• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

BPP ฉากใหญ่ปีเสือสู่ Growth Story หุ้นบาดตาสถาบัน

Started by Thetaiso, February 02, 2022, 08:51:19 PM

Previous topic - Next topic

Thetaiso



กลายเป็นหุ้นที่กลับเข้าไปอยู่ในสายตาของนักลงทุนสถาบันอีกครั้ง สำหรับ บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่เรือธงของกลุ่ม บมจ.บ้านปู (BANPU) หลังจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้รับคัดเลือกเข้าไปคำนวณดัชนี SET100 และ SETHD ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 65 (1 ม.ค.-30 มิ.ย.65) มาพร้อมกับยุทธ์ศาสตร์ขยายอาณาจักรดันกำลังการผลิตไฟฟ้าแตะ 5,300 MW ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือปี 68

*หวนคืนหุ้นบาดตาสถาบันอีกครั้ง

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า ข่าวดีที่หุ้น BPP ได้รับคัดเลือกเข้าไปคำนวณในดัชนี SET100 และ SETHD เชื่อว่าจะส่งผลเพิ่มโอกาสที่หุ้นของบริษัทจะกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายลงทุนของกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่จะปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนสอดคล้องกับเงื่อนไขของการเข้าคำนวณในดัชนีดังกล่าว

"เมื่อหุ้น BPP เข้าไปอยู่ใน SET100 และSETHD สะท้อนถึงความเป็นหุ้นที่มีการสร้างผลกำไรเติบโตที่ดีหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนที่ผลักดันมาร์เก็ตแคปของบริษัทเพิ่มขึ้น และมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลอัตราสูง ทำให้หุ้น BPP มีโอกาสสูงที่จะเข้าไปอยู่ในเรดาห์ของนักลงทุนสถาบันหลายๆ แห่งเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้น BPP ช่วงหลังจากนี้" นายกิรณ กล่าว
*ปี 65 ลุ้นโตเด่น ทุ่มงบ 200-300 ล้านเหรียญฯ ขยายกำลังผลิตไฟฟ้า

นายกิรณ กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/64 ที่เตรียมรายงานช่วงต้นปี 65 มองเห็นสัญญาณเติบโตที่ดีตามการรับรู้รายได้จากโครงการใหม่เข้ามาเพิ่มเติม คือ โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ตั้งอยู่ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐฯ กำลังการผลิต 768 เมกะวัตต์ ซึ่ง BPP ถือหุ้น 50%

บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 64 หลังจากปิดดีลอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พ.ย.64 จากนั้นในปี 65 จะรับรู้รายได้เต็มปี ขณะที่บริษัทมีแผนขยายการลงทุนในโครงการอื่นๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าช่วงปลายปี 64 สถานการณ์ของราคาถ่านหินในประเทศจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยถ่านหินนับเป็นต้นทุนหลักการผลิตไฟฟ้า แต่บริษัทวางกลยุทธ์ลดและควบคุมค่าใช้จ่าย ดังนั้น การรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตใหม่เข้ามาก็ยังสามารถช่วยสนับสนุนการเติบโตผลประกอบการของบริษัทได้เป็นอย่างดี

ด้านงบลงทุนปี 65 คาดว่าจะใช้ราว 200-300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นวงเงินลงทุนที่ใกล้เคียงกับปีก่อน เพื่อนำไปต่อยอดขยายการลงทุนด้านพลังงานทดแทนใน 7 ประเทศที่บริษัทมีฐานการผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว โดยเฉพาะในสหรัฐที่เพิ่งเข้าไปลงทุน ซึ่งแผนขยายการลงทุนหรือปรับปรุงศักยภาพการผลิตไฟฟ้าของกลุ่มฯ น่าจะเห็นความชัดเจนภายในครึ่งแรกของปี 65

"ตอนนี้ทั้ง 7 ประเทศที่เราอยู่ ถ้ามีโอกาสในการลงทุนด้าน Renewable หรือ โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ High Efficiency, Low Emissions Technology เรามองหมดเลย ส่วนประเทศอื่นๆ ที่ 8 ที่ 9 ก็มีความเป็นไปได้...เราก็ไม่ได้ปิดกั้นโอกาสการขยายการลงทุนในโครงการใหม่ๆ นอกเหนือจากประเทศที่มีการลงทุนอยู่ในปัจจุบัน แต่สิ่งที่สำคัญคือโครงการนั้นต้องเข้ามาเพิ่มมูลค่าให้กิจการของกลุ่มทั้งระบบนิเวศ (Ecosystems) หนุนศักยภาพทำกำไรเติบโตได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพในระยะยาว" นายกิรณ กล่าว
*เล็งปิดดีลซื้อโรงไฟฟ้าเวียดนาม 50 MW ภายใน Q2/65

สำหรับดีลล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ม.ค.65 รายงานความคืบหน้าการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเวียดนาม ดำเนินการผ่านบริษัท BRE Singapore Pte.Ltd (BRES) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท บ้านปูเน็กซ์ จำกัด (BANPU และบมจ. บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ถือหุ้นเท่ากันที่ 50%)

BRES ลงนามในสัญญาเพื่อลงทุน 100% ในบริษัท LCE Gia Lai โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Chu Ngoc ขนาดกำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ และ บริษัท LCE Ninh Thuan ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Nhon Hai ขนาดกำลังการผลิต 35 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนรวม 26.69 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 883 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าได้รับอนุมัติจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องก่อนจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 2/65

โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 2 แห่ง มีจุดเด่นหลายประการ ได้แก่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ความเข้มของแสงอาทิตย์ในระดับดีเยี่ยมและยาวนาน มีราคารับซื้อไฟฟ้า (FiT) ที่ 9.35 เซนต์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ถือเป็นอัตราที่ดี รวมทั้งจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบสายส่งให้แก่การไฟฟ้าเวียดนาม (Vietnam Electricity) ตามสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า (PPA) 20 ปี ส่งผลถึงกระแสเงินสดที่บริษัทจะได้รับอย่างมั่นคงในระยะยาว ซึ่งทั้ง 2 แห่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการผลิตอยู่แล้ว จึงสามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ BPP ได้ลงทุนในโรงไฟฟ้าฮาติ๋ญ กำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ เมื่อเดือน ธ.ค.64 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกที่บริษัทเข้าไปลงทุนในเวียดนาม

*วางเป้าปี 68 กำลังผลิตไฟฟ้าแตะ 5,300 MW

นายกิรณ เปิดเผยแผนการขยายธุรกิจในระยะยาวว่า บริษัทมีเป้าหมายปี 68 จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 5,300 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในพอร์ตการลงทุนทั้งหมด 3,300 เมกะวัตต์ โดยกำลังการผลิตที่จะเพิ่มเข้ามา 2,000 เมกะวัตต์ จะมุ่งเน้นขยายการลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าที่สร้างผลตอบแทนที่ดี และเป็นพลังงานสะอาดประเภท Greener & Smarter เติบโตไปพร้อมกับกระแสเมกะเทรนด์ของโลก ซึ่งบริษัทวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วน EBITDA จากโครงการพลังงานสะอาดเป็นอย่างน้อย 25-30% ของ EBITDA รวมในอนาคต

"ต้องยอมรับว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา BPP มีกระแสเงินสดที่ได้รับเป็นหลักมาจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่ในอีก 5 ข้างหน้า กลุ่มฯ ก็ตั้งเป้าชัดเจนว่ากระแสเงินสดที่เข้ามาเป็นหลัก จะต้องมาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด สอดรับไปกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก

แม้ว่าหนึ่งความท้าทายการลงทุน คือความคุ้มค่าผลตอบแทนจากการลงทุนอาจไม่ได้สูงเหมือนกับในอดีต แต่ทางบริษัทมีกลยุทธ์หลากหลายแนวทาง เช่น การหาแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำ การ Recycle assets เปลี่ยนทรัพย์สินกลายเป็นเงินทุนเพื่อขยายโครงการที่มีศักยภาพสูงกว่าเดิม เป็นต้น" นายกิรณ กล่าว