• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ

Started by Ailie662, December 07, 2021, 12:45:27 AM

Previous topic - Next topic

Ailie662

คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?BBB+? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ที่มีการค้ำประกันบางส่วนของบริษัทที่ระดับ ?A-? โดยพิจารณาจากสถานะเครดิตของทั้งบริษัทเองซึ่งเป็นผู้ออกตราสารและสถานะเครดิตของผู้ค้ำประกันคือธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ?AA+? และแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? จากทริสเรทติ้ง* โดยธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ในสัดส่วน 45% ของเงินต้นคงเหลือและดอกเบี้ยค้างชำระของหุ้นกู้ดังกล่าว

ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1.3 หมื่นล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ?BBB+? ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวไปใช้ชำระหนี้เงินกู้และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียน

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้นำในธุรกิจให้บริการโทรคมนาคมแบบครบวงจรในประเทศไทย ตลอดจนสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัททั้งในธุรกิจการให้บริการสื่อสารแบบไร้สายและธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง รวมทั้งผลการดำเนินงานที่น่าพอใจของบริษัท นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความคาดหวังของ ทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทคือเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือกลุ่มซีพีและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์คือ China Mobile International Holdings Ltd. (China Mobile) อีกด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวยังมีปัจจัยลดทอนจากงบการเงินที่มีหนี้สินอยู่ในระดับสูงของบริษัท ตลอดจนการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม และผลกระทบที่ยืดเยื้อจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19)

ADVERTISEMENT


ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 บริษัททรู คอร์ปอเรชั่นยังคงมีผลการดำเนินงานที่สอดคล้องกับประมาณการของทริสเรทติ้ง กล่าวคือ ท่ามกลางผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 บริษัทยังมีรายได้ที่ระดับ 1.02 แสนล้านบาทซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากการให้บริการซึ่งไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายจำนวน 7.97 หมื่นล้านบาทนั้นอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ รายได้ของบริษัทมีปัจจัยขับเคลื่อนจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแต่ก็มีปัจจัยลดทอนจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและมาตรการควบคุมพื้นที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดซึ่งส่งผลกดดันต่อธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกลุ่มลูกค้าแบบเติมเงินและธุรกิจให้บริการโทรทัศน์แบบตอบรับสมาชิก

ณ เดือนกันยายน 2564 ธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัทซึ่งดำเนินงานภายใต้แบรนด์ ?ทรูมูฟ เอช? มีจำนวนลูกค้าทั้งสิ้น 32 ล้านราย เพิ่มขึ้นจาก 31.7 ล้านราย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 รายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ระดับ 5.99 หมื่นล้านบาทซึ่งลดลงเล็กน้อยที่ระดับ 0.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ของกลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมรวมทั้งรายได้ต่อเลขหมาย (Average Revenue Per User ? ARPU) ยังคงได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันและจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค ทั้งนี้ ในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 รายได้รวมของกลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 ลดลง 1.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยทรูมูฟ เอช ยังสามารถคงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในการเป็นผู้ให้บริการสื่อสารแบบไร้สายรายใหญ่อันดับสองของประเทศด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านรายได้คิดเป็นสัดส่วน 31.5% เอาไว้ได้

บริษัทมีรายได้จากการให้บริการธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 จำนวนทั้งสิ้น 2.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์การเชื่อมต่อแบบออนไลน์และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจากที่อยู่อาศัยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ณ เดือนกันยายน 2564 จำนวนลูกค้าที่เป็นสมาชิกอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของบริษัทเติบโตมาอยู่ที่จำนวน 4.5 ล้านราย โดยมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นถึงจำนวน 0.135 ล้านรายในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 ทั้งนี้ แม้ว่ารายได้ต่อเลขหมายจะมีแนวโน้มลดลง แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่ารายได้จากการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของบริษัทจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2564

รายได้จากธุรกิจให้บริการโทรทัศน์แบบตอบรับสมาชิกของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 6.7% มาอยู่ที่ระดับประมาณ 7.4 พันล้านบาทอันเป็นผลมาจากจำนวนสมาชิกที่หดตัวลง รวมถึงการลดการใช้จ่ายของลูกค้าในกลุ่มธุรกิจโรงแรม ตลอดจนแนวโน้มการรับชมสื่อและข่าวสารผ่านทางช่องทางอินเทอร์เน็ต (Over-the-top ? OTT) และออนไลน์ที่มีมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม รายได้จากโฆษณา สันทนาการ และอื่นๆ มีการฟื้นตัวเพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าการเปิดประเทศและการกลับมาของกิจกรรมทางสังคมจะช่วยให้ธุรกิจให้บริการโทรทัศน์แบบตอบรับสมาชิกค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมา

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ระดับ 4.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอันเป็นผลมาจากมาตรการควบคุมต้นทุนของบริษัท ตลอดจนการปรับเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายที่ลดลง และประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่เพิ่มสูงขึ้น บริษัทมีอัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้ (EBITDA margin) อยู่ที่ระดับ 44.2% ในปี 2564 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 40.6% ในปี 2563 ในขณะเดียวกันก็มีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ระดับ 3.1 หมื่นล้านบาท

อันดับเครดิตของบริษัทมีข้อจำกัดจากการที่บริษัทมีหนี้สินอยู่ในระดับสูง กล่าวคือ ณ เดือนกันยายน 2564 บริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 2.44 แสนล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 2.53 แสนล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 โดยมีหนี้สินปรับปรุงสุทธิอยู่ที่ประมาณ 4.16 แสนล้านบาท บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อ EBITDA อยู่ที่ระดับ 7 เท่าและอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ระดับ 9.5% ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อโครงสร้างเงินทุนที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ระดับ 82% ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากงบประมาณใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับการลงทุนในโครงข่ายสื่อสารแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงมีภาระหนี้สินอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกในช่วงระยะปานกลางโดยยังมีความจำเป็นจะต้องกู้เงินใหม่เพื่อนำมาชำระคืนหนี้เงินกู้เดิมส่วนใหญ่ที่จะครบกำหนดในช่วงเวลา 12-18 เดือนข้างหน้าด้วย

ณ เดือนกันยายน 2564 บริษัทมีหนี้สินทางการเงินของบริษัทย่อยในสัดส่วน 48% ของหนี้สินทางการเงินรวมของบริษัทและหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งระดับหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนของบริษัทนั้นต่ำกว่าระดับ 50% ที่กำหนดไว้ตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้? ของทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งจึงพิจารณาว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทไม่มีความเสียเปรียบอย่างมีนัยสำคัญในการเรียกร้องค่าทดแทนจากสินทรัพย์ของบริษัท ซึ่งส่งผลให้ทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทให้อยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC) และบริษัทได้ประกาศความประสงค์ในการควบรวมบริษัท ซึ่งขณะนี้ทริสเรทติ้งกำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการประเมินการควบรวมนี้ว่าจะมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของบริษัทอย่างไร ทั้งนี้ การประเมินยังขาดข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวกับการควบรวมกิจการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างของบริษัทใหม่และทิศทางธุรกิจหลังการควบรวม ทริสเรทติ้งมีข้อสังเกตว่าการควบรวมกิจการในครั้งนี้ยังมีปัจจัยที่ท้าทายอีกมากไม่ว่าจะเป็นการได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น การได้รับความยินยอมจากเจ้าหนี้ และการได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความแข็งแกร่งของสถานะทางการตลาดในกลุ่มธุรกิจหลักและมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจต่อไปได้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะยังได้รับการสนับสนุนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์และ China Mobile อย่างต่อเนื่องต่อไปอีกด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงจนส่งผลให้อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วลดต่ำกว่าระดับ 5% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง ในขณะที่อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรและมีโครงสร้างเงินทุนที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

บริษัทยังมีคดีความที่อยู่ในระหว่างดำเนินการอีกบางส่วนที่อาจจะต้องใช้เวลาในการพิจารณาตัดสิน ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับแรงกดดันในทางลบหากผลสรุปของคดีความเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบในทางลบอย่างมีสาระสำคัญต่อสถานะทางการเงินของบริษัท

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TRUE221A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 12,246 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+
TRUE221B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+
TRUE224A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,922 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+
TRUE225A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+
TRUE227A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 945 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+
TRUE228A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,799.10 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+
TRUE228B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 830 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+
TRUE232A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,330 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB+
TRUE232B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,875 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB+
TRUE237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,394.60 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB+
TRUE239A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB+
TRUE23NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,438.90 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB+
TRUE245A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,415.50 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TRUE248A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 11,841.60 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TRUE24OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,325 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TRUE24OB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,212.90 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TRUE24NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,268.70 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TRUE251A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,994.20 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB+
TRUE252A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,207.70 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB+