• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ “แข็งค่า” ที่ระดับ 33.17 บาท/ดอลลาร์

Started by deam205, October 15, 2021, 09:50:18 PM

Previous topic - Next topic

deam205

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ทั้งจากปัจจัยนักลงทุนต่างชาติทยอยซื้อสุทธิหุ้นไทยตามความหวังทยอยเปิดประเทศในเดือนหน้าและแรงขายทำกำไรทองคำ

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  33.17 บาทต่อดอลลาร์ "แข็งค่า"ขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.45 บาทต่อดอลลาร์ (ณ สิ้นวันที่ 12 ตุลาคม)

 

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หากนักลงทุนต่างชาติทยอยเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยตามความหวังแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจากการทยอยเปิดประเทศในเดือนหน้า นอกจากนี้ แรงขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้ในระยะสั้น

 

ทั้งนี้ แม้ว่าเงินบาทอาจกลับมาแข็งค่าได้บ้าง แต่ เรายังมองว่า เงินบาทยังมีแนวรับสำคัญที่ 33 บาทต่อดอลลาร์ และการจะกลับไปแข็งค่าหนักในระยะสั้น อาทิ เช่น แข็งค่ากลับไปแตะระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ แบบในรอบก่อนหน้า อาจไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก เพราะปัจจัยพื้นฐานยังไม่ได้ฟื้นตัวดีมากนัก อีกทั้ง สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ล่าสุด ก็ดูมีแนวโน้มน่ากังวลอยู่ หลังยอดผู้ติดเชื้อยังเพิ่มสูงขึ้น

 

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.10-33.30 บาท/ดอลลาร์

 

 


ผู้เล่นในตลาดการเงินทยอยกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น โดยตลาดเริ่มลดความกังวลต่อการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ หลังอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ (Core CPI) ในเดือนกันยายน ทรงตัวที่ระดับ 4.0% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกัน รายงานการประชุมของเฟดล่าสุด ได้ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าลดคิวอี ในช่วงเดือนพฤศจิกายนหรือเดือนธันวาคม ในอัตราเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้เช่นกัน ซึ่งการทยอยลดคิวอีดังกล่าวของเฟดจะทำให้ การทำคิวอีสามารถยุติลงได้ในช่วงกลางปีหน้า เพื่อปูทางไปสู่การทยอยขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต

 

ทั้งนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะเริ่มกลับมาให้ความสนใจ รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนเป็นสำคัญ ซึ่งหากผลประกอบการของบริษัทส่วนใหญ่ยังมีการเติบโตและผู้บริหารให้ความเชื่อมั่นกับนักลงทุนได้ว่า ผลประกอบการในอนาคตจะขยายตัวดีเนื่องได้ เราเชื่อว่า การประกาศงบในไตรมาส 3 จะสามารถช่วยพยุงความเชื่อมั่นนักลงทุนให้กลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นได้

 

ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาด ได้หนุนให้ตลาดหุ้นในฝั่งสหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้น โดย ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.30% ส่วน ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq +0.73% โดยหุ้นเทคฯ ได้แรงหนุนจากการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายกังวลปัญหาการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ

 

ส่วนทางด้านตลาดยุโรป ดัชนี STOXX50 ปรับตัวขึ้นราว +0.70% นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่มเทคฯ SAP +4.0%, Adyen +3.5%, ASML +2.4% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรป ยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่ม Cyclical อาทิ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย Louis Vuitton +3.2%, Kering +1.5%  

 

 

ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงเล็กน้อย สู่ระดับ 1.55% หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายกังวลปัญหาการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อในฝั่งสหรัฐฯ กอปรกับ รายงานการประชุมล่าสุดของเฟดก็ส่งสัญญาณชัดเจนถึงการทยอยลดคิวอีในอัตราเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ตั้งแต่เดือนพฤศจิการยน หรือ เดือนธันวาคม ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดหวังไว้

 

อย่างไรก็ดี เรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ รวมถึง บอนด์ยีลด์ระยะยาวทั่วโลก ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้บ้าง ตามแนวโน้มเฟดเดินหน้าทยอยลดคิวอีในการประชุมเดือนพฤศจิการยน นอกจากนี้ เรามองว่า ปัจจัยที่จะช่วยให้บอนด์ยีลด์ขยับขึ้นต่อเนื่อง อาจบรรยากาศของตลาดการเงินโดยรวม ว่าจะกลับมาเปิดรับความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องหรือไม่

 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ตามการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ นอกจากนี้ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นของตลาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดลดการถือครองเงินดอลลาร์เพื่อเป็นสินทรัพย์หลบความผันผวน (Safe Haven) โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ย่อตัวลงมาสู่ระดับ 94 จุด ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ราคาทองคำ ปรับตัวขึ้นเกือบ 2% สู่ระดับ 1,791 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

สำหรับวันนี้ เรามองว่า ตลาดจะติดตามแนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งถ้าหากงบออกมาดีกว่าคาดและแนวโน้มจะเติบโตได้ในอนาคตก็จะช่วยให้ตลาดทยอยเปิดรับความเสี่ยงต่อได้