• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - kaidee20

#8746


นายดีเค อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจ Combined PET, IOD และ Fibers บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2564 D/E จะลดลงต่ำกว่าระดับ 1.2 เท่า จาก ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2564 ที่ระดับ 1.27 เท่า เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทผ่านกลยุทธ์การควบรวมกิจการ (M&A)

ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัท อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัท Ultrapar เพื่อเข้าซื้อกิจการของบริษัท Oxiteno S.A. ประเทศบราซิล โดย Oxiteno เป็นผู้ผลิตสารลดแรงตึงผิวแบบบูรณาการในทวีปอเมริกาและใหญ่ที่สุดในภูมิภาคละตินอเมริกา เบื้องต้นประเมินมูลค่าดีลซื้อกิจการเบื้องต้น 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 5 หมื่นล้านบาท)


อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าจากการเตรียมความพร้อมทั้งกระแสเงินสดและ D/E ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน อีกทั้งมูลค่าการซื้อขายมีโอกาสน้อยกว่าที่เคยแจ้งนักลงทุนเอาไว้

นอกจากนี้ IVL ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เบื้องต้นคาดว่ายอดขายจะเติบโต 9% โดยมาจากธุรกิจออกไซด์และอนุพันธ์แบบบูรณาการ (Integrated Oxide and Derivatives: IOD) ที่คาดว่าจะฟื้นตัว จากช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ที่ถูกผลกระทบโควิด-19 สภาพอากาศหนาวจัด (Polar Vortex) และโรงงานก๊าซแครกเกอร์ใน Lake Charles ประเทศสหรัฐที่จะกลับมาเดินเครื่องครึ่งแรกในไตรมาส 3 ปี 2564 หลังปิดซ่อมบำรุงจากเหตุการณ์ฟ้าผ่าตั้งแต่เดือน ส.ค.2563

ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนของไทยจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงกว่า 10% นั้น มองเป็นผลบวกต่อบริษัท เนื่องจากมีสัดส่วนกำไรในต่างประเทศที่สูง โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป ขณะที่สัดส่วนพอร์ตในเอเชียที่ 8-9% มาจากหลายประเทศไม่เฉพาะไทยเท่านั้น เมื่อแปลงกำไรในสกุลเงินอื่นๆ กลับเข้ามาในประเทศ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากค่าเงินเพิ่มขึ้น
#8747


นางสาวอรมงคล ตันติธนาธร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า  ในวันนี้ (10 ส.ค)  บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์(GULF) จะมีการประชุมกับนักวิเคราะห์ ซึ่งยังต้องรอติดตามว่าจากนี้ GULF จะส่งสัญญาณเข้าถือหุ้น บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) เพิ่มเติมอีกหรือไม่หลังทำคำเสนอซื้อถือเป็น42.25% โดยหากมีการเข้าถือหุ้นเพิ่มอีก ฝ่ายวิจัยมีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิของGULF อีกครั้ง จากวันศุกร์(6ส.ค.) ที่่ผ่านมาได้มีการปรับกำไรขึ้นไปแล้วจากรับรู้กำไรจากสัดส่วนถือหุ้น
ทั้งนี้หากถือหุ้นเกิน50% ในอนาคตทำให้มีการรวบงบการเงินของ INTUCH เข้ามา ซึ่งจะทำให้งบดุลของGULFขยายใหญ่ขึ้น เพราะINTUCHเป็นบริษัทที่มีสถานะเงินสดสุทธิ

สำหรับวันศุกร์ที่ผ่านมา บล.กสิกรไทย ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรของGULF 2564-2566 ขึ้น 10% 22% และ 22% เป็น 8.4 พันล้านบาท 1.40 หมื่นล้านบาท และ 1.53 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ จากเดิมคาดไว้ที่  7.4 พันล้านบาท 1.14 หมื่นล้านบาทและ1.25 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อนถึงการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในหุ้นINTUCH รวมถึงเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 42.75 บาทจาก 42.25 บาท


นายพิสุทธิ์  งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กสิรไทย  กล่าวว่า การที่กัลฟ์เข้ามาถือหุ้นอินทัชเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ฟรีโทลท หุ้นอินทัชลดลงมาอยู่ที่  30%  ถือว่า ยังไม่ต่ำ แต่อาจถูกปรับลดน้ำหนักเข้ามาคำนวณน้ำหนักในดัชนีต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และกลับมีผลบวกต่อราคาหุ้นอินทัชยังปรับขึ้นได้  บล.กสิกรไทย ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 67.69 บาท จากเดิมที่ 65 บาทซึ่งเป็นราคาเดียวกับในวันทำ Tender Offer เชื่อว่ามีโอกาสที่จะมีปันผลเพิ่มและการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนเพิ่ม โดยประเมินจากค่าความเป็นไปได้เพียง 30% และหากราคาปรับลดลงคาดเคลื่อนไหวที่ 63-65 บาท 

    สำหรับการประชุมนักวิเคราะหฺ์ของกัลฟ์ในวันนี้ หากมีความชัดเจนของกลยุทธ์ จนทำให้เพิ่มค่าความเป็นไปได้เป็น100% ก็มีโอกาสที่จะปรับราคาเป้าหมายหุ้นอินทัชขึ้นเป็น 70 บาท  แต่หากไม่มีความชัดจน โดยเฉพะไม่มีการซื้อหุ้นอินทัชเพิ่มแล้ว โดยคืนวงเงินกู้ไปแล้วหมด น่าจะเห็นราคาหุ้นอินทัช ต่ำกว่า 60 บาท  และหากราคาหุ้นแอดวานซ์ยังทรงตัว บล.กสิกรไทย ถึงจะเป็นคำแนะนำมาซื้อหุ้นอินทัช สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นอินทัชเลย จากปัจจุบันที่แนะนำเช่นเดิมว่า สลับเปลี่ยนซื้อหุ้นแอดวานซ์ เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มสื่อสาร จะคุ้มค่ากว่า

 แต่สำหรับนักลงทุนที่ถือหุ้นอินทัชอยู่แล้วยังสามารถถือต่อไปได้ เพราะการเข้ามาลงทุนครั้งนี้ของกัลฟ์ต้องสร้างผลตอบแทนที่ดีคุ้มค่าความเสี่ยงแน่นอน โดยมองโอกาสราคาหุ้นปรับลดลง ยังคาดเคลื่อนไหวที่ 63-65 บาท

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส  กล่าวว่า  เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายวิจัยได้เพิ่มประมาณการกำไรสุทธิและกำไรปกติของGULFปี 2564  เพิ่มขึ้น 25.45% จากเดิมมาอยู่ที่ 9.8 พันล้านบาท เติบโต 120% จากปีก่อน ขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ พร้อมปรับราคาเป้าหมายปีนี้ที่40.50บาท จากเดิมที่ 38.50 บาท

ทั้งนี้ หากการประชุมนักวิเคราห์วันนี้ หากมีการส่งสัญญาณถือหุ้น INTUCH เพิ่มอีก จะทำให้นักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรเพิ่มได้อีก เพราะจะมีส่วนแบ่งรายได้ที่มากกว่ารายได้เดิมที่มาจากเงินปันผล  อีกทั้งหากมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการบริหาร อาจมีการรวมงบการเงินก็ได้ และการยังมีโอกาสเกิดการซินเนอร์ยี่ในระยะยาว ถือเป็นส่วนเพิ่มที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ ดังนั้น ยังแนะนำหาจังหวะทยอยซื้อสะสม 

 ทางด้านหุ้นอินทัชที่มีฟรีโฟลทลดลงและอาจถูกปรับลดน้ำหนักการคำนวณเข้าลงทุนในดัชนีต่างประเทศ  คาดว่าอาจเกิดแรงขายระยะสั้นเท่านั้น ถือเป็นภาวะปกติ  และปัจจัยพื้นฐานธุรกิจยังไม่ถูกกระทบ ดังนั้นเมื่อราคาหุ้นอินทัชต่ำกว่า 65 บาท หรือลงราว 10 %จากระดับ 65 บาท เป็นโอกาสเข้าลงทุนได้ เพื่อรับเงินปันผลที่ดีในอนาคต ปัจจุบันเฉลี่ยที่4% ต่อปี     

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์การลงทุนบล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า MSCI และ FTSE ประกาศลดน้ำหนัก INTUCH ระหว่างกาล จากปริมาณหุ้นหมุนเวียน (ฟรีโฟลท) ที่ลดลงมีผลราคาปิดวันนี้(10ส.ค.) คิดเป็นเม็ดเงินไหลออก( Outflow )69.33 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2,317 ล้านบาท และ 51 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,704 ล้านบาท ตามลำดับ

ทั้งนี้เป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นระยะสั้น แต่แนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว เพราะเป็นบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลที่สูงปีนี้ที่3.5% ปีหน้า 3.8%
#8748
สินค้ามือสอง ราคาถูกมาก!!!!!
#8749


ศึกฟุต. พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาลใหม่ 2021-22 ได้ฤกษ์เปิดฉากวันที่ 13 ถึง 15 กลางเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งแน่นอนมีไฮไลต์ให้จับตาดูเพียบ แต่วันนี้เราจะขอเริ่มต้นที่บรรดาดาวรุ่งของแต่ละทีมที่มีลุ้นต่อแถวกันขึ้นมาแจ้งเกิด ส่วนจะมีใครบ้างนั้นไปดูกันเลย

โฟลาริน บาโลกัน (อาร์เซนอล) - ที่ผ่านมา สาวก "เดอะ กันเนอร์ส" ต่างโหยหากองหน้าดาวรุ่งที่จะขึ้นชั้นมาเป็นความหวังหรืออาจจะถึงระดับตำนานต่อจาก เธียร์รี อองรี แต่ทั้ง กาเบรียล มาร์ติเนลลี กับ เอ็ดดี้ เอ็นเคเตียห์ ต่างก็ยังไม่ใช่ ล่าสุด มาถึงคิวของ บาโลกัน ฤดูกาลที่แล้วลงเล่น 6 นัด ยิง 2 ประตู โดยเป็นศึก ยูโรปา ลีก ถึง 5 นัด ที่สำคัญ เมื่อเดือนเมษายนปี 2021 เพิ่งได้สัญญาระยะยาวส่งสัญญาณว่ามีลุ้นดันขึ้นชุดใหญ่แบบเต็มตัวในปีที่จะมาถึงนี้ สำหรับพื้นเพครอบครัวเป็นไนจีเรีย แต่แข้งวัย 20 ปี เกิดที่ นิวยอร์ก ซิตี แต่มาเติบโตที่ลอนดอน

มอยเซส ไซเซโด (ไบรจ์ตัน) -รายงานระบุว่า ไบรจ์ตัน เอาชนะทีมดังมากมายคว้ากองกลางวัย 19 ปี มาร่วมทัพเมื่อหน้าหนาวที่ผ่านมา ด้วยค่าตัว 4 ล้านปอนด์ แน่นอนนักเตะมาจากเอกวาดอร์ ต้องใช้เวลาปรับตัวเข้ากับ พรีเมียร์ ลีก รวมถึงอากาศอาหารการกินและวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่อังกฤษ ส่วนตอนนี้ก็ต้องปล่อยของระดับยู 23 ไปก่อนเพื่อให้ฟอร์มเข้าตา

เลียม ดีแล็ป (แมนฯซิตี) - ถ้าไม่นับ แฮร์รี่ เคน ดาวเด่นของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่กำลังล่าตัว เท่ากับว่า แมนฯซิตี เหลือกองหน้าคนเดียว คือ กาเบรียล เฮซุส หลังปล่อย เซร์คิโอ อกูเอโร เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา เท่ากับว่า เป็นโอกาสของดาวรุ่งอย่าง ดีแล็ป วัย 18 ปี กระนั้นก็ตาม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ "เรือใบสีฟ้า" ชอบดันแนวรุกอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง ไปยืนหน้า ขณะที่ ดีแล็ป นั้นเป็นลูกชายของ รอรีย์ ดีแล็ป อดีตจอมทุ่มไกลของ สโต๊ก ซิตี โดย เป๊ป ไปคว้ามาจาก ดาร์บี เคาน์ตี ปีที่แล้วกดประตูให้ทีมชุดใหญ่ได้แล้วในศึก คาราบาว คัพ รอบ 3

อาหมัด ดิยัลโล (แมนฯยูไนเต็ด) - โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่ แมนฯยู ใช้เวลา 2 ปี ในการล่าตัว จาดอน ซานโช ซึ่งแน่นอนว่ากระทบกับตำแหน่งและโอกาสของ ดิยัลโล ปีกวัย 19 ปี ที่ได้ตัวมาจาก อตาลันต้า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาด้วยค่าตัว 19 ล้านปอนด์ เจ้าหนูรายนี้จากประเทศโกตดิวัวร์ ถือว่าเป็นคนที่ใครมากมายอยากเห็นฟอร์มชัดๆ เต็ม 2 ตา เพราะมีทั้งทักษะ เทคนิค และความเร็ว ถือเป็นฝันร้ายของกองหลัง พรีเมียร์ ลีก ก็ว่าได้ ซึ่งตอนนี้ต้องอดทนรอโอกาส เพราะปีหน้านี้ "ผีแดง" ต้องเล่นถึง 4 ถ้วย อาจจะได้ลงตัวจริงมากขึ้นในไม่ช้า

โคดี้ ดราเมห์ (ลีดส์ ยูไนเต็ด) - ปีที่แล้วได้รับคำชมไม่น้อยสำหรับ ลีดส์ ภายใต้บังเหียนของ มาร์เซโล บิเอลซ่า เพราะดันนักเตะรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีแจ้งเกิดขึ้นมาหลายคน ล่าสุด ปีหน้าอาจจะเป็นรายของ ดราเมห์ วัย 19 ปี ถือเป็นตัวเลือกในตำแหน่งแบ็กขวาที่น่าสนใจหน่วยก้านก็ใช้ได้ เหลือแต่เก็บประสบการณ์ขัดกระดูกให้แข็งระดับ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ

ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ (ลิเวอร์พูล) - ขวัญใจของสาวก "เดอะ ค็อป" เพราะถือว่ากรีดเลือดออกมาเป็น ลิเวอร์พูล ก็ว่าได้ ย้ายจาก ฟูแล่ม ตอนอายุ 16 ปี 30 วัน ตอนนี้อายุ 18 ปี แล้วถือว่าเหมาะที่จะใช้งาน ล่าสุด กรกฎาคมที่ผ่านมา เพิ่งต่อสัญญาระยะยาวออกไป ปีที่แล้วยืมตัวอยู่กับ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 42 นัด ยิง 7 ประตูกับ 11 แอสซิสต์ เดิมทีเล่นเป็นปีก แต่ว่า เจอร์เกน คล็อปป์ นายใหญ่ "หงส์แดง" ประทับใจฟอร์มตอนเป็นมิดฟิลด์ ถือเป็นเรื่องดีที่มีดาวรุ่งไว้สำรองเพิ่มความหลากหลายเผื่อ โม ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรเบอร์โต ฟีร์มิโน เล่นไม่ออก

บิลลี กิลมัวร์ (เชลซี) -ปีที่แล้วอยู่ในทีมชุดแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก แต่ฤดูกาลหน้านี้ เชลซี ปล่อยให้กับ นอริช ซิตี ยืมตัวใช้งาน โดยกองกลางวัย 20 ปี เพิ่งช่วย สกอตแลนด์ ลุยศึก ยูโร 2020 เรียกได้ว่าถือเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชั้นดี เพราะหากอยู่กับทีมตอนนี้ยากแย่งตำแหน่งจาก จอร์กินโญ่, เอ็นโกโล ก็องเต้ และ มาเตโอ โควาซิช

มาร์ค เกฮี (คริสตัล พาเลซ) - เซนเตอร์ฮาล์ฟวัย 21 ปี อยู่ไปก็ไม่มีตำแหน่งให้ลง เชลซี เลยตัดใจขายให้ พาเลซ ด้วยค่าตัว 18 ล้านปอนด์ ถือว่าเป็นอีกคนที่หน่วยก้านดูสูงถึง 182 เซนติเมตร ฤดูกาลหน้านี้น่าจะได้รับโอกาสมากขึ้นจากกุนซือใหม่ของ พาเลซ ก็คือ ปาทริค วิเอร่า ส่วนปีที่แล้วยืมตัวอยู่กับ สวอนซี ซิตี ถือว่าเล่นได้น่าประทับใจไม่น้อยทีเดียว

โอลิเวอร์ สคิปป์ (ท็อตแนม ฮอตสเปอร์) - กลับสู่ สเปอร์ส ในฤดูกาลนี้ หลังจากปีที่แล้วช่วย นอริช ซิตี แบบยืมตัวใช้งานพร้อมได้เหรียญแชมป์ลีก แชมเปียนชิป เป็นที่ระลึกจากผลงานลงเล่น 45 นัด เรียกได้ว่ารับประสบการณ์มาแบบเต็มๆ โดยกองกลางวัย 20 ปี จะกลับมาลุ้นตำแหน่งกับ "ไก่เดือยทอง" ที่เปลี่ยนกุนซือเป็น นูโน เอสปิริโต ซานโตส ที่พร้อมจะให้โอกาสดาวรุ่งทุกคนเหมือนว่าทุกคนได้กลับมารีเซตเริ่มต้นกันใหม่หมด โดยที่ผ่านมา สคิปป์ เคยลงเล่น พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ให้กับ สเปอร์ส รวม 15 นัดฤดูกาล 2018-19 กับ 2019-20
#8751


วันที่ 9 ส.ค. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยากลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบโควิด-19 ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เห็นชอบขยายพื้นที่เยียวยาผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการโควิด-19 จาก 10 จังหวัด เป็น 13 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา ใน 9 ประเภทกิจการ ประกอบด้วย กิจการก่อสร้าง กิจการที่พักแรมบริการด้านอาหาร กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ กิจกรรมบริการด้านอื่นๆ สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า สาขาขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ สาขากิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน สาขากิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และสาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร โดยให้มีอัตราการจ่ายและวิธีการจ่ายเงินเช่นเดิม

"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และในวันนี้ สปส.ได้โอนเงินให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา"นายสุชาติ กล่าว

นายสุชาติ กล่าวว่า สำหรับการจ่ายเงินเยียวยานายจ้าง ลูกจ้าง มาตรา 33 ในพื้นที่ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา มีผู้ประกันตนได้รับสิทธิจำนวน 272,746 คน นายจ้าง 19,213 ราย ใช้วงเงินทั้งสิ้น 1,522 ล้านบาท แยกเป็น นายจ้าง 841 ล้านบาท และลูกจ้าง 681 ล้านบาท โดยประกันสังคมได้โอนเงินให้ผู้ประกันตนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น ส่วนนายจ้างบุคคลธรรมดา จะโอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเช่นกัน และนายจ้างสถานะนิติบุคคล จะโอนเข้าบัญชีธนาคารตามชื่อนิติบุคคลนายจ้าง

"การโอนเงินเยียวยาแก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 3 จังหวัด 9 กิจการในวันนี้ ถือเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ภาคแรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามเจตนารมย์ของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อให้ทุกคน ทุกกลุ่ม เดินหน้าต่อไปได้และก้าวข้ามสถานการณ์โควิด-19 ในครั้งนี้ไปด้วยกัน" นายสุชาติกล่าว
#8753


บางจากฯ ร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พาคนไทยฝ่าวิกฤติโควิด-19 สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนา LINE OA "FAH FIRST AID" ของกรมฯ และใช้สถานีบริการน้ำมันบางจากในกทม. และปริมณฑลเป็นจุดกระจายยาสารสกัดฟ้าทะลายโจรให้กลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อที่รักษาตนเองที่บ้าน ที่ลงทะเบียนผ่าน "FAH FIRST AID" พร้อมรับสมัครจักรยานยนต์อาสาเป็นผู้นำส่งช่วยบรรเทาผลกระทบ ด้วยการเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้เปิดช่องทาง Line Official Account FAH FIRST AID เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2564 เพื่อให้ผู้ป่วยติดโควิด-19 ที่มีอาการเบื้องต้น เป็นผู้ป่วยสีเขียวหรือผู้มีความเสี่ยงสูง มีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อ สามารถส่งข้อความปรึกษาทางไลน์และลงทะเบียนรับสารสกัดฟ้าทะลายโจรโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยกรมฯจะจัดส่งฟ้าทะลายโจรที่มีสารแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มิลลิกรัมต่อวันเป็นเวลา 5 วัน ให้กับผู้ที่ลงทะเบียนโดยใช้การส่งไปรษณีย์เป็นหลัก หลังจากนั้น บางจากฯได้ร่วมสนับสนุนภารกิจของกรมการแพทย์แผนไทยฯด้วยการจัดโครงการนำร่อง "บางจาก x FAH FIRST AID" ใช้ปั๊มบางจาก สุขุมวิท 62 เป็นจุดกระจายยาสารสกัดฟ้าทะลายโจรนำร่องในพื้นที่เขตพระโขนง บางนา และคลองเตย ก่อนขยายเพิ่มพื้นที่นำส่งเพิ่ม รวมเป็นปั๊มน้ำมันบางจาก 6 สาขาในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ได้แก่ปั๊มบางจาก สุขุมวิท 62 ราษฎร์บูรณะ 1 พระราม 2 กม.12 และพระราม3 (2) ปากน้ำ 1 จังหวัดสมุทรปราการ และลำลูกกา คลอง 1 จังหวัดปทุมธานี

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากฯ ยินดีที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนค่าใช้จ่ายการพัฒนาและปฏิบัติงานของทีมงานผู้ดูแล LINE OA "FAH FIRST AID" และช่วยบรรเทาภารกิจของกรมการแพทย์แผนไทยฯ โดยใช้ปั๊มบางจากเป็นจุดกระจายยาสารสกัดฟ้าทะลายโจรให้กับผู้ป่วยสีเขียวถึงบ้าน ผ่านผู้ขับขี่จักรยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่จักรยานยนต์ไฟฟ้าในโครงการวิน โน หนี้ หรือวินจักรยานยนต์ทั่วไป หรืออาสาจักรยานยนต์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยโควิด-19 ได้รับยาสารสกัดฟ้าทะลายโจรเร็วขึ้น และยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับผู้ขับขี่จักรยานยนต์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในช่วงนี้ด้วยอีกทางหนึ่ง

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กล่าวว่าบางจากฯ ได้สนับสนุนกรมฯ ในการกระจายยาสารสกัดฟ้าทะลายโจรในพื้นที่กทม. และปริมณฑล ซึ่งยังมีอัตราการระบาดของโควิด-19 สูง พร้อมจัดหาผู้ขับขี่จักรยานยนต์ช่วยกระจายยาจากปั๊มบางจากถึงบ้าน โดยไม่ต้องสัมผัสผู้ป่วย เราหวังว่าการที่ผู้ป่วยสามารถลงทะเบียนรับยาผ่าน Line OA จากกรมฯ จะทำให้สามารถมั่นใจว่ามียาสำหรับรักษา ไม่ต้องไปกว้านซื้อหรือกักตุนไว้

ทั้งนี้ ตั้งแต่กรมฯ เปิด Line OA @FAH FIRST AID ให้ข้อมูลยาฟ้าทะลายโจร เดือนพฤษภาคม 2564 เป็นต้นมา ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนเป็นรายบุคคลกว่า 70,000 คน และได้ส่งยาสารสกัดฟ้าทะลายโจรเพื่อการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ผ่าน Line OA @FAH FIRST AID ตั้งแต่กรกฎาคม 2564 มากกว่า 5,000 ราย ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าสู่ระบบได้ โดยค้นหาไลน์ไอดี @fahdtam
#8754


ติดตามมาตรการเยียวยา "ประกันสังคม" ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการ "ล็อกดาวน์" ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา เพิ่มเติม จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา ครอบคลุม 9 ประเภทกิจการ ได้แก่ กิจการก่อสร้าง กิจการที่พักแรมบริการด้านอาหาร กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ กิจกรรมบริการด้านอื่น ๆ สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า สาขาขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ สาขากิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน สาขากิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และสาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร นั้น

ด้าน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการเยียวยากลุ่มนายจ้างมาตรา 33 จำนวน 3,000 บาท ต่อลูกจ้างไม่เกิน 200 คน นั้น ขณะนี้มีนายจ้างได้ทยอยยื่นขอรับเงินชดเชยเข้ามาในระบบ e -service โดยในพื้นที่ 13 จังหวัดนั้น มีนายจ้างทั้งหมดประมาณ 180,000 ราย

ทั้งนี้ รมว.แรงงาน ยังได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคม เร่งประชาสัมพันธ์กระตุ้นเตือนไปยังนายจ้างที่ยังไม่ได้ยื่นขอรับค่าชดเชยเยียวยาสามารถยื่นความประสงค์ขอรับเงินได้ที่ ระบบ e – service ของประกันสังคม "www.sso.go.th"  จากนั้นปริ้นข้อมูลแบบรับการ "เงินเยียวยา" แล้วกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์ม ส่งกลับมาให้ประกันสังคม

นายจ้างที่เป็นนิติบุคคล
ต้องแนบแบบแสดงความจำนง, สำเนาบัญชีธนาคาร,หนังสือมอบอำนาจ (กรณีมอบอำนาจลงนามแทน) กลับมาด้วย

นายจ้างบุคคลธรรมดา
แบบแสดงความจำนง, ผูกบัญชีธนาคารพร้อมเพย์ (ผูกเลขบัตรประชาชนเท่านั้น) เพื่อประกันสังคมจะได้โอนเงินให้โดยเร็ว


"รัฐบาล กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความห่วงใยและเห็นความสำคัญของนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกอบการในพื้นที่สีแดงทุกจังหวัด และเข้าใจดีว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้ทำให้ทุกคน ทุกกลุ่ม และหลายกิจการได้รับความเดือดร้อนตาม ๆ กัน จึงอยากให้นายจ้างได้รีบยื่นขอรับเงินเยียวยา อย่างน้อยจะช่วยบรรเทาเพื่อลดผลกระทบในเบื้องต้น และช่วยประคองให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ ตามเจตนารมย์ของรัฐบาลที่จะฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจให้เดินได้ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" นายสุชาติ กล่าวในที่สุด

สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ทั้ง ผู้ประกันตนมาตรา 33, 39 และ 40 ที่จะทยอยได้รับ "เงินเยียวยา" โดยแต่ละกลุ่มได้เงินไม่เท่ากัน และไม่พร้อมกัน โดยเริ่มจ่ายเงินรอบแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 4-6 สิงหาคม 2564 วันละ 1 ล้านคน โดยโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชนผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 9 ประเภทกิจการ พื้นที่ 10 จังหวัด กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา

ซึ่งที่ผ่านมา โอนเงินแล้ว 2,434,182 ราย เป็นเงิน 6,085,0000,000 บาท ซึ่งไม่มีอะไรติดขัด มีเพียงผู้ประกันตนประมาณ 200,000 ราย ที่ยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์กับบัตรประชาชน ซึ่งกำลังเร่งดำเนินการให้ผู้พร้อมเพย์กับบัตรประชาชนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ เพื่อที่จะเริ่มดำเนินการโอนเงินในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ โดยผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบสิทธิได้ที่เว็บไซต์ www.sso.go.th/eform_news/ และในส่วนของ 3 จังหวัดเพิ่มเติม ได้แก่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา จะโอนเงินในวันที่ 9 สิงหาคมนี้

จึงขอให้กลุ่มของผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ตกหล่นในการโอนเงินรอบแรกนี้ ขอให้เร่งตรวจสอบข้อมูลตนเอง หากเช็คแล้วว่าเงินยังไม่เข้าบัญชี ให้รีบไปติดต่อธนาคารด่วน
#8755
สินค้ามือสอง ราคาถูกมาก!!!!!
#8756


Google ประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่คนไทยสนใจค้นหาบน Google Search ในเทศกาลวันแม่ที่กำลังจะถึงในเดือนสิงหาคม 2564  ซึ่งปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่คนไทยยังต้องฉลองเทศกาลต่างๆ แบบเว้นระยะห่าง   แต่สิ่งที่ผู้คนนิยมมากขึ้นคือความสนใจในการค้นหาไอเดีย ของขวัญ และสิ่งต่างๆ ทางออนไลน์  โดย Google ได้รวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลผ่าน Google Trends ซึ่งสะท้อนสิ่งที่คนไทยกำลังมองหาและต้องการในช่วงเทศกาลวันแม่ปีนี้ เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบธุรกิจเพื่อช่วยให้คนไทยฉลองเทศกาลวันแม่ได้ดีที่สุด 

โดยคำค้นหาที่ได้รับความสนใจในช่วงเทศกาลวันแม่แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสินค้าเพื่อแม่ และกลุ่มสินค้าเพื่อลูก  

และเนื่องด้วยสถานการณ์ที่ไม่ปกติในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้การค้นหาประเภทร้านอาหารและการท่องเที่ยวน้อยลง โดยลูกๆ ต่างมองหากิจกรรมทดแทนและข้อเสนอพิเศษต่างๆ สำหรับของขวัญในวันแม่ โดยการค้นหาเหล่านี้มักเริ่มขึ้น 2 สัปดาห์ก่อนถึงเทศกาลวันแม่

สำหรับคำค้นหาที่คนไทยให้ความสนใจ "กลุ่มสินค้าเพื่อแม่" คือ
• วิธีทำการ์ด วันแม่ เพิ่มขึ้น 200%
• ดอกไม้ พวงมาลัยมะลิ เพิ่มขึ้น 90%
• โปร วันแม่ เพิ่มขึ้น 35%

โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสำหรับกลุ่มสินค้าเพื่อแม่นี้เป็นตัวเลขในช่วงเดือนสิงหาคม 2563 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อนหน้า

นอกเหนือจากลูกๆ จะหากิจกรรมพิเศษเพื่อแม่แล้ว กลุ่มคุณแม่ก็ยังมองหา "กลุ่มสินค้าเพื่อลูก" สำหรับทำกิจกรรมร่วมกับลูกเช่นกัน สินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อเด็ก เป็น กลุ่มที่มีการค้นหาเพิ่มสูงขึ้นมาก

• แบบฝึกหัด อนุบาล 2 เพิ่มขึ้น 250%
• รถไฟฟ้าเด็ก เพิ่มขึ้น 140%
• ยาสำหรับลูก เพิ่มขึ้น 100%

โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสำหรับกลุ่มสินค้าเพื่อลูก เป็นตัวเลขระหว่างช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน 2654 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว  นอกจากนี้ สามารถค้นหาบทความข้อมูลเชิงลึกผู้บริโภค กลยุทธ์ และเครื่องมือสำหรับนักการตลาดเพิ่มเติมได้ที่ https:// www.thinkwithgoogle.com/th
#8760


"โอลิมปิก" เป็นมากกว่ากีฬาของมวลมนุษยชาติ แต่เป็นเวทีประกาศศักดา ความยิ่งใหญ่การเป็น "มหาอำนาจ" ทั้งความสามารถของทัพนักกีฬาแต่ละชาติ เศรษฐกิจท้องถิ่น การตลาดที่แบรนด์ทุ่มทุนเป็นสปอนเซอร์ ซึ่งโควิดโค่นเสียหาย กลายเป็นบทเรียนให้ทุกชาติเรียนรู้

สำหรับโอลิมปิกฤดูร้อนซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ 'โตเกียว โอลิมปิก 2020'   จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 ก.ค. 2564 – 8 ส.ค. 2564 ถือเป็นมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติที่ทุกคนทั้งโลกต่างรอคอย ทว่า ท่ามกลางการสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ทุกอย่าง "ผิดแผน" ไปหมด โดยเฉพาะการ "เลื่อน" จัดการแข่งขันเป็นเวลา 1 ปี 

ทั้งนี้ ก่อนการจัดแข่งขันกีฬาใหญ่ทำให้ "เจ้าภาพ" ญี่ปุ่นทุ่มงบลงทุนมหาศาลหลัก "หลายแสนล้านบาท" แต่โรคระบาดกลับไม่สามารถทำให้การ "ถอนทุนคืน" ทำได้ เพราะทุกสนามที่ลงทุนก่อสร้างไปแล้ว ไม่ได้อนุญาตให้มีผู้เข้าชม นั่นหมายถึงทุกที่นั่งกลายเป็น "ศูนย์" ไม่มีโอกาสขายบัตรให้ผู้ชม แม้ปกติการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพมักจะประสบปัญหา "ขาดทุน" แต่บทเรียนของโตเกียว โอลิมปิก 2020 น่าจะสาหัสสากรรจ์ สร้างการจดจำให้รัฐบาล และดินแดนซามูไรไปอีกแสนนาน 

มหกรรมกีฬาโอลิมปิก ไม่ได้มีแค่เรื่องของ "กีฬา" เท่านั้น แต่ทุกการแข่งขันที่คว้าเหรียญทอง ยังสะท้อนการเป็น "มหาอำนาจ" ด้านกีฬา มีความเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตทาง "เศรษฐกิจ" ของประเทศทั้งช่วงการแข่งขัน และหลังจากแข่งขันเสร็จสิ้น จะมีนักท่องเที่ยว นักลงทุนกลับไปยังจุดหมายปลายทาง(Destination)แดนอาทิตย์อุทัยมากน้อยแค่ไหน 

ขณะที่ใดๆในโลกเกี่ยวข้องกับการตลาด(Marketing) มีผลทาง "ธุรกิจ" ของแบรนด์สินค้าและบริการต่างๆ แต่ "โตเกียว โอลิมปิก 2020" ถือเป็นเหตุการณ์พิเศษ การทำตลาดจึงค่อนข้าง "กร่อย" จากหลายปัจจัย เกิดปรากฏการณ์ใดขึ้นในรายการกีฬาใหญ่สุดของโลกบ้าง กรุงเทพธุรกิจ ชวนสรุปเหตุการณ์ 


Cr. Facebook : Tokyo 2020

++Sponsorship Marketing กระเทือน

ปกติการจัดแข่งขันรายการกีฬาใหญ่ระดับโลก แบรนด์สินค้าและบริการต่างๆจะออกตัวเป็นผู้สนับสนุนหลักหรือ Sponsorship Marketing ทุ่มเงินมหาศาล เพื่อให้ตราสินค้าหรือแบรนด์ถูกฝังอยู่ในหลายๆจุด ทุกสนามที่มีการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ ซึ่งเจ้าภาพจะมีการถ่ายทอดไปสู่สายตาผู้ชมทั่วโลกหลาย "พันล้านคน" 

โตเกียว โอลิมปิก 2020 แบรนด์ยักษ์ใหญ่จากกว่า 60 บริษัท เทเงินเพื่อเป็นผู้สนับสนุนรวมกันเกือบ 1 แสนล้านบาท แต่เมื่อเจอกระแสการต่อต้านจากชาวญี่ปุ่น ไม่ต้องการให้มีการจัดการแข่งขัน เพราะโรคระบาดยังคงเกิดขึ้น แต่เมื่อการคัดค้านไม่เห็นผล ญี่ปุ่นต้องเดินหน้าจัดกิจกรรม แต่เพื่อลดแรงเสียดทานจากกระแสสังคม แบรนด์จึงไม่ปรากฏในสนามแข่งขัน ทำให้หมดโอกาสสร้างการรับรู้แบรนด์แก่สายตาผู้บริโภคผ่านการถ่ายทอดสด ซึ่งหากคิดเป็นมูลค่าสื่อ หรือ Media ที่จะได้กลับเรียกว่าสูงอย่างมาก 

นับเป็นครั้งแรกที่ไม่ปรากฏป้ายโฆษณาของแบรนด์ดังในสนาม มีเพียงป้ายของสัญลักษณ์โตเกียว 2020 เท่านั้น งานนี้จึงอดเห็นผลงานการสร้างสรรค์โฆษณาที่มักมีไอเดีย ข้อความที่เต็มไปด้วยกำลังใจ แรงบันดาลใจให้กับนักกีฬา กองเชียร์และผู้คนต่างๆ การเล่าเรื่องตัวแทนของนักกีฬาบางชาติ บางประเภทที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการมาถึงจุดสูงสุดครั้งหนึ่งในชีวิตกับการลงสนามแข่งขันระดับโลก  

++ Pictogram จารึก

"โตเกียว โอลิมปิก 2020"   

พิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ถือเป็นอีกไฮไลท์ที่ทุกคนตั้งตาชม รอลุ้นว่าเจ้าภาพจะนำเสนอการแสดงพิเศษอะไรมาเรียกเสียงฮือฮาบ้าง และขึ้นชื่อว่าเป็น "ญี่ปุ่น" ไม่ทำให้ผิดหวัง แม้รูปแบบการนำเสนอที่เรียบง่าย แต่การนำ Pictogram หรือแผนภูมิรูปภาพที่แสดงการแข่งขันชนิดกีฬาต่างๆ มาถ่ายทอดให้ทุกสายตาได้ชม กลับสร้างความประทับใจอย่างมาก กลายเป็นโชว์ที่ขโมยซีนและได้ใจเจ้าภาพไปแบบเต็มๆ 

Pictogram ไม่เพียงแค่จารึก "โตเกียว โอลิมปิก 2020" ให้อยู่ในใจของคนทั้งโลก แต่ในแง่การการตลาด ยังได้เห็นแบรนด์สินค้า องค์กรใหญ่ นำไปต่อยอด เพื่อสร้างสีสัน กลายเป็น Real time Marketing และ Ambush Marketing กันอย่างคึกคักไม่น้อย

สำหรับประเทศไทย เสือปืนไวอย่าง "ท็อปส์" ไม่เคยพลาดหรือยอมตกกระแสใดๆ นำสินค้าแบรนด์ต่างๆ มาปรับเปลี่ยนโลโก้เป็น Pictogram มาดึงดูด เพิ่มยอดไลก์ ยอดแชร์ เพิ่มการมีส่วนร่วมจากผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย


ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ก็ไม่น้อยหน้า เพราะหยิบ Pictogram มาเล่นกับบริการ "1112 เดลิเวอรี่" ขานรับนโยบายรัฐหยุดเชื้อเพื่อชาติ อยู่บ้านต้องสั่งอาหารรับประทาน อิ่มแล้วนอน จะกินก็แค่กดซ้ำ 1112  นั่นเอง 

นอกจากแบรนด์ไทย องค์กรระดับโลกอย่าง "องค์การอนามัยโลก"(WHO) ขอแจมด้วยคน เมื่อไวรัสมฤตยูโควิด-19 ยังระบาดหนักทั่วทุกมุมโลก การกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักการดูแลสุขอนามัยจึงจำเป็น และล้างมือธรรมดาโลกไม่จำ!! ขอนำเสนอผ่าน Pictogram และประเภทกีฬาโอลิมปิก เช่น ฟันดาบสัญลักษณ์การย้ำใส่หน้ากาก รักษาระยะห่างผ่านกีฬาระบำใต้น้ำ สัญลักษณ์การรักษาระยะห่าง เป็นต้น 

++ ดราม่า 'แกรนด์สปอร์ต' ลามแบรนด์

เมื่อแบรนด์ไทยทุ่มเงินเป็นผู้สนับสนุน "ชุดกีฬา" ให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยใส่ไปแข่งชิงแชมป์โอลิมปิก กีฬาที่เป็นความหวังอย่าง "แบดมินตัน" หญิงเดี่ยวจาก "น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์" ที่คว้าซักเหรียญมาให้คนไทยดีใจ กลับเป็นประเด็นอย่างมาก เมื่อแมทช์การแข่งขันหนึ่ง น้องเมย์ ที่สวมเสื้อแกรนด์สปอร์ต และต้องถกแขนเสื้อขึ้นตลอดเวลาระหว่างการแข่งขัน ทำให้คนไทยแสดงความคิดเห็นในวงกว้าง ทั้งประเด็นการออกแบบที่ "เชย" ฟิตติ้งเสื้อผ้าที่ไม่เอื้อให้นักกีฬาเคลื่อนไหวคล่องตัว ที่ส่งผลต่อสมรรถนะ ศักยภาพของนักกีฬา ฯ 

ในชั่วข้ามคืนทำให้ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ต้องยกหูหาผู้บริหารแกรนด์สปอร์ต เพื่อขอให้นักกีฬาเปลี่ยนเสื้อที่สวมใส่ ภายใต้ข้อแม้ห้ามเห็นโลโก้ของอีกแบรนด์ แต่ผู้ชม คอกีฬาก็ดูออกอยู่ดีว่าคือเสื้อของ "โยเน็กซ์"

สิ่งที่เกิดขึ้นทุกคนมองว่าเป็น "สปิริต" ของทั้ง 2 แบรนด์ แต่ในเชิงธุรกิจ นี่คือการสูญเสียโอกาสสร้างแบรนด์ เสียมูลค่าสื่อที่แกรนด์สปอร์ตควรจะได้ออกอากาศ(Airtime)ให้ทุกสายตาทั่วโลกได้เห็น แบรนด์สัญชาติไทยบนหน้าอกเสื้อนักกีฬาเบอร์ต้นๆของโลก 

อย่างไรก็ตาม ทุกเสียงสะท้อนที่เกิดขึ้น แกรนด์สปอร์ต ใจกว้างรับฟัง "ความต้องการ" ของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย รับโจทย์ไปทำวิจัยตลาดต่อทันทีผ่านแบบฟอร์มออนไลน์ แต่กรณีศึกษาที่เกิดขึ้น ไม่เพียงเป็น "การบ้าน" ให้ผู้บริหาร ทีมงานการตลาดต้องกลับไปคิดใหม่ เพื่อพัฒนาสินค้า และสร้างแบรนด์ไทยให้กระหึ่มในแคทวอล์กกีฬาโลก เพราะโตเกียว โอลิมปิก 2020 เสื้อผ้าชุดนักกีฬา ไม่ใช่แค่ตอบด้านคุณประโยชน์หรือ Functional ให้นักกีฬาที่สวมใส่ และต้องสร้างคุณค่าเชิงอารมณ์ความรู้สึกหรือ Emotional ให้นักกีฬาใส่แล้วมั่นใจ สวย รวมถึงคนดูเห็นแล้วชื่นชอบ สวย กระตุ้นการ "ซื้อ" ตามมาด้วย เพราะการตลาดสร้างแบรนด์ให้ชอบ ไม่เกิดการซื้อ ย่อมไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน(ROI)


++ AIS Play กับภารกิจพิชิตตลาด OTT

เป็นปีที่ 2 ของ "เอไอเอส" ในฐานะผู้ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งครั้งนี้จับมือพันธมิตรหลักมากมาย โดยเฉพาะ "แพลนบี" นำลิขสิทธิ์รายการกีฬาใหญ่มาให้คนไทยได้รับชม

เอไอเอส ถ่ายทอดแมทช์การแข่งขันกีฬามากมาย ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หรือโอทีทีอย่าง "เอไอเอส เพลย์" แน่นอนว่าใครที่กลัวพลาดโอกาสชมกีฬาโปรด ต้องรีบหาซื้อซิมการ์ดมาใช้ทันที 

ทว่า ปัญหาหนึ่งที่พบในการถ่ายทอดสด คือรายการกีฬาที่แข่งขันไม่ตรงกับโปรแกรมที่วางไว้ เพราะประสบปัญหาจากต้นทางเจ้าของสิทธิ์ที่มีการปรับเปลี่ยน ดึงสัญญาณการออกอากาศ เรียกว่าตั้งแต่เริ่มการแข่งขันกระทั่งวันจบ โปรแกรมการแข่งขันและการถ่ายทอด ยังมีไม่ตรงกันบ้าง  รวมถึงสัญญาณภาพที่ไม่ลื่นไหล มีกระตุกเป็นบางครั้ง เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นการบ้านให้ "เอไอเอส" ต้องปรับใช้เพื่อรองรับแผนธุรกิจในอนาคต 

สำหรับ "กีฬา" ถือเป็น Content Is King อย่างแท้จริง เพราะการรับชมแบบ "สด"  ได้อรรถรสลุ้น เชียร์ทีมโปรดว่าผลสุดท้าย ใครจะคว้าเหรียญรางวัลไปครอง 

'ไทยร่วมใจ' เปิดจอง 'ลงทะเบียนฉีดวัคซีน' เข็มแรกผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป รับสูงสุด 400 ร้อยคนต่อวัน
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ยังหนัก! พบติดเชื้อเพิ่ม 19,983 ราย เสียชีวิต 138 ราย ไม่รวม ATK อีก 2,577 ราย
ถอนงานวิจัย 'ฟ้าทะลายโจร' ลดปอดอักเสบ เหตุหลักฐาน 'ไม่เพียงพอ'
++ "เทนนิส" ฮีโร่เหรียญทอง

แบรนด์ชิงเกาะกระแส 

"น้องเทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ" ที่คว้าเหรียญทองแรกจากกีฬาเทควันโดให้ทีมชาติไทยในการแข่งขันโตเกียว โอลิมปิก 2020 สร้างความดีใจและคืนความสุขให้คนไทยอย่างมาก 

ความร้อนแรงข้อง "น้องเทนนิส" ยังทำให้แบรนด์ที่ขึ้นชื่อเป็นเสือปืนไวไม่พลาด มีส่วนร่วมยินดี และแน่นอน ย่อมส่งผลเชิงบวกต่อตราสินค้าแน่นอน หนึ่งในภาพที่เห็นตอนน้อง "เทนนิส" ขึ้นรับเหรียญทอง คือการสวมใส่รองเท้าลำลองคู่โปรดแบรนด์ "คร็อคส์"(Crocs) ขึ้นโพเดียม ท่ามกลางนักกีฬาชาติอื่นสวมใส่รองเท้ากีฬาหรือผ้าใบ 


ดังนั้น ทันทีที่กลับมาถึงไทย จึงมีตัวแทนในไทยทำรองเท้ารุ่นพิเศษไปมอบให้ถึงจังหวัดภูเก็ต โดยเฟซบุ๊กของ Thawatchai Khotpot โพสต์ข้อความว่า "สืบเนื่องจากเหรียญทอง Tokyo Olympic 2020 ของน้องเทนนิส จะมีใครสังเกตหรือเปล่าไม่ทราบ น้องชอบใส่รองเท้า Crocs ทางตัวแทนในไทยเลยทำรุ่นพิเศษไปมอบให้ถึงภูเก็ต ชอบใจจริงๆ" 

ส่วนอีกแบรนด์ที่เร็วไม่แพ้ใครยกให้ "เอไอเอส" ที่งานนี้คว้าตัว "น้องเทนนิส" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับไอเอเอส เพลย์ เพื่อสร้างการรับรู้แพลตฟอร์มต่อไป เรียกว่าจะตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เพราะจะได้ Impact พลังของฮีโร่โอลมิปิก จะช่วยสร้างผลต่อแบรนด์เชิงบวก 

++ 'ญี่ปุ่น' ย้ำเจ้าแห่งคอนเทนท์ "เอเชีย"

แม้ "โตเกียว โอลิมปิก 2020" จะเป็นหายะทางการเงิน การลงทุน สร้างบาดแผลซ้ำสถานการณ์เศรษฐกิจให้กับประเทศญี่ปุ่น แต่ท่ามกลางวิกฤติมักมี "โอกาส" ซ่อนตัวและแทรกโผล่ขึ้นมาเสมอ 

โลกยุคนี้การแข่งขันเป็น "มหาอำนาจ" มีได้หลากหลายรูปแบบ หากอำนาจทางการเมือง การทหาร เป็น "ตำรวจโลก" เช่น สหรัฐ ยุโรป ไม่ได้ ก็ต้องหาทางเป็นมหาอำนาจด้าน "เศรษฐกิจ" การค้าขาย ซึ่งแน่นอนว่าที่มาแรงหนีไม่พ้น "จีน" จนประเทศยักษ์ใหญ่ต้องมีนโยบายออกมาโดนเตะตัดขาในหลายด้าน 

แต่อีกอำนาจที่สร้างชื่อชั้นให้ประเทศเล็กมีพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจบ้าง หนีไม่พ้น Soft Power ตัวอย่างชาติเอเชียที่สร้างผลงานโดดเด่นหนีไม้พ้น "เกาหลีใต้" ที่ใช้กระแสวัฒนธรรม K-Pop เขย่าโลก!!

ทว่า ญี่ปุ่น เจ้าภาพ โอลิมปิก 2020 ได้จุดพลัง Soft Power ขึ้นอีกครั้ง ตั้งแต่พิธีเปิด มีการนำเพลงจากวิดีโอเกมแนว RPG ของค่ายต่างๆมาเปิดต้อนรับทัพนักกีฬาแต่ละชาติที่เดินเข้าสนาม เช่น Dragon Quest - Overture: Roto's Theme, Final Fantasy - Victory Fanfare, Monster Hunter - Proof of a Hero, Tales of Graces - Pomp and Majesty เป็นต้น 

ไม่หมดแค่นั้น เพราะในการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ ยังมีเพลงจากการ์ตูนอนิเมะและมังงะชื่อดังที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาในสนามด้วย เช่น วอลเลย์.ชายญี่ปุ่นลงสนาม มีเสียงเพลงจาก Haikyuu!! พร้อมกันนี้ เพลงดังของไทย ยังได้เปิดเพลงเพลง "บัวลอย" ของคาราบาว กระหึ่มในสนามระหว่างแมทช์การแข่งขันของวอลเล่ย์.หญิง "เกาหลีใต้ VS ตุรกี" 

"ญี่ปุ่น" เป็นประเทศที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด การแข่งขันกีฬาปีนี้ ไม่เพียงเจ้าภาพที่ขออวด Soft power แต่บรรดานักกีฬา ก็ขอมีเอี่ยวกับกระแส วัฒนธรรมของเจ้าภาพ โดยเฉพาะการ์ตูน อย่างล่าสุด การแข่งขันยิมนาสติกลีลาหญิงทีมชาติ "อุซเบกิสถาน" จัดเต็มทั้งชุดและเพลงจาก "เซเลอร์มูน" จนเป็นไวรัลในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกช่วงท้ายๆของการแข่งขันด้วย 


อย่างไรก็ตาม "ญี่ปุ่น" ถือเป็นมหาอำนาจด้านคอนเทนท์ของเอเชียมาอย่างยาวนาน การ์ตูนหลากหลายประเภทถูกถ่ายทอดผ่านหนังสือวางขายทั่วโลก และยังผลิตเป็นหนัง อนิเมชั่น ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ โรงภาพยนตร์ หลายเรื่องอยู่ในความทรงจำของผู้คน เมื่อเพลง ชุด ท่าทางของนักกีฬาที่แสดงออกในโอลิมปิก จึงกระตุกต่อมวัยเยาว์ ดึงความสนใจจนเป็นไวรัลนั่นเอง 

ส่วนกระแสที่เกิดขึ้น จะเพียงพอต่อการฟื้นไข้เศรษฐกิจ กอบกู้ความเสียหายของการ "ขาดทุน" จากการจัดโอลิมปิก 2020 หรือไม่ คงต้องรอให้โควิด-19 คลี่คลาย จะได้รู้ว่าสิ่งที่ทุ่มลงไปจะ "คุ้มค่า" มากน้อยเพียงใด