5 วิธีลด "ความดันสูง" ได้ง่ายๆโดยไม่ต้องรับประทานยา

[Prichas]

  เซรั่มกัญชงอีกหนึ่งปัญหาด้านสุขภาพที่ชาวไทยเป็นกันมากมายเป็น"ความดันเลือดสูง" พบบ่อยในวัยทำงานไปจนกระทั่งวัยชรา คนที่มีน้ำหนักมากยิ่งกว่ามาตรฐานมาตรฐาน แล้วก็คนที่มีความประพฤติการทานอาหารที่ไม่เหมาะสม

แม้ว่าจะเป็นอาการที่พบได้บ่อย รวมทั้งเป็นเยี่ยมในต้นเหตุของโรคอันตรายอื่นๆตามมาได้ แต่ว่าจริงๆแล้วมีแนวทางกล้วยๆที่ปฏิบัติตามกันได้ และช่วยลดความดันโลหิตได้จริง โดยบางทีอาจไม่ต้องพึ่งยารักษาโดยยิ่งไปกว่านั้นเสมอไป มาฝากกัน

5 แนวทางลด "ความดันสูง" ได้อย่างง่ายๆโดยไม่ต้องรับประทานยา

วัดความดันโลหิตวันแล้ววันเล่า
พวกเราสามารถวัดความดันเลือดได้ด้วยตัวเอง ด้วยเครื่องตวงความดันเลือดที่มีขายตามร้านขายยาที่น่าเชื่อถือ การมีเครื่องวัดความดันที่บ้าน สามารถบ่งชี้ถึงภาวะแทรกซ้อนระยะยาวได้ดีมากยิ่งกว่าการประเมินความดันที่โรงพยาบาล และก็ชีวิตเรามักอยู่บ้านเสมอๆมากยิ่งกว่า การวัดความดันที่อยู่ที่บ้านก็จะเป็นตัวบ่งบอกถึงความดันของคนๆนั้นได้ดีมากว่า

ควรจะวัดความดันโลหิตเป็นประจำทุกๆวัน วันละ 2 ครั้ง ในตอนที่ตื่นนอนช่วงเวลาเช้า (หลังจากที่ตื่นนอนขึ้นมาแล้ว 1 ชั่วโมง) และก็ในเวลาก่อนนอน (แม้คนใดที่กำลังกินยารักษาอาการความดันโลหิตอยู่ ให้วัดความดันก่อนรับประทานยาทั้งยังในระยะหลังตื่นนอน และก็ก่อนนอน)

บริหารร่างกาย
อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่สามารถจะช่วยให้ความดันโลหิตของคุณกลับมาปกติ การบริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ความดันโลหิตกลับมาเป็นปกติได้ โดยการออกกำลังกายที่สมควรสำหรับคนที่มีความดันโลหิตสูง เป็นการออกกำลังหัวใจ (คาร์ดิโอ) การออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น รู้สึกเหนื่อยหอบระหว่างออกกำลังกาย อย่างเช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆขี่จักรยาน ว่ายน้ำ แอโรบิก ฯลฯ

สำหรับคนที่ไม่เคยบริหารร่างกายเลย อยู่ในวัยชรา หรือมีน้ำหนักมากกว่ากฏเกณฑ์มาตรฐานมาก ชี้แนะการเดินเร็ว หรือแอโรบิกในท่ากล้วยๆเบาๆให้รู้สึกเมื่อยล้าน้อย ไม่เหนื่อยกระทั่งเกินไป โดยแนะนำให้ออกพลังกายทีละขั้นต่ำ 30 นาที 3-5 วันต่อสัปดาห์ หรือ 150 นาทีต่อสัปดาห์

ถ้าความดันโลหิตสูงเกินกว่า 180/100 มิลลิเมตรปรอท ควรจะหลีกเลี่ยงการบริหารร่างกายรวมทั้งปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ รวมทั้งผู้เจ็บป่วยที่มีโรคประจำตัวอื่นๆได้แก่ โรคหัวใจรวมทั้งเส้นโลหิต เบาหวาน และก็อื่นๆควรหารือแพทย์ถึงวิธีออกกำลังกายที่สมควรอีกรอบ

ลดของกินรสเค็มจัด กินผักและผลไม้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ <a href="https://.168live.com">.168live.com</a>
ของกินรสเค็ม พบได้ในอาหารไทยทั่วไปที่มีการปรุงรสเค็มหนัก เช่น ส้มตำ ยำต่างๆแกงไตปลา หรือรายการอาหารอื่นๆรวมถึงของกินที่มีการใส่ซอสปรุงรสจำนวนไม่ใช่น้อยยกตัวอย่างเช่น สุกี้ยากี้ และอาหารสำเร็จรูป อาทิเช่น บะหมี่ครึ่งสำเร็จรูป แฮม ไส้กรอก ปลากระป๋อง ของกินแช่แข็ง ของหมักดอง ฯลฯ ควรจะลดการรับประทาน รวมทั้งลดการปรุงรสเพิ่ม

การกินเค็มจะก่อให้อาการความดันโลหิตสูงห่วยแตกลง การลดเค็ม เป็นการลดเกลือโซเดียมให้ต่ำกว่า 2 กรัมต่อวัน ซึ่งเท่ากันกับโซเดียมคลอไรด์ที่เราทำอาหารกัน 1 ช้อนต่อวัน หรือถ้าเกิดเทียบกันเป็นซีอิ๊ว ซอสปรุงรส น้ำปลาก็จะตกราวๆ 4 ช้อนต่อวัน

นอกเหนือจากลดเค็มแล้ว ควรจะรับประทานผักและก็รับประทานผลไม้ตอบแทนให้เพิ่มมากขึ้น ในปริมาณ 20-30 กรัมต่อวัน ซึ่งจะสามารถช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ แต่ว่าถ้าเป็นผู้ป่วยโรคไต ควรจะหารือหมอถึงผักและก็ผลไม้ที่ควรจะรับประทานอีกที

เลิกยาสูบ ลดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์ <a href="https://.3bb.com">.3bb.com</a>
การสูบยาสูบ และก็การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ทำให้ภาวะความดันโลหิตสูงห่วยลงเช่นเดียวกัน และก็ยังเป็นการเพิ่มการเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอันตรายที่บางทีอาจเกิดขึ้นตามมาได้อีกด้วย

สำหรับบางคนที่ไม่สามารถเลิกเหล้ารวมทั้งบุหรี่ได้โดยทันที ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องมาจากในปัจจุบัน เรามีทั้งยังการทำกิจกรรมบำบัดรักษารวมทั้งยาที่ทดแทนสารต่างๆที่ช่วยลดอาการระหว่างการเลิกสุราเลิกบุหรี่ได้

<a href="https://cbdgreenbird.com">cbdgreenbird.com</a>

กินยาตามแพทย์สั่ง เจอหมอตามนัดทุกครั้ง <a href="https://zincbet.com">zincbet.com</a>
สำหรับผู้ใดกันแน่ที่เข้ารับการรักษาภาวะความดันโลหิตสูงกับแพทย์เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ควรจะรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอตามเวลา รวมทั้งไปพบหมอตามนัดหมายทุกหน เพื่อหมอประเมินอาการ และได้รับการดูแลรักษาตามอาการอย่างแม่นยำต่อไป