• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

จากเด็กถูกพ่อทิ้งสู่ชายผู้รักสันโดษ และ "เหวินหวู่" ในแบบ "เหลียงเฉาเหว่ย"

Started by Ailie662, September 25, 2021, 01:58:17 PM

Previous topic - Next topic

Ailie662


นอกจากประเด็นที่ว่านี่คือหนังฮอลลีวูดเรื่องแรกแล้ว สิ่งหนึ่งที่หลายคนให้ความสนใจไม่น้อยก็คือคำถามที่ว่าทำไมนักแสดงดังชาวฮ่องกงวัย 59 ปีอย่าง "เหลียงเฉาเหว่ย" ถึงเลือกที่จะเปิดตัวของเขาบนเวทีฮอลลีวูดในบทบาท "ตัวร้าย"?

แถมยังเป็นตัวร้ายในหนังแอ็คชันที่หลายๆ คนอาจจะรู้สึกว่าเจ้าตัวไม่น่าจะต้อวใช้ฝีมือหรือการแสดงอารมณ์อะไรมากมายอีกต่างหาก

ไม่ใช่แค่แฟนหนังเท่านั้นที่รู้สึกแปลกใจ เพราะตัวผู้กำกับอย่าง "เดสติน แดเนียล เครทตัน" ที่แม้เจ้าตัวจะระบุเองว่าหนึ่งเดียวที่เหมาะสมกับบท "ซูเหวินหวู่" วายร้ายตัวฉกาจใน Shang – Chi and the Legend of the Ten Rings ต้องเป็น "เหลียงเฉาเหว่ย" เท่านั้นก็ยังไม่นึกไม่ฝันว่าที่อีกฝ่ายจะตอบรับที่จะเล่นหนังเรื่องนี้

"ครั้งแรกตอนที่โปรดิวเซอร์ โจนาธาน ชวาร์ตซ์ ถามผมว่าใครควรมารับบท เหวินหวู่ ชื่อแรกที่ผุดขึ้นมาทำให้ผมต้องตอบไปว่า เหลียงเฉาเหว่ย แต่ผมก็พูดไปด้วยว่ากี่ล้านปีเค้าก็ไม่มีทางเล่น" ก่อนที่โปรดิวเซอร์จะตอบกลับว่า "มาลองกัน"



"เหวินหวู่" ในแบบ "เหลียงเฉาเหว่ย"

"เหลียงเฉาเหว่ย" สั่งสมประสบการณ์ในวงการบันเทิงมายาวนานกว่า 40 ปีจนเป็นที่ประจักษ์ด้านการแสดงให้กับคนเอเชีย เมื่อทุกผลงานของเขาสามารถถ่ายทอดในแบบฉบับของตนเองจนเข้าถึงอารมณ์เสมือนเขาคือตัวละครตัวนั้นจริงๆ ไม่ว่าจะรับบทบู๊ ตำรวจ หรือหนังรัก

ไม่เพียงแค่แฟนหนังเอเชียเท่านั้น หากแต่ผู้ชมตะวันตกที่มีโอกาสได้ชมที่เขาฝากฝีมือเอาไว้ในหนังของ "หว่องกาไว" อย่าง 2046 หลายคนต่างก็ยกให้เขาเป็น "คลาร์ก เกเบิล แห่งเอเชีย" เลยทีเดียว

ที่ผ่านมาเจ้าตัวมีความฝันเหมือนนักแสดงทั่วไป ที่อยากไปสู่เวทีใหญ่ได้เล่นหนังฮอลลีวูด เขาฝันอยากจะทำงานกับผู้กำกับดัง มาร์ติน สกอร์เซซี หรือเล่นบทแปลงจากนวนิยายอาชญากรรมของ ลอว์เรนซ์ บล็อก แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เคยได้รับโอกาสที่เขาใฝ่ฝันเสียที

เหตุเพราะภาพยนตร์อเมริกันมักเสนอบทนำให้กับนักแสดงเอเชียน้อยมาก ทำให้ เหลียงเฉาเหว่ย คิดมาตลอดว่าคงไม่มีภาพยนตร์อเมริกันทุนสร้างมหาศาลเรื่องไหนที่สนใจจะยกบทนำให้กับนักแสดงที่พูดภาษากวางตุ้งแบบเขา

แต่สำหรับ เครทตัน ผู้กำกับชาวเอเชีย – อเมริกัน คนแรกของมาร์เวล ไม่ได้คิดเช่นนั้น "ถ้าเรากำลังไล่ตามนักแสดง บทก็ต้องคุ้มที่จะทำ ดังนั้นผมจึงใช้ เหลียงเฉาเหว่ย เป็นเหมือนแสงนำทาง ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะตอบตกลงมาเล่นเสียอีก มันเป็นการจุดไฟในตัวเราให้สร้างตัวละครให้คู่ควรเหมาะสมกับเขา"

การคัดเลือกตัวร้ายก่อนในหนังซูเปอร์ฮีโร่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งการทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาตัวละครที่ มาร์เวล ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดแทนตัวละครต้นฉบับใน Shang Chi ที่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ เนื่องจาก Marvel Comics ได้สร้าง Shang - Chi มาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 70 ในฐานะลูกชายของ ฟู แมนจู วายร้ายชาวเอเชียทำให้ทีมงานต้องการสร้างตัวละครทั้งหมดขึ้นมาใหม่

เหลียงเฉาเหว่ย จำได้ดีว่าตอนที่เขาได้พบกับผู้กำกับ เครทตัน เป็นครั้งแรก ได้บอกกับเขาว่า "ถึงคุณจะไม่ได้รับบทซูเปอร์ฮีโร่ แต่ตัวละครของคุณมีความสลับซับซ้อนหลายชั้น" เมื่อเจ้าตัวอึ้งในความสลับซับซ้อนของวายร้ายและการทำงานที่เปิดกว้างของ เครทตัน ส่งให้ เหลียงเฉาเหว่ย ไม่ลังเลที่จะตอบตกลงซึ่งเขาต้องใช้เวลา 2 เดือนเพื่อเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนการถ่ายทำ

"บอกตามตรง ผมไม่สามารถจินตนาถึงใครในโลกความเป็นจริงที่มีพลังวิเศษได้เลย แต่ผมก็พอจะนึกภาพถึงใครบางคนแบบเขาที่ตกอับ และล้มเหลวในการเป็นพ่อ"

เหลียงเฉาเหว่ย เผยว่าเขาเข้าใจว่า แรงผลักดันพื้นฐานของตัวละคร เหวินหวู่ ไม่ได้มาจากความเป็นปีศาจในตัวเอง แต่เป็นความรักที่มีต่อลูก ซึ่งทำให้ด้านหนึ่งของเขาสัมผัสได้ถึงความเป็นมนุษย์ ถึงจะเป็นพ่อที่แย่ แต่ก็เป็นคนที่รักครอบครัวอย่างที่สุด ซึ่ง เหลียงเฉาเหว่ย ได้เสริมว่า "ผมคิดว่าเขาไม่รู้จักวิธีที่จะรักตัวเอง" นี่คือการตีความบท เหวินหวู่ ในแบบเหลียงเฉาเหว่ย



วัยเด็กที่ถูกพ่อทิ้งหากมองย้อนกลับไป ชีวิตของ เหลียงเฉาเหว่ย ก็ไม่ได้แตกต่างจากในภาพยนตร์มากนัก เพราะเมื่อตอนอายุได้เพียง 7 ขวบ พ่อของเขาที่ทำงานเป็นผู้จัดการไนต์คลับ ได้ทิ้งแม่ของเขาเป็นครั้งที่สาม และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้าย มันเกิดขึ้นที่ฮ่องกงตอนช่วงปลายยุค 60 ที่ครอบครัวแตกแยกมักมีไม่มากนักในฮ่องกง ทำให้การถูกพ่อทิ้ง ส่งให้ เหลียงเฉาเหว่ย กลายเป็นคนสันโดษ และรักความเป็นส่วนตัว

"ผมไม่รู้ว่าผมจะรับมือกับผู้คนยังไงหลังจากที่พ่อทิ้งผมไป ตอนที่คุณยังเป็นเด็ก ทุกคนจะพูดถึงพ่อของตัวเอง ครอบครัวตัวเองว่าพวกเขามีความสุขกันมากแค่ไหน พ่อของพวกเขาเจ๋งแค่ไหน ผมคิดว่าตั้งแต่นั้นมามันทำให้ผมเลิกติดต่อกับผู้คน และผมรู้สึกเก็บกดมาก"

แต่ความรู้สึกเหล่านั้นก็ค่อยๆ เบาบางลงเมื่อเขาไปดูหนังกับแม่ แล้วเขาตกหลุมรักในภาพยนตร์ของ โรเบิร์ต เดอ นีโร, อัล ปาชิโน่ และ จีน แฮคแมน เขาโตมากับการชื่นชอบดาราคนโปรดของแม่เป็นพิเศษอย่าง เอเลน ดีลอน ไอดอลชาวผิวขาวจากปารีสยุค 60 ทีมีดวงตาสีฟ้าเข้มราวกับไพลิน รวมถึงการติดบุหรี่ที่แทบจะเป็นส่วนหนึ่งในตัวเขา ทั้งหมดนี้ที่ทำให้เขามีชีวิตชีวาและยังอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปได้

ในตอนนั้น เหลียงเฉาเหว่ย ไม่เคยฝันที่จะมาเป็นนักแสดง เมื่อตอนอายุ 20 ปี เขาเป็นเพียงเซลล์แมน ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ก่อนที่ในปี 1982 เขาได้รู้จักกับ โจวซิงฉือ นักแสดงตลกชื่อดังที่แนะนำให้เขาไปออดิชันที่โรงเรียนการแสดง Television Broadcasts Limited สถาบันที่มีชื่อเสียงของฮ่องกง

ต่อมาทางสถาบันได้ตอบรับเขา ซึ่ง เหลียงเฉาเหว่ย ต้องใช้เวลาในการฝึกการแสดง 6 วันต่อสัปดาห์เป็นเวลานานนับปี รวมไปถึงต้องฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างกังฟูด้วย จากนั้นเขาก็ได้ไปแคสติงผลงานเรื่องแรกที่ออกฉายทางโทรทัศน์ เขาจึงได้รู้ว่า งานแสดงเหมือนเป็นการปลดปล่อยอารมณ์และความรู้สึกของเขาที่ถูกเก็บซ่อนมานาน มันทำให้เขาได้เรียนรู้ที่จะจัดการกับความโกรธและความกลัวให้กับตัวละครที่ตนเองได้รับ

"ผมพบวิธีที่จะแสดงออก ได้ร้องไห้ต่อหน้าคนอื่น ได้หัวเราะ และปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมดของผมโดยไม่ต้องอาย"

ในสมัยวัยรุ่น เหลียงเฉาเหว่ย มักจะพูดคนเดียวหน้ากระจกเสมอ แต่การพูดคุยกับผู้คนยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ซึ่งมันกลายเป็นผลดีเพราะต่อมาเขานำวิธีการที่พูดคนเดียวนั้นมาใช้ในการแสดง กับภาพยนตร์ของ หว่องกาไว เรื่อง Chungking Express ปี 1994 เขารับบทเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบที่ใช้เวลา 3 นาทีไปกับการคุยกับสบู่ก้อน, ตุ๊กตาแมวการ์ฟีลด์ และเสื้อบนพื้น ซึ่งการแสดงทั้งหมดนี้เองที่ได้สร้างความประทับใจให้กับ เครทตัน ผู้กำกับของ Shang-Chi ที่ยังจดจำเรื่องนี้ได้แบบไม่รู้ลืม

หว่องกาไว กับ เหลียงเฉาเหว่ย มีผลงานร่วมกันมาแล้วถึง 7 เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นที่จดจำอย่าง The Grandmaster ที่ เหลียงเฉาเหว่ย มารับบท ยิปมัน เทรนเนอร์ของ บรู๊ซ ลี , เรื่อง 2046 กับภาพแบบเซอร์เรียล ไม่มีสคริปต์และโปรดักชันที่ใช้เวลาในการถ่ายทำนานถึง 4 ปี

และกับ In the Mood for Love ในปี 2000 ที่ทำให้ชื่อของ เหลียงเฉาเหว่ย เริ่มเป็นที่รู้จักบนเวทีโลก เพราะเขาได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเทศการภาพยนตร์เมืองคานส์ ส่งให้ผลงานเรื่องนี้เป็นเหมือนงาน มาสเตอร์พีซ ของ เหลียงเฉาเหว่ย ที่ผู้คนยังประทับใจกับการแสดงออกทางสายตาของเขาในแต่ละซีน



ชายผู้รักสันโดษ
ปัจจุบันในขณะที่ผู้คนเปิดเผยชีวิตส่วนตัวมากขึ้นผ่านทางโซเชียลมีเดีย เหลียงเฉาเหว่ย ยังคงเป็นชายเก็บตัวที่แตกต่างจากภรรยาอย่าง หลิวเจียหลิง ที่มักจะอัปเดตไลฟ์สไตล์ผ่านทางโซเชียลมีเดียอยู่เสมอ แต่เขาก็ไม่ค่อยจะยอมให้เธอโพสต์เกี่ยวกับเขาลงในโซเชียลมีเดียของเธออยู่ดี

ส่วนภาพที่เธอโพสต์เกี่ยวกับสามี ก็เป็นภาพวันเกิดอายุครบ 58 ปีของ เหลียงเฉาเหว่ย ที่ไถสเก็ตบอร์ดเล่นคนเดียวแบบไม่รู้สึกเหงาแต่อย่างใด

หลิวเจียหลิง เป็นคนรักที่คบหากันมาตั้งแต่ยุค 80 ก่อนจะแต่งงานกันในปี 2008 ที่ หว่องกาไว เป็นคนจัดงานแต่งให้ทั้งคู่ในภูฏาน ทั้งคู่เคยแสดงภาพยนตร์ด้วยกันหลายเรื่อง ล่าสุดก็เรื่อง 2046 ที่ เหลียงเฉาเหว่ย ภูมิใจในตัวภรรยาที่เข้าใจในการแสดงของเขาและยังสามารถแสดงในบทของเธอออกมาได้ดีเช่นกัน

ทั้งสองคบหาอยู่กินกันมานานโดยไม่มีทายาท ซึ่ง เหลียงเฉาเหว่ย ก็แทบจะไม่เคยอยากรับบทพ่อบนหน้าจอสักเท่าไหร่ ซึ่งเหตุผลของเขาก็ค่อนข้างชัดเจนว่ามีผลพวงมาจากอดีต "เคยมีคนติดต่อขอให้ผมรับบทพ่อที่ล้มเหลว แต่ผมปฏิเสธไปเพราะว่าผมไม่อยากนึกถึงตอนที่พ่อผมปฏิบัติกับผมยังไง"

เหลียงเฉาเหว่ย ชายเก็บตัว รักสันโดษ ชอบความสุขที่สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเอง เขานึกย้อนไปถึงวันวานในฮอกไกโด ที่เขาออกท่องเที่ยวคนเดียว เข้าเช็คอินในโรงแรม พร้อมกับนิยายดีๆ สักเล่ม ออกไปขี่จักรยานชมวิวนานนับชั่วโมง ออกไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์และแกลอรีศิลปะคนเดียว ออกไปนั่งกินอิซากาย่าและหลังจากนั้นก็ดื่มสาเกนั่งกินพวกเครื่องในสัตว์โดยไม่ต้องพึงคนอื่น

"อาจเป็นเพราะภูมิหลังวัยเด็กของผมที่ทำให้ผมรักษาระยะห่างจากผู้คน เพราะนับตั้งแต่นั้น มันทำให้ผมเรียนรู้ที่จะหาสิ่งที่ผมสามารถทำและสนุกได้เพียงลำพัง เพราะว่าคุณไม่สามารถที่จะพึ่งพาคนอื่นเพื่อให้ตนเองมีความสุขได้ตลอด จริงไหม?"