DEMCO ปักหมุดปี 65 ปีแห่งการฟื้นตัว - ตั้งเป้ารายได้โต

[Joe524]

DEMCO ปักหมุดปี 65 ปีแห่งการฟื้นตัว - ตั้งเป้ารายได้โต 10-15% ลุยประมูลงานภาครัฐและเอกชน หลังโควิด - 19 คลี่คลาย

DEMCO ประเมินแนวโน้มธุรกิจปี 65 เป็นปีแห่งการฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด - 19 คลี่คลาย ระบุภาครัฐและเอกชน เดินหน้าขยายการลงทุนเพิ่มมากขึ้นหลังอั้นมานาน หนุนรายได้โต 10 -15% เทียบปีที่ผ่านมา วางเป้า Private PPA ขนาดกำลังการผลิต 20 เมกกะวัตต์ ภายในปี 2566

นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) (DEMCO) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2565 DEMCO ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10 - 15% เทียบปีที่ผ่าน มาหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด - 19 คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น หลังประชาชนฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ อีกทั้งรัฐบาลได้มีการคลายล็อกดาวน์กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ภาครัฐและภาคเอกชนมีการขยายการลงทุนเพิ่ม หลังจากที่ก่อนหน้ามีหลายโปรเจคที่เลื่อนการประมูล ทำให้มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

"แนวโน้มธุรกิจของ DEMCO ในปีนี้ มั่นใจว่าจะเป็นปีแห่งการฟื้นตัว โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 4,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2566 โดยส่วนใหญ่เป็นงานวิศวกรรมไฟฟ้า มูลค่าประมาณ 2,700 ล้านบาท งานก่อสร้างผัง งานวางสายใต้ดิน วางสายไฟเบอร์มูลค่า ประมาณ 1,300 ล้านบาท"

นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า DEMCO มีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลงานใหม่ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะในส่วนของภาครัฐ ทั้งในส่วนโครงการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งจะมีการเปิดประมูลงานในส่วนงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย เฉลี่ย 1 หมื่นล้านบาท / ปี และโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอเข้าประมูลงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยและสายส่ง และมีมูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท / ปี ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

นอกจากนี้ DEMCO ยังมีแผนขยายการลงทุนธุรกิจแห่งอนาคต สอดรับ Mega Trends หลังเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลง เช่น Computerized Base , Smart Grid , Micro Grid , Energy Storage รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV เพื่อต่อยอดธุรกิจ และเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้

ส่วนการขยายการลงทุนโครงการสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างหน่วยงานเอกชนกับเอกชน (Private PPA) DEMCO ตั้งเป้ากำลังการผลิตรวมที่ 20 เมกกะวัตต์ภายในปี 2566 จากปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว 2.5 เมกกะวัตต์