• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

CNN ชี้ผู้เชี่ยวชาญระบุ ใช้วัคซีนโควิด-19ประสิทธิภาพต่ำ

Started by Shopd2, September 23, 2021, 07:04:07 AM

Previous topic - Next topic

Shopd2



เอเจนซีส์ – สื่อนอกรายงานผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาเตือนหลายชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวม ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม อาจเจอวิกฤตเคสล้นโรงพยาบาลหลังการกลับมาเปิดประเทศเร็วเกินไปจากปัจจัยการให้ภูมิคุ้มกันทางวัคซีนกับประชาชนไม่ถึง 70% ตามมาตรฐานการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่บวกกับประเด็นใช้วัคซีนโควิด-19ประสิทธิภาพต่ำในฐานะวัคซีนหลักอย่างแพร่หลาย

CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้(22 ก.ย)ว่า ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19สายพันธุ์เดลตาในช่วงฤดูร้อนและหนักสุดในประเทศส่วนใหญ่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

แต่ทว่าเวลานี้รัฐบาลหลายชาติรวมทั้งไทย มาเลเซีย และเวียดนาม กำลังหาทางเพื่อฟื้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่สำคัญด้วยการกลับมาเปิดพรมแดนและพื้นที่สาธารณะ อย่างไรก็ตามบรรดาผู้เชี่ยวชาญวิตกไปถึงอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19ที่ต่ำในส่วนใหญ่ของภูมิภาค รวมไปถึงมีการใช้วัคซีนประสิทธิภาพต่ำอย่างแพร่หลายที่รวมไปถึงวัคซีนซิโนแวคของจีนที่อาจนำมาสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างหนักได้

หยั่นซวง ฮวง (Yanzhong Huang) นักวิจัยอาวุโสประจำสถาบันธิงแทงก์ สภาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ( Council on Foreign Relations)ที่มีฐานอยู่ในสหรัฐฯ แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า หากอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19ไม่สูงรวมไปถึงการใช้วัคซีนโควิด-19ประสิทธิภาพสูงก่อนการยกเลิกมาตรการจำกัดทั้งหลายทางโควิด-19 เชื่อว่าระบบสาธารณสุขในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในไม่ช้าจะอยู่ในขั้นวิกฤต

"คุณจะได้เห็นการเพิ่มขึ้นของเคสป่วยหนักที่จะทำให้เตียงห้องไอซียูและเครื่องช่วยหายใจขาดแคลน ซึ่งจะมีความท้าท้ายเกิดขึ้นในด้านการขาดความสามารถการให้บริการทางสุขภาพ"

สื่อสหรัฐฯรายงานว่า แต่ดูเหมือนว่าบรรดาผู้นำทั่วภูมิภาคนั้นดูเหมือนจะมีทางเลือกไม่มากนักเป็นเพราะเกิดปัญหามีซัพพลายวัคซีนโควิด-19ไม่เพียงพอเป็นต้นว่า ไทยประกาศใช้การฉีดวัคซีนโควิด-19เข้าใต้ผิวหนังแทนการเข้ากล้ามเนื้อตามปกติเพื่อที่จะทำให้มีวัคซีนเพียงพอสำหรับการแจกจ่ายให้กับประชาชนได้อย่างทั่วถึง

และทำให้ในหลายชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะผลักดันให้ถึงเป้าหมายการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19ให้กับประชาชนของตัวเองในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าไม่น่าจะประสบความสำเร็จ เกิดขึ้นท่ามกลางสภาวะที่ผู้คนขาดโอกาสทางอาชีพการงาน และถูกสั่งให้ต้องอยู่แต่ในที่พัก ครอบครัวกำลังหิวโหย

ครูสอนดำน้ำต่างชาติในไทย จีน การิโต (Jean Garito) ที่มีฐานอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตเปิดเผยว่า ทั้งธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางต่างต้องการอย่างมากสำหรับการเปิดพรมแดน แต่เสริมว่าไม่แน่ใจว่าต้องใช้ระยะเวลานานเท่าใดที่ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะกลับมาอีกครั้ง

"หากรัฐบาลต่างๆไม่สามารถเยียวยาภาคธุรกิจสำหรับการสูญเสียทั้งในระยะสั้นและระยะยาวแล้วละก้อ และหากว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่สามารถกลับมาเปิดได้อย่างสมบูรณ์ พวกเราทั้งหมดจะตกอยู่ในฝันร้ายอย่างแน่นอน" การิโตกล่าว

CNN รายงานว่า วิกฤตโควิด-19เพิ่งผ่านจุดสูงสุดไปและอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19ยังคงต่ำในบางส่วนแต่กระนั้นมีหลายรัฐบาลกำลังเริ่มต้นเดินหน้าของการเปิดประเทศใหม่

"เวียดนาม" วางแผนที่จะเปิดเกาะฟู้โกว๊ก (Phú Quốc)ซึ่งเป็นเกาะท่องเที่ยวตั้งอยู่ในจังหวัดเกียนซางให้กับเหล่านักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มในตุลาคมที่จะถึงอ้างอิงจากรอยเตอร์

โดยทางเจ้าหน้าที่ได้อ้างไปถึงแรงกดดันทางเศรษฐกิจนั้นเป็นปัจจับสำคัญในการตัดสินใจพร้อมไปกับรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวชี้ว่า วิกฤตโรคโควิด-19ระบาดทำร้ายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างหนัก และมาจนถึงเวลานี้มีจำนวนประชากรเวียดนามน้อยกว่า 7% ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19ครบโดสอ้างอิงจากการติดตามของ CNN ห่างไกลจากตัวเลขอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19ในระดับ 70%-90% ที่เป็นข้อกำหนดมาตรฐานสำหรับการมีภูมิคุ้มกันหมู่ ตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ

"ไทย" วางแผนที่จะเปิดกรุงเทพฯและจังหวัดสำคัญอื่นๆสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยจะเริ่มในเดือนหน้าเช่นกันเพื่อพลิกฟื้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของตัวเองที่มีสัดส่วนกว่า 11% ของตัวเลขจีดีพีของไทยในปี 2019 อ้างอิงจากรอยเตอร์ และไทยมีประชาชนที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็มอยู่ที่ 21 %

ส่วน "อินโดนีเซีย" ที่มีการแจกวัคซีนโควิด-19ให้กับประชาชนทั้งหมดไปแล้วมากกว่า 16% ได้เริ่มการผ่อนคลายมาตรการจำกัดทางโควิด-19 อนุญาตให้พื้นที่สาธารณะกลับมาเปิดอีกครั้ง และรวมไปถึงอนุญาตให้อุตสาหกรรมกลับมาทำงานได้เต็มตามศักยภาพ

ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะได้รับอนุญาตให้เข้าอินโดนีเซียได้บางส่วนของพื้นที่รวมถึง เกาะบาหลี ภายในตุลาคมนี้ รอยเตอร์ชี้

"มาเลเซีย" ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19สูงในภูมิภาค โดยมีมากกว่า 56% ของประชาชนมาเลเซียได้รับวัคซีนโควิด-19ครบโดส รัฐบาลกัวลาลัมเปอร์เปิดเกาะลังกาวีสถานตากอากาศสำคัญให้กับนักท่องเที่ยวในประเทศสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีไม่กี่รัฐในแดนเสือเหลืองได้เริ่มต้นผ่อนคลายมาตราการสำหรับกลุ่มที่ได้รับวัคซีนโควิด-19ครบถ้วน รวมไปถึงการเดินทางข้ามรัฐและการนั่งรับประทานอาหารภายในร้าน

ทั้งนี้การที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เร่งรีบกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งสะท้อนไปถึงนโยบายการอยู่ร่วมกับโควิด-19ที่หนีห่างไกลจากนโยบายก่อนหน้า "โควิด-19เป็นศูนย์" อภิเชค ไรมาล (Abhishek Rimal) ผู้ประสานงานสุขภาพฉุกเฉินภูมิภาคขององค์การกาชาดสากล IFRC (International Federation of Red Cross) แสดงความเห็น และถึงแม้ว่าจะมีคนอื่นอีกไม่ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ทว่าคนเหล่ากำลังเดินหน้าเร่งการเปิดประเทศโดยชี้ไปว่า รัฐบาลกำลังประเมินถึงนโยบายอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ผู้เชี่ยวชาญต่างเตือนว่า อย่างไรก็ตามจากการที่บางส่วนของภูมิภาคมีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19ที่ต่ำซึ่งรวมไปถึง ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทยจะทำให้การเปิดประเทศมีความเสี่ยงมากกว่าในโลกตะวันตก

ชาติตะวันตกจำนวนมากแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19ให้กับประชาชนส่วนใหญ่ของตัวเองรวมถึง อังกฤษที่มีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19ที่ 65% และแคนาดาอยู่ที่เกือบ 70%

CNNชี้ว่า ถึงแม้ว่าจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นของเคสช่วงสั้นๆหลังการเปิดแต่ทว่าจำนวนการเสียชีวิตและการเข้ารับการรักษาพยาบาลยังคงต่ำในประเทศโลกตะวันตกแสดงให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของวัคซีนโควิด-19ได้เป็นอย่างดี

และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อัตราการมีผลตรวจเป็นบวกยังคงอยู่ในระดับสูงที่น่าวิตก โดยองค์การอนามัยโลก WHO ได้ออกข้อแนะนำแก่ประเทศต่างๆให้คงอัตราการมีผลตรวจเป็นบวกอยู่ที่ 5% หรือต่ำกว่านั้นเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการกลับมาเปิดทางสาธารณะอีกครั้ง ไรมาลชี้ว่า แต่ทว่ายังคงเห็นตัวเลข 20%-30% ในหลายประเทศในภูมิภาค

นอกจากทั้งหมดนี้ "ปัจจัยในเรื่องคุณภาพของวัคซีนโควิด-19" ยังเป็นปัญหาต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับการกลับมาเปิดตัวรับนักท่องเที่ยวเช่นกัน

เป็นเพราะพบว่ามีหลายชาติจำนวนมากในภูมิภาคต่างพึ่งพาวัคซีนโควิด-19จากจีนเป็นวัคซีนหลักของตัวเองที่เป็นที่รู้กันดีว่ามีประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าของวัคซีนชาติตะวันตก

อ้างอิงจากมหาวิทยาลัยดุ๊ก(Duke University)ของสหรัฐฯพบว่า ไทยซื้อวัคซีนซิโนแวคไม่ต่ำกว่า 40 ล้านโดส ขณะที่ฟิลิปปินส์และมาเลเซียต่างซื้อวัคซีนซิโนแวคประเทศละ 20 ล้านโดสเท่ากัน ส่วนกัมพูชาซื้อวัคซีนซิโนแวคจำนวน 16 ล้านโดส

อินโดนีเซียซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มของจีนจำนวน 15 ล้านโดสและมาเลเซียซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มจำนวน 5 ล้านโดส

และทำให้ผู้เชี่ยวชาญ ฮวงประจำสถาบันธิงแทงก์สหรัฐฯด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศชี้ว่า ความพยายามที่จะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งแต่ทว่ากลับมีประชาชนน้อยกว่าครึ่งได้รับวัคซีนโควิด-19โดยสมบูรณ์และอีกทั้งยังใช้วัคซีนประสิทธิภาพต่ำนั้นสามารถนำไปสู่สถานการณ์วิกฤตเคสล้นโรงพยาบาลและอาจทำให้ต้องมีการนำมาตรการจำกัดกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง

อย่างไรก็ตามไม่ใช่มีทุกชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่พึ่งพาวัคซีนซิโนแวคหรือวัคซีนซิโนฟาร์มของจีน เป็นต้นว่า สิงคโปร์ที่เป็นชาติประสบความสำเร็จในการแจกวัคซีนให้กับประชาชนสูงถึง 77% ใช้วัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคและวัคซีนโมเดอร์นาเป็นหลัก

และมีหลายชาติเริ่มถอนตัวออกห่างจากการใช้วัคซีนซิโนแวคเนื่องมาจากกังวลในประสิทธิภาพ โดย CNN ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มาเลเซียประกาว่า จะหยุดการใช้วัคซีนโควิด-19จากจีนหลังจากซัพพลายจำนวน 12 ล้านโดสของตัวเองหมดลง

และไทยในเดือนกรกฎาคมเช่นกันประกาศจะให้ภูมิคุ้มกันเป็นเข็มที่ 3แก่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของตัวเองด้วยวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันถึงแม้คนเหล่านั้นจะได้รับวัคซีนซิโนแวคครบโดสแล้วก็ตาม

"ผมคิดว่าหากว่าพวกเขาสามารถใช้วัคซีนประสิทธิภาพสูงเพื่อเป็นเข็มกระตุ้นและมีจำนวนประชากรจำนวนมากได้รับภูมิคุ้มกันทางวัคซีน ดังนั้นแล้วการกลับมาเปิดประเทศจะดูมีความสมเหตุสมผลมากขึ้น" ฮวงกล่าว

ด้านครูต่างชาติสอนดำน้ำที่จังหวัดภูเก็ตพบว่าการกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งนั้นดูไม่เร็วจนเกินไป "พวกเราล้วนมีลูกๆและตัวเองต้องเลี้ยงดู"