• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

โอไมครอน ยังป่วนหุ้นไทยอีกเป็นเดือน โบรกแนะปรับพอร์ต เฟ้นหุ้นเติบโตเด่น

Started by Naprapats, December 03, 2021, 05:42:58 PM

Previous topic - Next topic

Naprapats



ทิสโก้ มอง"โอไมครอน' สร้างความผันผวนให้หุ้นไทยอีกเป็นเดือน แนะปรับพอร์ตตั้งรับ ถือเงินสดเพิ่ม ทยอยเข้าซื้อ บริเวณ 1,590-1,600 จุด และระดับ 1,500-1,530 จุด ช้อปหุ้นใหญ่ปันผลดี หุ้นกำไรปีหน้าโตเด่น ด้านบล.เคทีบีเอสที เสริฟ 6 หุ้นแนวโน้มเติบโตดี

2 ธ.ค.64 นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้  กล่าวว่า ในการประชุมธนาคารกลางสำคัญหลายแห่งในต่างประเทศรวมทั้งของไทยในเดือนนี้ บล.ทิสโก้คาดว่าเกือบทุกแห่งจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามเดิม  

 

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจปรับคาดการณ์เงินเฟ้อ และอาจพิจารณาเร่งลดอัตราการเข้าซื้อสินทรัพย์ลง (QE Tapering) จากปัจจุบันลดลงเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นลดลงเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้มาตรการผ่อนคลายการเงินเชิงปริมาณ (QE) ยุติลงเร็วขึ้นเป็นในเดือน มีนาคม 2565 จากเดิมคือในเดือน มิถุนายน 2565  

 

นอกจากนี้ คาดว่าประมาณการแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ในอนาคต (Dot Plot) จะบ่งชี้ว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกจะเร็วขึ้นจากปี 2566 เป็น 2565 แต่ บล.ทิสโก้ประเมินว่า คาดการณ์ขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วขึ้นในครั้งนี้จะไม่ส่งผลเชิงลบต่อตลาดมากนัก เพราะ Fed Funds Futures ปัจจุบันสะท้อนโอกาสการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ในปี 2565 จำนวน 2 ครั้งไปแล้ว 

 

อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ 
อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้

 

สำหรับในเดือนธันวาคมมีประเด็นที่น่าจับตาคือ สถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID – 19  ที่กลับมาแพร่ระบาดหนักในยุโรป โดยหลายประเทศเริ่มกลับมาใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับสายพันธุ์ใหม่ "โอไมครอน" (Omicron) ซึ่งนอกจากจะมีรายงานข่าวว่าแพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้าแล้ว ยังสามารถหลบภูมิคุ้มกันได้ด้วย ทำให้วัคซีนที่ใช้กันอยู่อาจไม่สามารถป้องกันได้ ซึ่งปัจจุบันมีการแพร่กระจายส่วนหนึ่งในแอฟริกาใต้ และเข้าสู่บางประเทศแล้ว เช่น บอตสวานา ฮ่องกง อิสราเอล และล่าสุด คือ เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ อิตาลี อังกฤษ และออสเตรเลีย 


"ตลาดหุ้นทั่วโลกจะผันผวนจนกว่าจะมีข้อมูลสายพันธุ์โอไมครอนมากขึ้น ซึ่งอาจใช้เวลาอีกเป็นเดือน และในระหว่างนี้ก็ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์ระบาดว่าจะลุกลามออกไปมากน้อยเพียงใด ซึ่งการตอบสนองของราคาหุ้นก็จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ระบาด และการเลือกใช้มาตรการควบคุมของแต่ละประเทศเป็นสำคัญ เป็นสิ่งที่ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไป" นายอภิชาติกล่าว

 

ทยอยสะสมบริเวณ 1,500-1,530 จุด 

 

สำหรับผลกระทบของโอไมครอนต่อตลาดหุ้นไทย อิงจากการระบาด 2 รอบล่าสุดในปีนี้ คือ เมษายนถึงเดือนพฤษภาคม 2564 และเดือน กรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม 2564 ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงจากพีคประมาณ 60 จุด และ 120 จุด ตามลำดับ และเมื่อพิจารณาควบคู่กับปัจจัยพื้นฐานในแง่ของค่าเฉลี่ยอัตราราคาต่อกำไรล่วงหน้า (12m Fwd. PER) ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และปัจจัยเทคนิค บล.ทิสโก้ประเมินว่าดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ที่มีนัยสำคัญเหมาะแก่การทยอยสะสมอยู่ 2 ระดับ คือ 1. บริเวณ 1,590-1,600 จุด และ 2. 1,500-1,530 จุด และในช่วงนี้แนะนำให้ปรับพอร์ตตั้งรับ รวมถึงถือเงินสดในพอร์ตเพิ่มขึ้น 

 

ท่ามกลางความไม่แน่นอนของ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ และเม็ดเงินกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่จะไหลเข้ามากที่สุดในเดือนนี้ บล.ทิสโก้จึงเน้นเลือกหุ้นเชิงรับขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูงและปันผลดี แนะนำ ADVANC และ EGCO  ผสานกับหุ้นที่แนวโน้มกำไรปีหน้าจะเติบโตดีอิงกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจภายในประเทศ แนะนำ HMPRO, JWD, RBF และ TTB  เพราะฉะนั้น หุ้นเด่นที่แนะนำในเดือนธันวาคม คือ ADVANC, EGCO, HMPRO, JWD, RBF และ TTB  ด้านแนวรับสำคัญของเดือนนี้อยู่ที่ 1,550 – 1,560 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,520 – 1,530 จุด ขณะที่แนวต้านสำคัญของเดือนนี้อยู่ที่ 1,620 จุดและ 1,640 จุด ตามลำดับ  
 


ด้านบล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือน ธ.ค. ยังเผชิญจากหลายปัจจัย ได้แก่ ไวรัสโควิดสายพันธ์ใหม่โอไมครอน  ที่อาจส่งผลให้การเปิดเมืองทำได้ช้าลง และราคาน้ำมันดิบ  อาจเกิดสงคราม (ด้านราคา) หลังมีหลายประเทศ ทยอยนำน้ำมันดิบสำรองในคลัง (สหรัฐฯ-อินเดีย ญี่ปุ่น) มาใช้เพื่อกดดันราคาน้ำมันดิบให้ต่ำลง 

 

หาก "โอไมครอน" มีความรุนแรงมากขึ้น นักลงทุนในตลาดหุ้น จะให้น้ำหนักกับหุ้นที่มีฐานรายได้ในประเทศ หรือหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐและเอกชน รวมถึงแรงกระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นที่ดีจะเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรฟื้นตัว หรืออยู่ใน sector ที่มีอนาคตดี ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศจะระมัดระวังมากขึ้นหลัง Fed ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยปีหน้า (อาจเป็นช่วงกลางปี)

 

กลยุทธ์การลงทุน : ดัชนีฯ มี gap ประมาณ 30-50 จุด แนะเก็งกำไรหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี หุ้นที่จะดีดตัวกลับหลังผ่านการระบาด Covid-19รอบใหม่ และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

 

เลือก 6 หุ้นTop Picks ได้แก่  

 

BCH :  จะได้ประโยชน์สูงสุดในกลุ่ม รพ. จากโควิดสายพันธุ์ใหม่ Omicron ให้ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท

COM7  : 4Q21E ขยายตัวสูงจากสินค้ากลุ่ม iOS, ปี 2022E ขยายตัวต่อเนื่อง ให้ราคาเป้าหมาย 100.00 บาท 

DOHOME : SSSG QTD เติบโตโดดเด่น +40% YoY หลังคลายล๊อกดาวน์ ให้ราคาเป้าหมาย 22.60 บาท

LEO  : แนวโน้มธุรกิจ Logistic ยังสดใสจาก Global Demand ที่เติบโตดี ให้ราคาเป้าหมาย 17.00 บาท

RS  : ทุกธุรกิจเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q21E, 2022E มี upside จาก Digital Token ให้ราคาเป้าหมาย 21.10 บาท

SNNP : 4Q21E กำไรโตโดดเด่นจากการเปิดเมือง, ปี 2022E ดีต่อเนื่อง ให้ราคาเป้าหมาย 10.80 บาท