือกทำจาก PVC ตัวนำทำจากทองแดงฝอยเส้นเล็กๆมัดรวมกันเป็นแกน มีทั้งแบบ 1 แกน 2 แกน 3 แกน และ 4 แกน ข้อดีของตัวนำทองแดงที่เป็นเส้นฝอยคือมีความอ่อนตัวและทนต่อสภาพการสั่นสะเทือนได้ดี นอกจากนี้ยังมีสายไฟ VCT-G เป็นสาย VCT ที่มีสายดินเดินรวมไปด้วยอีกเส้นหนึ่ง เพื่อให้เหมาะกับการใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องต่อลงดิน การใช้งานเดินบนรางเคเบิล ร้อยท่อฝังดิน หรือฝังดินโดยตรงก็ได้"

"ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยกับสายยางรดน้ำ หรือสายยางรดน้ำ
หัก งอ เวลาพับเก็บและเวลาคลายออกมาใช้ ทำให้น้ำตันไม่ไหล
ไม่ตะไคร่น้ำ ทำให้เวลาเปิดน้ำ มีเศษตะไคร่ไหลออกมาปน
มีจุดน้ำรั่ว เนื่องมาจากสายยางมีผนังบาง
สายยางรดน้ำคุณภาพสูง
น้ำหนักเหมาะสมกับขนาด ไม่หนักมาก
เมื่อบีบสายยางรดน้ำ เนื้อยางต้องคืนรูปเดิม
ควรเป็นสายยางแบบเนื้อ2ชั้น และมีเส้นใยเสริม หากต้องการใช้งานนานๆ
ราคาสูงกว่าสายยางคุณภาพต่ำ แต่อายุการใช้งานนานกว่ามาก

การบำรุงรักษาเครื่องมือการเกษตรเบื้องต้นเพื่อให้ใช้งานได้ยาวๆ

การดูแลรักษาเครื่องมือการเกษตรเบื้องต้นนั้นเราไม่ควรจะปล่อยให้เครื่องมือของเราตากฝนตากแดดนานเกินไป สายยางรดน้ำควรเก็บเข้าโรลม้วนให้เรียบร้อย และไม่ใช่แค่เฉพาะสายยางรดน้ำ แต่เครื่องมืออื่นๆก็ด้วย เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดสนิมหรือว่าหากเป็นพลาสติก ก็จะกร่อนกรอบง่ายจนหมดสภาพการใช้งานหากไม่เก็บรักษาให้ดี ในการดูแลรักษานั้นควรจะล้างละเซ็ดให้แห้งทุกครั้งก่อนจะจัดเก็บเครื่องมือ"

ปลั๊กไฟ และ รางปลั๊กไฟ (Power Plugs)
ปลั๊กไฟ รางปลั๊กไฟ หรือ ปลั๊กพ่วง เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เชื่อว่าทุกคนคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือตามสถานที่ต่างๆ ก็จะมีอุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทนี้ไว้ใช้งานกันอยู่ทุกที่ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่เรามักจะใช้งานกันอย่างเป็นประจำในชีวิตประจำวัน ไม้พ้นวันหยุดที่ไปเที่ยวพักผ่อน ยังต้องพกปลั๊กไฟไปใช้ในที่พักด้วยแถบจะเป็นสิ่งที่ติดตัวคุณตลอดเวลา ปลั๊กไฟหรือรางปลั๊กไฟ สามารถช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการใช้งานไฟฟ้าได้อย่างทั่วถึง
แต่การใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆก็จำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งานประกอบด้วยเป็นหลัก เพราะปลั๊กไฟหรือปลั๊กพ่วงก็เป็นอีกสาเหตุหลักๆในการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรเลยทีเดียวเช่น ไฟช็อต หรือไฟไหม้อยู่บ่อยครั้ง เป็นเพราะเรามักจะใช้งานปลั๊กไฟพร้อมๆกัน บางครั้งหากเลือกปลั๊กไฟที่ไม่ได้มาตรฐานมาใช้งานก็อาจจะก่อให้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เช่นกัน ดังนั้นการเลือก "ปลั๊กไฟ รางปลั๊กไฟ หรือปลั๊กพ่วง" จึงต้องพิจารณากันถึงเรื่องของความปลอดภัยมาเป็นอันดับต้น โดยสามารถพิจารณาได้จากหลักการต่อไปนี้...
การเลือกปลั๊กไฟอย่างปลอดภัย
การเลือกปลั๊กไฟ รางปลั๊กไฟ หรือปลั๊กพ่วงสำหรับใช้งาน จะต้องพิจารณาจากสายไฟที่มีเครื่องหมาย มาตรฐานมอก.ปลั๊กพ่วงอยู่บนบรรจุภัณฑ์ โดย "มาตรฐานมอก.ปลั๊กพ่วง" เป็นตัวควบคุมและกำหนดมาตรฐานของปลั๊กพ่วงที่มีความปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งมาตรฐานดังกล่าวกำหนดเพื่อให้กับผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จัดจำหน่ายปลั๊กพ่วงต้องผลิต นำเข้าและจำหน่ายเฉพาะปลั๊กพ่วงที่ได้มาตรฐาน มอก. 2432-2555 เท่านั้น โดยการเลือกปลั๊กพ่วงตามตามมาตรฐานสามารถสังเกตุแยกเป็นส่วนๆได้อย่างชัดเจน ได้แก่
เต้ารับไฟฟ้า
มาตรฐานแล้วเต้ารับไฟฟ้าจะต้องเป็นเต้ารับ 3 รูเสียบ มีขั้วสายดินมาตรฐานประเทศไทย ที่สำคัญคือต้องมีตัวปิดช่อง (Shutter) ซึ่งเมื่อเสียบขาปลั๊กรูเดียวจะไม่สามารถเสียบลงได้ ต้องเสียบขาปลั๊กลงพร้อมกันเท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องมีสัญลักษณ์ระบุทางเดินกระแสไฟฟ้าไว้อย่างชัดเจนด้วย
-เต้าเสียบ
มาตรฐานปลั๊กไฟ มอก. ต้องเป็นแบบ 3 ขากลม ซึ่งเป็นเต้าเสียบ 2 ขั้ว พร้อมขั้วสายดิน มีฉนวนกันกระแสไฟฟ้าที่โคนขาปลั๊ก เพื่อป้องกันการสัมผัสโดยตรงจากผู้ใช้ ขาทั้ง 3 ขาต้องแน่นหนา ไม่สามารถหมุนออกได้ แรงดันของเต้าเสียบและเต้ารับต้องเท่ากัน กระแสของเต้าเสียบไฟฟ้าต้องไม่น้อยกว่าเต้ารับไฟฟ้า มีสัญลักษณ์ระบุข้อมูลผู้ผลิต รหัสสินค้า แรงดันไฟฟ้าที่กำหนด กระแสไฟฟ้า รวมถึงสัญลักษณ์ทางเดินกระแสไฟฟ้า และเลขที่ มอก. 166-2549
-ปลั๊กไฟ
สังเกตุได้จากสายไฟฟ้าต้องเป็นสายไฟฟ้าแบบกลมประเภท 3 ขั้วเท่านั้น แรงดันไฟฟ้าของสายไฟต้องไม่ต่ำกว่าเต้ารับและเต้าเสียบ มีสัญลักษณ์ระบุข้อมูลผู้ผลิต รหัสชนิดของสายไฟ แรงดันไฟฟ้าที่กำหนด จำนวนแกนและพื้นที่หน้าตัด อุณภูมิสูงสุดบนสายไฟ และเลขที่ มอก. 11-2553
-อุปกรณ์ป้องกันกระแสไฟฟ้าเกิน
หากมีจำนวนเต้ารับไฟฟ้าตั้งแต่ 3 ช่องขึ้นไป ต้องมีอุปกรณ์ป้องกันกระแสไฟฟ้าเกิน เป็นอุปกรณ์ประเภท Circuit Breaker หรือ Circuit Switch และกระแสไฟฟ้าที่กำหนดของตัวอุปกรณ์ป้องกันเองต้องไม่เกินที่กำหนดในตัวรางปลั๊กไฟด้วย
-สวิทซ์ไฟฟ้าบนรางปลั๊กไฟ
ถือเป็นอุปกรณ์เสริมบนตัวรางปลั๊กไฟที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ เช่นเดียวกับช่อง USB บนปลั๊กไฟ USB แต่ถ้ามีก็ต้องมีมาตรฐานบังคับอ้างอิงตาม มอก. 824-2551 หรือ IEC61058
-เครื่องหมายและฉลากที่ต้องระบุ
จะต้องมีการระบุกระแสไฟฟ้า สังเกตุตัวเลขที่หน่วยเป็นแอมแปร์ และระบุแรงดันไฟฟ้าซึ่งมีหน่วยเป็นโวลต์ นอกจากนี้ยังต้องระบุเครื่องหมายการค้า รุ่นสินค้า และกำลังไฟฟ้าสูงสุดของปลั๊กพ่วงหรือตัวเลขระบุจำนวนวัตต์
-บล็อคยางกันน้ำ
บล็อคยางกันน้ำ กันกระแทก สำหรับห่อหุ้มสายไฟ โดยตัวบล็อคยางกันน้ำผลิตจาก PVC มีความยืดหยุ่น มีฉนวนหุ้มสายไฟ อีกทั้งไม่ลามไฟ และทนความร้อนได้ดี โดยสามารถติดตั้งได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร

เลือกใช้สายไฟฟ้าให้เหมาะกับการใช้งาน
หากคุณเป็นมือใหม่ในเรื่องของการใช้งานสายไฟฟ้า ทางเรามีเกร็ดความรู้เล็กน้อยให้คุณได้รู้ก่อนใช้สายไฟฟ้าให้เหมาะกับการใช้งานภายในบ้านคุณ สายไฟนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ สายไฟแรงดันสูง และ สายไฟแรงดันต่ำ สำหรับสายไฟแรงดันต่ำ นั้นจะมีหลายขนาดมากตั้งแต่เล็กๆ ไปจนถึงใหญ่ สามารถทนแรงไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 750 โวลต์ และต่ำสุด 300 โวลต์ สายไฟประเภทนี้มีลักษณะเป็นสายหุ้มฉนวน สายข้างในทำด้วยทองแดง หรือบางสายอาจจะมีอลูมีเนียม โดยทั่วไปส่วนมากแล้วจะเป็นสายทองแดงขนาดเล็กตัวนำตัวเดียว
แต่หากเป็นสายไฟฟ้าขนาดใหญ่เป็นตัวนำตีเกลียว วัสดุฉนวนที่ใช้กับสายแรงดันต่ำ คือ Polyvinyl Chloride (PVC) และ Cross –Linked Polyethylene (XLPE) อย่างสายประเภท THW,VAF, VAF-GRD,NYY,NYY-GRD,0.6/1KV-CV,สายไฟ VCT,สายไฟ VCT-GRD,VSF,AV,VFF,VKF
ประเภทของสายไฟฟ้าในบ้านแบบไหนบ้างที่ควรรู้จัก?

-สายไฟฟ้าแบบไอวี IV

เป็นสายไฟฟ้าแบบแกนเดี่ยวทนไฟได้ 300 โวลต์ โดยส่วนมากใช้เป็นสายสำหรับเดินเข้าที่พักอาศัยที่ใช้กับระบบไฟฟ้า 1 เฟส และไม่ควรหรือห้ามนำไปใช้กับระบบไฟฟ้า 3 เฟส ที่มีแรงดัน 380 โวลต์ ควรเดินสายในช่องเดินสาย หรือสถานที่แห้ง และห้ามต่อท่อฝังดิน หรือฝังดินโดยตรงเพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้

-สายไฟฟ้าแบบวีเอเอฟ VAF

เป็นสายไฟฟ้าที่นิยมใช้กันมากในประเทศไทย สามารถทนแรงดันไฟฟ้าได้ถึง 300 โวลต์ มีให้เลือกทั้งสายไฟเดี่ยวและสายไฟแบบคู่ ที่ใช้กับระบบ 1 เฟส และไม่ควรหรือห้ามนำไปใช้กับระบบไฟฟ้า 3 เฟส ที่มีแรงดัน 380 โวลต์ ควรเดินสายในช่องเดินสาย หรือสถานที่แห้ง และห้ามต่อท่อฝังดิน หรือฝังดินโดยตรงเพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้

-สายทีเอสดับเบิลยู THW

เป็นสายไฟฟ้าที่สามารถทนแรงดันไฟได้ถึง 750 โวลต์ นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการอุสาหกรรมเนื่องจากวงการนี้มีการติดตั้งไฟฟ้าแบบ 3 เฟส เป็นปกติ แกนของสายประเภทนี้จะทำมาจากทองแดงที่ทำมารวมกันหลายๆ สาย ทำให้เส้นของสายไฟดูมีขนาดหนาและใหญ่ การใช้งานควรเดินสายในช่องเดินสาย หรือฝั่งในท่อดิน ที่มีการป้องกันน้ำรั่วซึมเอาไว้ แต่ห้ามฝังดินโดยตรง เนื่องจากจะเกิดอันตรายได้

-สายไฟฟ้าเอ็มวายวาย NYY

-สายไฟ VCT
เป็นสายไฟฟ้าชนิดกลม ที่สามารถทนแรงดันไฟฟ้าได้ถึง 750 โวลต์ นิยมใช้กันเป็นวงกว้างเนื่องจากมีความทนต่อสภาพแวดล้อมบางคนเรียกว่าสายฉนวนสามชั้น
สายไฟ VCT เป็นสายไฟฟ้าที่รับแรงดันไฟฟ้าได้ 450/750V ฉนวนและเปลือกทำจาก PVC ตัวนำทำจากทองแดงฝอยเส้นเล็กๆมัดรวมกันเป็นแกน มีทั้งแบบ 1 แกน 2 แกน 3 แกน และ 4 แกน ข้อดีของตัวนำทองแดงที่เป็นเส้นฝอยคือมีความอ่อนตัวและทนต่อสภาพการสั่นสะเทือนได้ดี นอกจากนี้ยังมีสายไฟ VCT-G เป็นสาย VCT ที่มีสายดินเดินรวมไปด้วยอีกเส้นหนึ่ง เพื่อให้เหมาะกับการใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องต่อลงดิน การใช้งานเดินบนรางเคเบิล ร้อยท่อฝังดิน หรือฝังดินโดยตรงก็ได้

ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยกับสายยางรดน้ำ หรือสายยางโรล
หัก งอ เวลาพับเก็บและเวลาคลายออกมาใช้ ทำให้น้ำตันไม่ไหล
ไม่ตะไคร่น้ำ ทำให้เวลาเปิดน้ำ มีเศษตะไคร่ไหลออกมาปน
มีจุดน้ำรั่ว เนื่องมาจากสายยางมีผนังบาง
สายยางโรลคุณภาพสูง
น้ำหนักเหมาะสมกับขนาด ไม่หนักมาก
เมื่อบีบสายยางโรล เนื้อยางต้องคืนรูปเดิม
ควรเป็นสายยางแบบเนื้อ2ชั้น และมีเส้นใยเสริม หากต้องการใช้งานนานๆ
ราคาสูงกว่าสายยางคุณภาพต่ำ แต่อายุการใช้งานนานกว่ามาก

การบำรุงรักษาเครื่องมือการเกษตรเบื้องต้นเพื่อให้ใช้งานได้ยาวๆ

การดูแลรักษาเครื่องมือการเกษตรเบื้องต้นนั้นเราไม่ควรจะปล่อยให้เครื่องมือของเราตากฝนตากแดดนานเกินไป สายยางโรลควรเก็บเข้าโรลม้วนให้เรียบร้อย และไม่ใช่แค่เฉพาะสายยางรดน้ำ แต่เครื่องมืออื่นๆก็ด้วย เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดสนิมหรือว่าหากเป็นพลาสติก ก็จะกร่อนกรอบง่ายจนหมดสภาพการใช้งานหากไม่เก็บรักษาให้ดี ในการดูแลรักษานั้นควรจะล้างละเซ็ดให้แห้งทุกครั้งก่อนจะจัดเก็บเครื่องมือ

การเลือกซื้อตู้กดน้ำดื่มภายในบ้าน หรือตู้น้ำดื่มที่เลือกซื้ออย่างไร??
หากจะพูดถึงตู้กดน้ำดื่ม ตู้กดน้ำเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากไม่ว่าจะเป็นภายในอาคาร โรงงาน โรงเรียน สำนักงานต่างๆ  ตั้งตู้กดน้ำแบบต่างๆ ไว้บริการลูกค้าเพื่อความสะดวกสายในการใช้บริการ หรือมาติดต่อธุรกิจ หรือแม้แต่ตามบ้านหรือคอนโดเอง ลูกค้าของโฮมโปรสามารถเลือกซื้อตู้น้ำดื่มขนาดเล็ก เพื่อนำมาใช้สำหรับรับแขก หรือเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมเยียนได้เช่นกัน
ตู้น้ำดื่มเลือกซื้อยี่ห้อไหนดี..
สำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ใน การเลือกซื้อตู้กดน้ำ หรือตู้ทำน้ำดื่มภายในบ้าน ปัจจุบันไม่ใช่เรื่องที่ยากมากนัก ตู้กดน้ำดื่มนั้นมีมากมากมายหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น ตู้น้ำดิ่ม SHARP , ตู้น้ำดื่ม CLARTE , ตู้น้ำดื่ม MAZAMA หากจะถามว่าตู้น้ำดื่มแบบไหนดี ทั้งนี้เองขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานของคุณลูกค้าเองด้วย เพราะว่า ตู้กดน้ำดื่มแต่ละยี่ห้อ ก็มีลักษะแบบเฉพาะตัว และการออกแบบที่แตกต่างกันไป การเลือกซื้อตู้กดน้ำดื่มสามารถลือกซื้อได้ง่ายๆ เพียงแต่ว่าเราต้องทำความเข้าในเกี่ยวกับประเภทของตู้ทำน้ำดื่มกันสักก่อน
รูปแบบของตู้ทำน้ำดื่มโดยทั่วไปแล้วจะถูกแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ สองแบบ ตู้กดน้ำดื่มที่มีระบบการกรองน้ำในตัว และ ตู้กดน้ำที่ไม่มีระบบกรองน้ำในตัว ซึ่งข้อดีของตู้ทำน้ำดื่มทั้งสองแบบนี้ ก็จะแตกต่างกันออกไป
ตู้น้ำดื่มพร้อมระบบกรองน้ำในตัว..
  ตู้น้ำดื่มในรูปแบบนี้มีข้อดี คือเนื่องจากสามารถต่อน้ำเข้าได้เลยจากระบบประปา โดยทั่วไปตู้น้ำดื่มจะมีลักษณะที่ค่อนข้างเล็กกว่า ทำให้สามารถนำไปวางในบ้านของคุณ หรือสำนักงานเล็กๆ ที่มีพื้นที่จำกัดไปเป็นอย่างดี แต่ข้อเสียหลักๆ ของการติดตั้งตู้ทำน้ำดื่ม ต้องมีการติดตั้งระบบการวางสายเพื่อที่จะให้นำเอาน้ำประปามาใช้เข้าไปในตัวเครื่อง ซึ่งในขั้นตอนนี้เองก็ทำให้มีความยากลำบากพอสมควร และไม่สะดวกนักหากมีการเคลื่อนย้ายบ่อยๆ และราคาในท้องตลอดค่องข้างสูง
ตู้ทำน้ำดื่มที่ไม่มีระบบกรองน้ำในตัว
ตู้กดน้ำดื่มแบบนี้จะสามารถติดตั้งได้ง่าย และสามารถเคลื่อนย้ายได้ค่อนข้างสะดวก เนื่องจากหลักการทำงานเพียบแค่เสียบปลั้กไฟก็สามารถใช้งานได้เลย ไม่ต้องติดตั้งระบบประปายุ่งยาก และราคาตามท้องตลาดค่อนข้างถูกกว่ามากหากเทียบกับตู้กดน้ำดื่มที่มีระบบกรองน้ำ แต่ข้อเสียของตู้กดน้ำดื่มแบบนี้คือต้องคอยเปลี่ยนถังน้ำที่วางไว้ด้านบนตู้น้ำอยู่ตลอดเวลา และยังเปลืองพื้นที่ค่อนข้างมาก ในการใช้เก็บถังน้ำ