• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

WHA Group ปิดดีลขายหุ้นกู้หมดเกลี้ยง 6,500 ลบ. กระแสตอบรับดีเยี่ยม

Started by Fern751, April 01, 2022, 03:26:34 AM

Previous topic - Next topic

Fern751

WHA Group ปิดดีลขายหุ้นกู้หมดเกลี้ยง 6,500 ลบ. กระแสตอบรับดีเยี่ยมจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ยอดจองล้นเกินเป้ากว่า 2 เท่า

บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA Group ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ในการออกหุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2565 มูลค่าเสนอขายรวม 6,500 ล้านบาท ยอดจองล้นเกินเป้ากว่า 2 เท่า ถือเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โครงสร้างทางการเงินที่มั่นคง และแผนการขยายธุรกิจที่ชัดเจน ด้าน Group CEO "จรีพร จารุกรสกุล" มั่นใจปี 2565 บริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกกล่มธุรกิจ โดยมุ่งขยายธุรกิจในประเทศไทยไปพร้อมกับการมองหาโอกาสใหม่ในประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะและนวัตกรรมเพื่อยกระดับการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยธุรกิจโลจิสติกส์ในปีนี้จะมีโครงการเปิดใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง และให้ความสำคัญกับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในระยะยาวกับพันธมิตร ทางด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมพร้อมลุยขยายพื้นที่เพิ่มเติม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ธุรกิจสาธารณูปโภค ยังคงพัฒนาและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เพื่อให้บริการโซลูชันน้ำที่หลากหลาย ในส่วนของธุรกิจไฟฟ้าจะมุ่งเน้นการพัฒนาและริเริ่มโซลูชันพลังงานหมุนเวียนใหม่ๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ มาต่อยอดธุรกิจ พร้อมกันนี้ ธุรกิจดิจิทัลจะมาเสริมสร้างความแข็งแกร่ง เป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกลุ่มธุรกิจ รองรับการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลของบริษัทฯ และช่วยให้กลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนี้ บริษัทฯ พร้อมเตรียมเสนอขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ WHART และกองทรัสต์ HREIT ในช่วงปลายปีนี้

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ในการเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2565 มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท หลังจากที่เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 25, 28 - 29 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 4 รายประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารยูโอบี และธนาคารซีไอเอ็มบี ซึ่งการเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวได้แบ่งเป็น 2 ชุด โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 จำนวน 2,500 ล้านบาท มีอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.08 ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 และหุ้นกู้ชุดที่ 2 จำนวน 4,000 ล้านบาท อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.90 ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2570 ซึ่งสะท้อนถึงความความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุน ที่มีต่อดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ทั้งนี้เป็นผลมาจากแผนการขยายธุรกิจที่มีความต่อเนื่องและชัดเจน ความมุ่งมั่นในการบริหารงาน ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงโครงสร้างทางการเงินที่มั่นคง การมีวินัยทางการเงิน และการบริหารจัดการฐานะทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ตอบโจทย์ความน่าเชื่อถือของกลุ่มนักลงทุน สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินไปชำระคืนหนี้เดิม และ/หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน/เงินลงทุน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทฯ

ทั้งนี้ หุ้นกู้ของบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ A- แนวโน้ม "คงที่" เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2565 โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ใน ธุรกิจโลจิสติกส์ และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงฐานรายได้ประจำจำนวนมากจากธุรกิจสินทรัพย์ให้เช่า ธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคและไฟฟ้า ตลอดจนความยืดหยุ่นทางการเงินจากการขายสินทรัพย์เข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) อีกด้วย

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2565 ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าพัฒนาใน 4 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งขยายธุรกิจในประเทศไทยไปพร้อมกับการมองหาโอกาสใหม่ในประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะและนวัตกรรมเพื่อยกระดับการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยธุรกิจโลจิสติกส์ในปีนี้จะมีโครงการเปิดใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูงอย่างธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจดูแลสุขภาพ และธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงการให้ความสำคัญกับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในระยะยาวกับพันธมิตร โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้จับมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช เตรียมเปิดโลกบริการด้านสุขภาพครบวงจรผ่านแอปพลิเคชั่น "WHAbit" สำหรับธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมยังคงพัฒนาพื้นที่เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการต่อยอดการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเพิ่มรายได้ประจำ เช่น การจัดส่งก๊าซไนโตรเจนในนิคมอุตสาหกรรม ด้านธุรกิจสาธารณูปโภค บริษัทฯ ยังคงพัฒนาและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ โดยให้บริการโซลูชันน้ำที่หลากหลาย มุ่งต่อยอดธุรกิจสาธารณูปโภคให้เติบโตต่อเนื่องทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมบริษัทฯ ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม สำหรับธุรกิจไฟฟ้าจะมุ่งเน้นการพัฒนาและริเริ่มโซลูชันพลังงานหมุนเวียนใหม่ๆ โดยเฉพาะโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และการนำเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในนิคมอุตสาหกรรม เช่น ระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer (P2P) และโครงการ Battery Energy Storage System (BESS) เพื่อนำระบบกักเก็บพลังงานมาใช้ควบคู่กับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงโอกาสในการลงทุนเข้าซื้อกิจการ (M&A) ทั้งในธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจไฟฟ้า สำหรับธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาการให้บริการ และนำเสนอนวัตกรรมทางด้านดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร โดยบริษัทฯ ได้ขยายการติดตั้งโครงข่ายสายเคเบิลใยแก้วนำแสง (FTTx) และเป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อเสริมความแช็งแกร่งรองรับการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัลของบริษัทฯ และช่วยให้กลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมแผนการขายทรัพย์สินของบริษัทฯ เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (กองทรัสต์ WHART) และกองทรัสต์ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (กองทรัสต์ HRIET) ภายในไตรมาส 4/2565 ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ตามแผนและเป้าหมายที่วางไว้

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการเป็น "Your Ultimate Solution Partner" โดยการยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการ ผ่านการพัฒนาโซลูชั่นตามแนวคิดการผสมผสานแพลตฟอร์มทางธุรกิจ (Business Platform) เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานเดิม (Infrastructure Base) เพื่อต่อยอดทางธุรกิจของบริษัทฯ