• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - iammu

#61


ตกเป็นไอเท็มสำคัญที่ต้องพกไปด้วยเมื่อต้องออกจากบ้านสำหรับ "หน้ากากอนามัย" ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะแบบผ้า แบบทางการแพทย์ N95 ฯลฯ แต่อย่างไรแล้วแต่ละประเภทย่อมมีประสิทธิภาพด้านการป้องกันที่แตกต่างกัน จึงจะมานำเสนอให้อย่างหมดเปลือก พร้อมแถมวิธีสวม - ถอดที่ถูกต้องเพิ่มเติมให้ด้วย
หน้ากากอนามัยแต่ละประเภทมีประสิทธิภาพการป้องกันยังไง?
1. หน้ากากทางการแพทย์
หรือที่รู้จักกันดีว่ามาสก์สีเขียว ผลิตจากพลาสติกพอลิโพรไพลีน มีความสามารถในการป้องกันไวรัส เชื้อแเบคทีเรีย ละอองเกสร และฝุ่นขนาดเล็ก หาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพงมากเฉลี่ย 2.5 บาทขึ้นไป ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อที่มาจากสารคัดหลั่งคนสู่คน แต่หากขนาดไม่พอดีกับหน้ามีโอกาสเลื่อนหลุดง่าย ต้องใช้มือมาสัมผัส ทำให้เสี่ยงติดเชื้อมากขึ้น
2. หน้ากาก หน้ากาก N95
ต่อมาเป็นหน้ากากชนิด N95 ที่สามารถป้องกันไวรัสได้ถึง 95% ทำจากโพลีโพรพีลีน มีประสิทธิภาพการป้องกันเกี่ยวกับไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ละอองเกสร และฝุ่นละอองขนาดเล็กไปจนถึงเชื้อโควิด - 19 ได้ดี แต่จะกระชับหน้ามาก เพิ่มความอึดอัดเวลาสวม ใส่แล้วพับเก็บยาก เพราะลักษณะเป็นฝาครอบ
3. หน้ากากแบบผ้า
สำหรับหน้ากากผ้าใช้วัสดุทำหลากหลาย ทั้งใยสังเคราะห์ ผ้าฝ้าย ฯลฯ ราคาจึงแตกต่างกันออกไป สามารถนำมาซักใช้งานซ้ำได้ มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อแบคทีเรีย ละอองเกสร และฝุ่นเท่านั้น มีหลายสีหลากหลายลายให้เลือกใช้ แต่จะไม่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 หรือฝุ่นที่มีขนาดเล็ก ๆ ได้ 
4. หน้ากากแบบคาร์บอน
ปิดท้ายด้วยหน้ากากแบบมีชั้นกรองคาร์บอนที่ประสิทธิภาพจะเหมือนกับหน้ากากทางการแพทย์ คือประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ละอองเกสร และฝุ่นละอองขนาดเล็ก แต่ที่ต่างคือสามารถป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี ต้องสังเกตว่าสีที่เห็นเป็นการเสริมชั้นกรองคาร์บอน หรือแค่สีสันที่คล้ายหน้ากากทางการแพทย์ เพราะไม่อย่างนั้นประสิทธิภาพการป้องกันจะต่ำลงกว่าเดิม
สอนวิธีใส่ - ถอดหน้ากากที่ถูกต้อง
ในส่วนของการสวมและถอดที่ถูกวิธีนั้นไม่ว่าจะ หน้ากาก N95 หน้ากากผ้า หรือหน้ากากใด ๆ ก็ตาม ต้องเริ่มต้นจากการล้างมือให้สะอาด จากนั้นให้สวมหน้ากากปิดทั้งปาก จมูก โดยดึงลงให้ถึงใต้คาง กรณีเป็นหน้ากากทางการแพทย์ หรือหน้ากากคาร์บอน ให้กดเหล็กดามลงที่สันจมูกด้วย 
สำคัญมากคือพยายามไม่สัมผัสโดยตรงกับหน้ากากระหว่างวัน หากต้องสัมผัสให้ล้างมือด้วยเจล/สเปรย์แอลกอฮอล์ สบู่+น้ำทุกครั้ง หากชื้นต้องถอดออกและใส่อันใหม่ทันที การถอดออกต้องถอดจากด้านหลัง แล้วทิ้งในถังขยะแบบปิด
ในยุคที่ทุก ๆ คนต้องดูแลตัวเองอย่างดีที่สุดให้ห่างไกลจากความเสี่ยงแพร่ - รับเชื้อโควิด - 19 เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งหน้ากากอนามัยเป็นสิ่งจำเป็นอีกอย่างที่สำคัญ เพราะฉะนั้น การหาความรู้เกี่ยวกับเลือกสวมใส่ - ถอดอย่างถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามไปได้
สามารถชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/TOO020106
 
 
#62


เมื่อใช้งานทีวีไปสักระยะ ต้องมีสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไปจนถึงรอยข่วนเกิดขึ้นที่หน้าจอ พาให้รำคาญตาเวลาดูเป็นอย่างมาก แต่กระนั้นก็สามารถทำความสะอาดด้วยวิธีง่าย ๆ ราวกับว่าเพิ่งซื้อTVใหม่มาไม่กี่วันก่อนหน้า แล้วจะมีวิธีทำความสะอาดเช่นไร? บอกเลยเทคนิคที่จะแนะนำต่อไปนี้ไม่ยุ่งยาก แม้มีเวลาเล็กน้อยก็จัดการให้โทรทัศน์เครื่องโปรดดูใหม่ได้จริง
3 วิธีหลักทำความสะอาด TV ที่ใครก็ทำได้ง่าย ๆ
1. เลือกใช้น้ำส้มสายชู + น้ำ
วิธีแรกที่จะช่วยทำความสะอาดได้เป็นอย่างดีก็คือการเลือกใช้น้ำส้มสายชูนำไปผสมกับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 1:1 โดยทั่วไปน้ำส้มสายชูจะมีฤทธิ์เป็นสารซักฟอกทางธรรมชาติ แถมราคาถูก เริ่มต้นให้ปิดทีวีก่อน จากนั้นใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์มาชุบส่วนผสมแล้วบิดให้แห้งหมาด ๆ เช็ดจนทั่วไปในทิศทางเดียวกัน ลงน้ำหนักโดยเฉพาะบริเวณคราบที่สกปรกมาก
ทั้งนี้เนื่องด้วยราคา ทีวีตั้งแต่หลักพันปลาย ๆ ไปจนถึงหลักหลายหมื่นบาท แนะนำว่าไม่ควรใช้สารเคมี ได้แก่ แอมโมเนีย เอทิลคลอไรด์ เอทิลแอลกอฮอล์ หรือแอสซิโทน เหตุเพราะจะทำลายหน้าจอ อีกสิ่งสำคัญไม่ควรฉีดหรือเทส่วนผสมน้ำส้มสายชูลงไปบนหน้าจอโดยตรง จะทำให้จอเสียหาย และถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดโดยเฉพาะ แนะนำให้หาซื้อที่ร้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
2. ใช้แค่ผ้าไมโครไฟเบอร์
ต่อมาเลือกใช้แค่ผ้าไมโครไฟเบอร์เท่านั้น เริ่มต้นเหมือนกันคือปิด TV ก่อน เพื่อให้พิกเซลหยุดทำงาน และยังมองเห็นฝุ่น สิ่งสกปรกมากขึ้น ต่อไปก็เอาผ้าไมโครไฟเบอร์ที่มีลักษณะคล้ายผ้าเช็ดแว่นมาเช็ดอย่างหมดจด แต่ต้องเป็นผ้าแห้งเท่านั้นเพื่อไม่ทำให้มีขุยผ้าติดจอ ทั้งนี้ไม่ควรใช้กระดาษทิชชู เศษผ้าเก่า หรือกระดาษอเนกประสงค์ใด ๆ มาเช็ด เพราะสิ่งเหล่านี้มีผิวสัมผัสหยาบ ทำให้เกิดทั้งรอยและขุยขึ้นได้ ที่สำคัญไม่ควรเช็ดหน้าจอรุนแรง ถ้าสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ออกให้กลับไปใช้วิธีแรก
3. กำจัดรอยขีดข่วนต่าง ๆ บนจอ
การกำจัดรอยขีดข่วนนั้นก็สามารถทำได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังเช่น ใช้สำลีชุบวาสลีนแล้วป้ายบริเวณที่รอย หรือใช้น้ำมันเคลือบเงา แลคเกอร์ฉีดตรงรอย รอให้แห้ง สุดท้ายเลือกใช้อุปกรณ์กำจัดรอยขีดข่วนบนหน้าจอโดยเฉพาะที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขาย - ซ่อม TV บางแหล่ง 
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทีวี ราคามีหลากหลาย ตามฟังก์ชัน ตามยี่ห้อ รุ่น ขนาดหน้าจอ ดังนั้นเมื่อซื้อมาใช้งานแล้วควรดูแลรักษาทำความสะอาดสม่ำเสมอ ด้วยการใช้วิธีที่เหมาะสม เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานให้คงอยู่ เหมือนเพิ่งซื้อมาใหม่เมื่อวาน หวังว่าวิธีทำความสะอาดทีวีทั้ง 3 นี้จะช่วยหลายคนได้ เลือกไปปรับใช้กันดู เห็นผลลัพธ์น่าประทับใจแน่นอน
เข้าดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/TVA07
 
 
#63
ครั้งนี้แอดมินขอเอาใจสายมูเตลูด้วย รูปภาพมงคล ที่ช่วยเสริมความมั่งคั่งร่ำรวย โชคลาภ และหน้าที่การงาน โดยความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยนั้นถูกสืบทอดส่งต่อกันมาอย่างยาวนาน และยังคงได้รับความนิยมเรื่อยมาถึงปัจจุบัน ซึ่งรูปภาพเองก็นับเป็นหนึ่งวิธีในการช่วยเสริมสิริมงคลได้เป็นอย่างดี มาดูกันดีกว่าว่า 5ภาพสัตว์มงคล ที่แอดมินนำมาฝากเพื่อนๆนั้นมีภาพอะไรกันบ้าง


1.ช้าง
นับว่าเป็นสัตว์ที่สื่อถึงสติปัญญาและความแข็งแกร่ง และยังเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ช่วยส่งเสริมเรื่องโชคลาภวาสนา ไปจนถึงเรื่องอำนาจบารมี


2.ม้า
เป็นสัตว์ที่สื่อถึงความรวดเร็วและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เป็นสัญลักษณ์ของขุนนางหรือชนชั้นสูง ช่วยส่งเสริมด้านธุรกิจการค้า หน้าที่การงาน ให้ประสบผลสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว


3.ปลาคาร์ฟ
เป็นสัตว์ที่สื่อถึงความขยันหมั่นเพียร และความมุ่งมั่นมุมานะ เป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ช่วยส่งเสริมผลกำไรหรือผลประโยชน์จากการทำธุรกิจ


4.นกยูง
ถือว่าเป็นสัตว์ที่สื่อถึงความโชคดีและโชคลาภ ยิ่งไปกว่านี้ยังมีความเชื่อว่าสามารถช่วยปกป้องอันตราย และโชคร้ายต่างๆได้อีกด้วย


5.มังกร
นับเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจและความเจริญรุ่งเรือง ช่วยส่งเสริมให้กิจการค้าประสบความสำเร็จ รวมทั้งยังช่วยเรียกโชคลาภ

**ฮวงจุ้ยเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ทั้งนี้ HOA ไม่ได้มีเจตนาชี้นำใดๆทั้งสิ้นนะครับ**

  ภาพวาด
ที่มา : https://holeofart.com
#64

เรื่องของขยะจัดเป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลยได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีหลากหลายแบรนด์ผลิตถังขยะออกมาให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสมในการทิ้ง และหากคุณกำลังสงสัยอยู่ว่าจะซื้อใช้อย่างไร บทความนี้มีคำตอบมาสร้างความเข้าใจ แอบกระซิบว่าขอแถมเคล็ดลับลด - จัดการขยะก่อนทิ้งให้ไปเรียนรู้เพิ่มเติมด้วย ยืนยันว่าช่วยโลกได้อีกเยอะแน่ ๆ
4 ถังขยะที่ควรทำความเข้าใจ เพื่อการเลือกซื้อเลือกหาที่ตอบโจทย์
1. ถังใส่ขยะทั่วไป
ถังใส่ขยะแบบทั่วไปเป็นขยะที่ย่อยสลายยากแต่ก็ไม่คุ้มค่ากับการไปรีไซเคิลใหม่ เช่น ซองลูกอม ทิชชู ซองบะหมี่ พลาสติก ซองขนม หลอด ฯลฯ ซึ่งหลายแบรนด์ก็ผลิตมาขายเป็นแบบมีที่เหยียบเปิดฝา หรือเป็นแบบรถเข็นได้ มีหลากสี หลายขนาดให้เลือก
2. ถังขยะแยกประเภท 
ต่อมาเป็นถังถังขยะแยกประเภท ซึ่งจะออกแบบมาให้สามารถใส่ขยะแบบแยกประเภทต่าง ๆ ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะขยะมีพิษ ชยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล ฯลฯ ทั้งนี้ อาจซื้อแยกสีไปใส่ไว้หลายถังเพื่อให้คนอื่น ๆ ได้ทิ้งขยะไปตามสีของถัง ง่ายต่อการคัดแยก ไม่ต้องเสียเวลา
3. ถังขยะรีไซเคิล
ขาดไม่ได้เลยจริง ๆ กับถังขยะรีไซเคิลที่หลากหลายแบรนด์ผลิตออกมาให้ได้เลือกกัน โดยตัวถังจะมีความทนทาน มีฝาปิด สามารถเลือกสี เลือกการออกแบบ รวมถึงจะใช้ล้อเลื่อน ตั้งพื้นธรรมดา หรือเหยียบเพื่อเปิดฝาขึ้นได้หมด โดยมากจะเป็นขยะอย่างขวด เศษแก้ว กระป๋องน้ำผลไม้ เศษกระดาษ ถุงพลาสติก กล่องเครื่องดื่มต่าง ๆ ฯลฯ แต่ถ้าต้องการให้เข้ากับประเภทจริง ๆ เลือกถังสีเหลืองไปเลย
4. ถังขยะอัจฉริยะ
สุดท้ายเป็นถังขยะอัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในยุค 4.0 และโควิด - 19 เป็นอย่างดี ไม่ต้องไปสัมผัสใด ๆ ขอแค่ยืน หรือยื่นขยะ เลเซอร์ตรวจจับก็จะเปิดฝาให้อัตโนมัติ เป็นต้น สามารถเลือกมาใช้งานในบ้านได้ จะใส่ขยะประเภทไหไม่มีปัญหา อย่างไรก็ดี แต่ละยี่ห้อก็ผลิตถังใส่ขยะประเภทนี้ในฟีเจอร์ต่าง ๆ มาแตกต่างกัน
มาถึงตรงนี้คงต้องบอกถึงเทคนิคลด - จัดการขยะก่อนทิ้ง อย่างแรกสามารถเปลี่ยนไปใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกได้ ดื่มน้ำกับขวดหรือเทใส่แก้วเพื่อลดการใช้หลอด เลี่ยงการใช้วัสดุที่จัดการยาก ได้แก่ จากที่ใช้กล่องโฟมก็ให้เปลี่ยนมาเป็นแก้วหรือจานกระดาษ หรือเลือกใช้สิ่งที่สามารถนำกลับมาซ่อมแซมแล้วใช้ใหม่ได้ อย่างเช่น อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำรุด หรือเสื้อผ้า เป็นต้น หวังว่ารายละเอียดเรื่องถังขยะเหล่านี้จะสร้างความเข้าใจให้ทุก ๆ คน และพร้อมซื้อใช้งานโดยสั่งผ่านออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเปลืองเวลาเดินทาง
ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0502
#65

สำหรับท่านไหนที่ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อเลือกหาลำโพงบลูทูธมาใช้งานดีหรือไม่ เรื่องนี้อยากให้ลองไปศึกษาหาจุดแข็งกันสักเล็กน้อย เชื่ออย่างยิ่งว่าจากที่ลังเลจะสามารถตัดสินใจได้รวดเร็ว ว่าแต่จะมีจุดเด่นอะไร น่าสนใจขนาดไหน ใครใคร่อยากทราบอย่ามัวรอช้ารีบไปดูพร้อมกันกับเราในบทความนี้ได้เลย มีข้อมูลจัดเต็มให้เหมือนเดิม
จุดดีที่อยากบอกต่อของลำโพงบลูทูธ ทราบแล้วตกลงใจซื้อง่ายขึ้น
1. สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้
แน่นอนว่าลำโพง Bluetooth เป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีสายเชื่อมต่อ แต่ใช้งานเสียงออกมาจริง ด้วยเหตุนั้นจึงสามารถหยิบพกพาไปวางไว้ที่ไหนก็ได้ สะดวกสบาย ตั้งในบ้าน นอกบ้าน ไม่เว้นแม้แต่ในห้องน้ำ ช่วยให้ยังคงฟังเพลงอย่างสบายใจได้ แม้กำลังทำกิจกรรมอื่น ๆ อยู่ก็ตาม
2. สามารถกันน้ำได้
ลำโพงประเภทนี้บางแบรนด์ได้ถูกผลิตขึ้นมาให้มีฟังก์ชันกันน้ำ จึงไม่ต้องกลัวว่าเอาไปใช้งานแล้วเผลอทำน้ำหกใส่ หรือถูกน้ำสาดมาจะพังเสียหาย อย่างลำโพง JBL เป็นต้น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อยากแนะนำให้ถูกน้ำบ่อย ๆ ก็เพราะว่าถึงยังไงก็ยังคงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า
3. ออกแบบให้เลือกหลากหลาย
แต่ละแบรนด์ก็จะมีลักษณะการดีไซน์ที่แตกต่างกันออกไปซึ่งเราสามารถเลือกใช้งานได้ตรงตามความต้องการ ไม่ว่าจะแบบยาว วงกลม ชนิดแบน มีหูจับ ฯลฯ ทั้งนี้วัสดุที่ใช้ทำยังแข็งแรงทนทาน สีสันสวยงาม ขนาดเล็กกะทัดรัด พร้อมวางได้ทุกที่ เปิดใช้งานได้ทุกเวลา แน่นอนว่า ลำโพง JBL หรือรุ่นอื่น ๆ มีให้เลือกหลากหลายครบครัน
4. สามารถปรับระดับเสียงได้ด้วย
ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือความสามารถในการปรับระดับเสียง ลำโพง Bluetooth สามารถทำได้ตามความต้องการ อยากได้เสียงดังแค่ไหน หรือเสียงเบาเท่าใด หรือกดปรับได้หมด ที่สำคัญเสียงไม่แตกอีกด้วย เรียกได้ว่ามีความนุ่มนวล ไพเราะ วางตรงไหนก็ได้ยิน
5. สามารถเสียบต่อ USB หรือต่อลำโพงหลายตัวได้
เป็นอีกฟังก์ชันการใช้งานที่หลาย ๆ ยี่ห้อผลิตออกมาให้เราเลือกใช้งาน กับความสามารถในการเสียบต่อ USB ที่จะเพิ่มแบตเตอรี่โทรศัพท์ที่บางครั้งอาจใกล้หมดให้กลับมาใช้งานได้ใหม่ หรือต่อเพิ่มลำโพงอื่น ๆ แบบ Stereo ได้ด้วย เสียงกว้างขวางมากขึ้น ฟังชัดสะใจกว่าเดิม
เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อดีของลำโพงบลูทูธ คงช่วยให้การดูหนัง ฟังเพลงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แอบบอกว่าแบตเตอรี่มีความจุพอตัว เปิดใช้งานได้ 5 - 20 ชั่วโมง ที่สำคัญการชาร์จแบตเตอรี่ก็ใช้เวลาไม่มากด้วย อย่างต่ำก็ประมาณ 2 ชั่วโมง บางแบรนด์มีกระเป๋าใส่สำหรับพกพาสะดวกยิ่งขึ้น ไม่ต้องกลัวเลอะเปื้อน แบบนี้คงไม่มีใครลังเลอีกต่อไปแล้วจริง ๆ 
ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/TVA0109
 
 
#66


ด้วยคนยุคใหม่ต้องใช้เวลาอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊กเพื่อทำงานก็ดี หรือเล่นเกมก็ดี เก้าอี้นั่งจึงเป็นสิ่งสำคัญสุด ๆ เนื่องมาจากบ่งบอกได้ถึงความสบายตลอดเวลาที่ใช้งาน ไม่ต้องพบปัญหาสุขภาพ แต่สิ่งที่ทำให้เพื่อน ๆสงสัยคือปัจจุบันมีเก้าอี้เกมมิ่งเป็นอีกทางเลือกที่สามารถใช้นั่งทำงานได้ด้วย แท้จริงมันต่างกับเก้าอี้สำนักงานอย่างไร? ท่านไหนอยากทราบไปติดตามเลยดีกว่า
ความแตกต่างระหว่างเก้าอี้เกมมิ่ง VS เก้าอี้สำนักงาน
1. สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับเก้าอี้เกมเมอร์
- สำหรับเก้าอี้เล่นเกม หรือเก้าอี้เกมเมอร์ มีการดีไซน์มาเพื่อให้เหล่าเกมเมอร์ได้ใช้กันโดยเฉพาะ ลักษณะของเก้าอี้ที่แตกต่างออกไป
- มีฟังก์ชันให้เลือกหลายระดับ สามารถปรับให้เข้ากับผู้นั่งได้อย่างดีที่สุด
- ระหว่างนั่งใช้งานเก้าอี้เล่นเกม หรือนั่งทำงานก็ตามช่วยสร้างความสะดวกสบาย ไม่ทำให้เมื่อยล้า อึดอัดตัว
- ตัวเก้าอี้จะใช้เป็นหนัง PU ซึ่งเป็นวัสดุที่หนา แข็งแรง ทนทานกว่าเก้าอี้อื่น ๆ พร้อมป้องกันรอยเปื้อนต่าง ๆ ระหว่างใช้งาน
- ยิ่งไปกว่านี้หนัง PU ยังลดกลิ่นที่เกิดจากอาหาร หรือกลิ่นเหงื่อที่นั่งเป็นเวลานาน ที่สำคัญทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย
- พนักพิงสามารถปรับเอนในองศาที่เหมาะสมได้ตามต้องการ ทั้งนี้ บางรุ่นปรับได้ถึงขั้นนอนเล่นเลยทีเดียว
- หรือท่านไหนอยากจะปรับช่วงแขน - ขาก็สามารถทำได้เช่นกัน อย่างที่บอกสร้างความสะดวกสบายต่อการนั่งเวลานานอย่างมาก
2. สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับเก้าอี้สำนักงาน
- เป็นเก้าอี้ที่ออกแบบมาเพื่อให้นั่งทำงาน สร้างความสะดวกสบายต่อผู้นั่ง ให้การทำงานออกมาในทิศทางที่ดี
- ปกติแล้วบริเวณพนักพิงจะโค้งรับกับแผ่นหลัง ป้องกันปัญหาปวดหลัง
- บริเวณด้านบนพนักพิงจะเป็นมีฟองน้ำหนา หรือลักษณะคล้ายหมอนมาหนุนพอดีกับช่วงคอผู้ใช้งาน ลดอาการปวดคอ
- แต่บางรุ่นพนักพิงสั้น และช่วงฟองน้ำหนุนคอไม่มี ก็ทำให้อาการปวดกำเริบได้
- ส่วนมากดีไซน์มาให้สามารถเลื่อนเก้าอี้ไปไหนมาไหนด้วยล้อแบบสบาย ๆ พร้อมมีที่เท้าแขนให้ได้วางขณะพิมพ์งานได้ด้วย
- บางรุ่นสามารถปรับความสูงหรือต่ำของเก้าอี้ได้ ช่วยให้เข้ากับสรีระผู้ใช้งานมากขึ้น
จะเห็นได้ว่าทั้งเก้าอี้เกมมิ่ง และเก้าอี้สำนักงานมีความแตกต่างกันอยู่ ดังนั้น ท้ายที่สุดแล้วจึงต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ตอบสนองระหว่างใช้งาน โดยการเปรียบเทียบฟังก์ชันการใช้งานอย่างครบถ้วน ใครที่ใช้เวลานาน ๆ ในการนั่งจะมีความสุขอย่างสมบูรณ์มากที่สุด ไม่เกิดปัญหาออฟฟิศซินโดรม ไม่ปวดหลัง ปวดคอตามมา ซึ่งหากท่านใดอยากนำข้อมูลดี ๆ นี้ไปฝากคนอื่นสามารถเผยแพร่ได้ตามต้องการ เพื่อสุขภาพการนั่งที่ดีในอนาคต
สามารถดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/FUR1402

#67


เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อน ๆที่เป็นมือใหม่อาจยังไม่เข้าใจในเรื่องของการทำความสะอาดโดยเฉพาะคราบและกลิ่นบนชุดเครื่องนอน และหากคุณ ๆมีความต้องการศึกษาเกี่ยวกับวิธีจัดการทั้งคราบและกลิ่นอยู่แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นที่ไหน อย่างไร ไม่ต้องกดออกไปไหนอีกแล้ว เพราะว่าบทความนี้ได้รวบรวมมาบอกต่อ 6 วิธีด้วยกัน พร้อมแล้วตามมาให้ไว เพื่อการนอนหลับที่ราบรื่น
6 วิธีจัดการคราบ - กลิ่นไม่พึงประสงค์บนชุดเครื่องนอน
1. ใช้เครื่องดูดฝุ่นช่วย
สำหรับท่านไหนที่เป็นมือใหม่แล้วไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก แนะนำว่าให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นมาดูดเอาทั้งฝุ่น คราบสกปรกที่ไม่ได้ฝังลึก ไรฝุ่น ฯลฯ ให้หลุดออกจากชุดที่นอน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่มให้หมด อย่ามีหลงเหลือ ทั้งนี้ ควรนำผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนไปซักทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อความสะอาดที่ดีมากขึ้น
2. จัดการคราบเลือดด้วยสูตรผสม
สูตรผสมที่ว่าก็คือน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนโต๊ะ + ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ¼ ถ้วยตวง และเกลืออีก 1 ช้อนโต๊ะ ต่อไปก็ผสมให้เข้ากัน ใครที่ชุดผ้าปูที่นอนมีคราบเลือดให้นำไปถูคราบเลือดที่ติดอยู่ สุดท้ายใช้ผ้าขาวมาซับออก นอกจากนี้ควรผสมน้ำเย็นกับน้ำยาล้างจานแล้วคนให้เข้ากัน ใช้ฟองน้ำชุบแล้วซับคราบซ้ำ จากนั้นนำผ้าแห้งมาเช็ดออก เป็นอันเสร็จ
3. รอยด่างดำ - เชื้อรา ก็กำจัดได้
สำหรับท่านไหนที่สังเกตแล้วพบว่าชุดที่นอนมีรอยด่างดำ เชื้อรา ต้องยกไปตากแดด แล้วทำความสะอาดให้ทั่วด้วยเครื่องดูดฝุ่น ต่อจากนั้นผสมน้ำอุ่นกับแอลกอฮอล์ นำฟองน้ำไปชุบ แล้วมาซับลงบนที่นอนเน้นจุดที่เป็นรอยด่างดำ เชื้อราอีกครั้ง ช่วยจัดการได้อย่างดี
4. จัดการคราบเครื่องดื่มต่าง ๆ
เผื่อว่าบ้านไหนเอาเครื่องดื่ม ทั้งน้ำผลไม้ กาแฟ หรือนม ขึ้นไปดื่มแล้วเกิดทำหกชุดผ้าปูที่นอนกลายเป็นคราบ ไม่ต้องตกใจไป ทำความสะอาดโดยใช้สูตรน้ำส้มสายชู หรือมะนาวใส่ในขวดสเปรย์แล้วฉีดลงไปที่คราบนั้น ๆ หรือใครเลือกใช้ผ้าไปชุบแอลกอฮอล์มาซับโดยตรงก็ได้เช่นกัน แล้วนำไปซักอีกรอบ
ทั้งหมดนี้คือวิธีการจัดการทั้งคราบ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่มีอยู่บนชุดเครื่องนอน ไม่ว่าจะที่นอน ผ้าปู ปลอกหมอน หรือใด ๆ ก็ตาม ดังนี้ไม่เพียงนำวิธีทำความสะอาดมาบอกต่อเท่านั้น อาจเลือกปกป้องสิ่งสกปรกด้วยวิธีคลุมผ้าปูไวนิลไปก่อนแล้วจึงใส่ผ้าปูหรือปลอกหมอน ซึ่งผ้าปูไวนิลจะช่วยให้ที่นอน หรือหมอนไม่เจอสิ่งสกปรกอันเนื่องมาจากวัสดุทำมาจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์นั่นเอง
เข้าชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/BED0101
#68


หากท่านเป็นคนหนึ่งที่กำลังพบปัญหาพัดลมตั้งโต๊ะที่ใช้งานอยู่ดี ๆ กลับไม่หมุนขึ้นมาดื้อ ๆ แล้วตัดสินใจจะไปเลือกซื้อเครื่องใหม่ อยากให้ใจเย็นแล้วลองทำความเข้าใจบทความนี้ดู เนื่องจากมีวิธีการซ่อมเองง่าย ๆ ไม่ต้องง้อช่างมาบอกต่อ ยืนยันว่าไม่เปลืองเงินแพง ได้กลับมาใช้งานให้ความเย็นดังเดิม เพิ่มเติมคือลดความหงุดหงิดจากสภาพอากาศ
พัดลมตั้งโต๊ะไม่หมุนจัดการได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้
1. ให้ทำความสะอาดอย่างหมดจด
ความจริงแล้วการที่พัดลมเกิดปัญหาไม่หมุนมีปัจจัยมาจากสิ่งสกปรก ฝุ่น เส้นผม หรือเส้นขนสัตว์ไปสะสมแล้วติดพันจนมอเตอร์ไม่สามารถหมุนต่อไปได้ การทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะพัดลมตั้งพื้น หรือประเภทติดตั้งเพดาน โดยวิธีการทำความสะอาดแบบตั้งโต๊ะ ได้แก่ 
-    ให้เตรียมอุปกรณ์ช่วยอย่าง ผ้าแห้ง แปรงสีฟัน น้ำสะอาด และน้ำยาทำความสะอาด
-    เริ่มแกะอุปกรณ์ออกไปตามลำดับ ได้แก่ ตัวล็อกใบพัด แล้วค่อยหมุนเอาใบพัดออก หลังจากนั้นถอดตัวล็อกตะแกรง พร้อมถอดฝ้าตะแกรงหลังออก
-    ทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ถอดออกมา โดยใช้แปรงสีฟันขัดคราบสกปรก แล้วนำผ้าแห้งมาเช็ดจนกว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ จะแห้ง 
-    นำไปผึ่งแสงแดดต่อเพื่อป้องกันการชื้นจนเกิดสนิม แล้วทาน้ำมันหล่อลื่นให้เรียบร้อย (น้ำมันหล่อลื่น ได้แก่ น้ำมันหยอดจักร หรือน้ำมันเครื่องเก่า)
-    ประกอบอุปรกณ์ต่าง ๆ ตามลำดับ เช่น ตะแกรงด้านหลัง ตัวล็อกตะแกรง สวมใบพัด ล็อกใบพัด แล้วใส่ตะแกรงหน้า อย่าลืมล็อกทุกชิ้นส่วนของพัดลมให้แน่น
2. ต้องเปลี่ยน BUSH ที่เสื่อมสภาพ
อีกสิ่งที่สามารถซ่อมพัดลมเองได้ก็คือการเปลี่ยน BUSH ที่เสื่อมสภาพ เริ่มต้นให้เตรียมไขควงแฉก ตะกั่วบัดกลี คัตเตอร์หัวแร้ง แล้วเริ่มถอดอุปกรณ์ด้วยการไขนอตที่หลังพัดลม โดยตัว  BUSH จะคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ให้ปลอกสายไฟฟ้าแล้วทำการบัดกลี ซึ่งต้องระวังมากอย่าให้โดนส่วนอื่นของสายไฟ กรณีที่ไม่มีหัวแร้งสามารถใช้มือพันเองได้แต่ต้องแน่น ๆ แล้วพันด้วยเทปสายไฟ สุดท้ายใส่อุปกรณ์ทั้งหมดกลับเข้าที่ นำ BUSH ใส่ตรงจุดเดิมด้วย แล้วขันนอตจนแน่น กรณีที่มอเตอร์เสีย แนะนำว่าให้ดูดี ๆ ระหว่างค่าซ่อม กับซื้อตัวใหม่แบบไหนดีกว่า เพราะว่าราคามอเตอร์พัดลมตั้งพื้นอยู่ที่ 200 - 300 บาท 
ปกติแล้วปัจจัยที่ทำให้พัดลมตั้งโต๊ะไม่หมุนนอกจากสิ่งสกปรก ฝุ่น เส้นผม หรือเส้นขนสัตว์ติดอยู่ที่แกนหมุนใบพัด เรื่องของมอเตอร์ที่มีปัญหา ก็ยังมีเรื่องแกนหมุนเสื่อมสภาพด้วยเช่นกัน โดยบุชเป็นอุปกรณ์วงกลมครอบแกนหมุนใบพัดที่อยู่ด้านหน้ามอเตอร์ หากเสื่อมสภาพก็ต้องซื้อมาเปลี่ยนใหม่ หวังว่าใครที่มีปัญหานี้จะสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเองอย่างราบรื่น
สามารถรับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP0508
#69


ด้วยสภาพอากาศในเมืองไทยที่ร้อนจัดทำให้เกิดไอเท็มพัดลมน่าสนใจอย่างพัดลมไอเย็นขึ้น แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องทำความเข้าใจเหตุเพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทดังกล่าวไม่เหมือนพัดลมแบบไอน้ำที่หลาย ๆ คนกำลังเข้าใจอยู่ แล้วพัดลมแบบไอเย็นมีลักษณะอย่างไร จะดูแลรักษาความสะอาดยากหรือเปล่า? อยากทราบต้องไปหาคำตอบโดยด่วน 
ความแตกต่างของพัดลมไอเย็น VS พัดลมแบบไอน้ำ
ความแตกต่างที่ต้องรู้ คือ พัดลมแบบไอเย็นจะส่งความเย็นเป็นลมผ่านแผ่นทำความเย็นที่อยู่ภายในเครื่อง แต่ถ้าเป็นพัดลมไอน้ำระหว่างที่เปิดใช้งานจะมีละอองน้ำออกมาด้วย และเป่าให้ละอองกระจายไปทั่วด้วยลม จึงจัดได้ว่าพัดลมแบบไอเย็นเหมาะกับการใช้งานภายในห้องต่าง ๆ ที่ลมพัดผ่าน ถ่ายเทสะดวก ขณะที่พัดลมแบบไอน้ำจะเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่โล่งแจ้ง
หากอธิบายให้เข้าใจถึงหลักการทำงานของพัดลมแบบไอเย็นต้องบอกว่าเป็นการระเหยของน้ำผ่านแผงเปลี่ยนความร้อน หรือ Cooling Pad, Evaporation Pad แล้วถูกส่งขึ้นไปในระบบจ่ายน้ำให้ถูกปล่อยผ่านแผง จากลมที่ร้อนก็จะเย็นขึ้นและเป่าออกมา กรณีแลกเปลี่ยนความร้อนเป็นความเย็นไม่พอ สามารถนำ Cooling Pack ไปแช่เย็นแล้วเอามาใส่ในถังเก็บน้ำได้ ก็จะทำให้เย็นขึ้น อาทิ พัดลมไอเย็น hatari หรือแบรนด์อื่น ๆ ที่มี Cooling pack อย่างดีให้ใช้งาน
แล้วเราจะดูแลรักษาหลังใช้งานอย่างไร?
หลังจากรู้เรื่องความต่างของพัดลมแบบไอเย็น และพัดลมไอน้ำ ถึงเวลาต้องดูแลรักษากันหน่อย เริ่มต้นหลังจากเลิกใช้งานแล้วทุกครั้งให้กดปุ่มทำงานเครื่องแบบไม่ทำความเย็น เพื่อไล่ความชื้น ลดการเกิดเชื้อราบน Cooling Pad ออก นำน้ำที่เหลือไปเททิ้ง ต่อไปถอดแผ่นกรองออกมา ฉีดน้ำเบา ๆ ไล่ฝุ่น แล้วไปตากในที่อากาศถ่ายเท ลมพัดผ่าน (ห้ามตากแดดจัด) 
เสร็จแล้วก็เปิดแผ่นกรองออก นำแผงทำความเย็นมาล้างเปิดน้ำให้ไหลผ่านไล่ฝุ่น ไม่จำเป็นต้องผสมกับน้ำยาใด ๆ บางแบรนด์อาจมีแผงทำความเย็นมากกว่า 1 แผง เช่น พัดลมไอเย็น hatari ก็ถอดออกมาล้างให้หมด ส่วนถังเก็บน้ำยี่ห้อไหนถอดได้ก็ถอดออกมาล้าง แต่หากถอดไม่ได้ก็เปิดช่องระบาย ใช้ฟองน้ำชุบน้ำแล้วบิดให้แห้งหมาด ๆ มาเช็ดภายใน รวมถึงเช็ดใบพัดด้วย
หลังจากทุก ๆ อุปกรณ์ที่ถอดออกมาดูแลรักษาความสะอาดแห้งหมดแล้ว ให้ประกอบชิ้นส่วนพัดลมไอเย็นเข้าไปให้เหมือนเดิมตามลำดับ สิ่งสำคัญต้องระวังแผงควบคุมความเย็นด้วยเพราะทำจากกระดาษ เสียหายง่าย เท่านี้สิ่งสกปรกก็จางหาย ใช้งานได้ความเย็นเหมือนเดิม 
สามารถชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP0507
#70


หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ตั้งใจเก็บของต่าง ๆ ภายในบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วต้องการลังหรือกล่องพลาสติก แต่ไม่รู้จะเลือกซื้อจากที่ไหน ก็อยากแนะนำให้เลือกแหล่งขายชั้นนำที่เปิดให้บริการ เช่น โฮมโปร หรืออื่น ๆ แต่ถ้าท่านใดยังไม่เชื่อมั่นเราก็มี 5 เหตุผลที่ควรเลือกซื้อกล่องเก็บของมาบอกต่อ รับรองว่าหลังจากศึกษาจบต้องรีบไปซื้อทันทีแบบไม่มีลังเล
5 เหตุผลที่เราควรเลือกกล่องเก็บของกับแหล่งขายชั้นนำ
1. มีของให้เลือกหลายแบบ
แน่นอนว่าแหล่งขายชั้นนำย่อมมีสินค้า อย่างลังพลาสติกมาวางขายให้เราได้เลือกซื้อหลากหลาย ไม่ว่าจะขนาด การออกแบบ สีสัน ฯลฯ ซึ่งมักสอดคล้องกับลักษณะการใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ ดังเช่น อยากเก็บเสื้อผ้าก็มีเป็นตระกร้าลัง หรืออยากเก็บของจุกจิกก็มีกล่องอเนกประสงค์ให้ อยากได้ที่หิ้วด้วย อยากได้สีมองเห็นของ สีทึบใด ๆ ก็มี เรียกได้ว่าไปซื้อแบบไม่เสียเปล่าแน่นอน
2. มีพนักงานคอยให้บริการ
การบริการถือเป็นสิ่งสำคัญที่แหล่งขายชั้นนำอยากมอบให้กับลูกค้า ซึ่งหากเลือกซื้อสินค้า อย่างลังเก็บของแล้วเกิดมีความสงสัยเรื่องต่าง ๆ อาทิเช่น ขนาด ความหนาบาง หรือใครเดินหาไม่เจอพนักงานก็จะช่วยบอก ช่วยบริการให้ หรือเราลังเลไม่รู้ว่าเลือกชนิดไหน พนักงานก็จะแนะนำชิ้นที่เหมาะสมที่สุด
3. คุณภาพสินค้าได้มาตรฐาน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสินค้าที่ได้จากแหล่งขายชั้นนำย่อมมีมาตรฐาน ไม่มีชำรุด ไม่เสียหายได้ง่าย ๆ เหตุเพราะทุกชิ้นได้เข้าเกณฑ์การตรวจสอบทุกด้านมาเรียบร้อยพร้อมวางจำหน่ายให้ซื้อใช้งาน หรือหากมีปัญหาจริง ๆ สามารถเคลมสินค้าเป็นชิ้นใหม่ได้ แต่ทั้งนี้ ต้องอยู่ในระยะเวลาหลังซื้อและเงื่อนไข
4. ราคาเหมาะสม
ราคาของสินค้า อย่างลังเก็บของเป็นไปอย่างเหมาะสม ตามราคากลางทั่วไป ไม่แพงมากเกิน ไม่ถูกโอเวอร์ เพราะบางครั้งหลายร้านตั้งราคาไว้สูงมากแต่คุณภาพสินค้าเทียบเท่ากับอีกสินค้าที่ราคาถูกกว่า หรือบางร้านตั้งราคาต่ำมาก คุณภาพก็มักจะต่ำตามไปด้วย ก็เพราะว่าเกี่ยวข้องกับวัสดุที่ใช้ทำ เป็นต้น 
5. มีบริการทางออนไลน์
สุดท้ายปัจจุบันแหล่งขายชั้นนำมักมีช่องทางออนไลน์ให้เป็นอีกทางเลือกในการซื้อสินค้า อย่างกล่องอเนกประสงค์ หรือกล่องลังต่าง ๆ โดยที่ระบุราคา รายละเอียดสินค้าให้ครบถ้วน สามารถเปรียบเทียบตามความเหมาะสมได้ เมื่อพอใจก็กดสั่ง จ่ายเงิน แล้วรอรับสินค้าหน้าบ้านเลย ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปด้วยตนเอง
เมื่อเห็นความน่าสนใจของการเลือกซื้อเลือกหากล่องเก็บของกับแหล่งขายชั้นนำแบบนี้แล้ว คงรีบอยากไปซื้อกันแน่ใช่ไหมล่ะ เอาเป็นว่าใครตัดสินใจได้แล้วก็อย่ารอช้ารีบเดินทางไปซื้อ หรือจะสั่งผ่านออนไลน์ก็เข้าไปที่เว็บไซต์หลักของแหล่งขายชั้นนำนั้น ๆ ได้ทันที
ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP1206
#71

คงเป็นเรื่องแอบกังวลของคนชอบดื่มกาแฟไม่น้อย กับการเลือกซื้อแคปซูลกาแฟโดยเฉพาะในช่วงโควิด - 19 ที่ทุกคนไม่อยากออกจากบ้านไปไหน จึงเลือกสั่งผ่านระบบออนไลน์แทน กระนั้นก็อาจมีความเสี่ยงได้รับสินค้าที่ไม่น่าพึงพอใจได้ แล้วจะเลือกซื้อผ่านระบบออนไลน์อย่างไรให้ปลอดภัย ไร้กังวล? มีวิธีดี ๆ มาฝากกันแล้ว เอาไปใช้ตามสะดวก ได้ของดีแน่นอน
วิธีเลือกซื้อแคปซูลกาแฟผ่านร้านค้าออนไลน์ได้ปลอดภัย ไร้กังวล
1. เลือกร้านที่ดูมีความน่าเชื่อถือ ไว้ใจได้
เริ่มต้นเลยคือควรเลือกร้านที่ดูแล้วมีความน่าเชื่อถือ สถานที่ตั้งร้านค้าสามารถหาได้อย่างง่ายดาย มีระบุที่อยู่ชัดเจน โดยที่สินค้าควรมีฉลากความปลอดภัยที่รับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสามารถค้นหาเลขทะเบียนได้ด้วยเช่นกัน
2. บอกรายละเอียดสินค้าได้ชัดเจน
ร้านขายกาแฟแคปซูลที่ดีต้องระบุรายละเอียดต่าง ๆ ของสิ่งที่ขายอยู่ได้อย่างชัดเจน ถูกต้อง อาทิเช่น กาแฟแคปซูล nespresso ราคา ... บาท ปริมาณ ... กรัม รสชาติ ส่วนผสม ที่มาที่ไป ฯลฯ ช่วยให้เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกได้เป็นอย่างดี หรือคนขายเองเมื่อสงสัยสามารถตอบเราได้อย่างกระจ่าง ทำให้รู้สึกว่ามีความเข้าใจแท้จริง
3. ราคาควรเหมาะสม
"อย่าเห็นแก่ของถูก" คำพูดที่มักจะพูดเตือนหลายท่านอย่างนี้อยู่เสมอ เนื่องจากบางครั้งราคาถูก ๆก็อาจได้คุณภาพต่ำมาแทน กลับกันราคาที่สูงเกินไป จริง ๆ คุณภาพอาจเทียบเท่าราคาถูกกว่าของแบรนด์อื่นได้เหมือนกัน ได้แก่ กาแฟแคปซูล nespresso ร้าน A ราคา 249 บาท แต่คุณภาพเท่ากาแฟแคปซูลร้าน B ที่ราคาเพียง 199 บาท เป็นต้น ดังนั้น เราจึงควรหารายละเอียดเยอะ ๆ แล้วเลือกราคาที่เหมาะสม ไม่สูงหรือต่ำเกินไป
4. ส่งสินค้าได้ตรงเวลา
เราต้องศึกษาเรื่องการส่งสินค้าของทุก ๆ ร้านที่ขายกาแฟแคปซูลด้วย โดยให้อ่านรายละเอียดการจัดส่งสินค้า ส่งเมื่อไหร่ วันไหน ช่วงเวลาประมาณกี่โมง แล้วลองดูรีวิวจากผู้เคยใช้งานก็ได้ว่าสินค้าถูกส่งตรงตามเวลาที่กำหนดไว้หรือไม่ สินค้าภายในเป็นอย่างไร การห่อพัสดุ สินค้าตรงปกหรือไม่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นมากขึ้น
5. การดูแลหลังการขาย
บางครั้งหลาย ๆ ร้านก็มีบริการดูแลหลังการขายให้ด้วย หลังจากได้รับสินค้าแล้วใช้งานร่วมกับเครื่องชงกาแฟเป็นอย่างไร ก็จะมีทักมาสอบถาม นับว่าเป็นการใส่ใจผู้บริโภค และหากเกิดมีปัญหาจริง ๆ ก็บอกเพื่อรับการแก้ไขทันเวลา ดังนั้นจึงควรดูแต่ละร้านให้ดี
ยุคปัจจุบันมีตัวช่วยให้การทำกาแฟที่ง่าย ใช้เวลาน้อย อย่างเครื่องทำกาแฟ ซึ่งมีความสำคัญในชีวิตประจำวันของใครหลายคน เพื่อให้กระปรี้กระเปร่า ทำงานต่อได้อย่างสดชื่นแจ่มใส โดยแคปซูลกาแฟเป็นปัจจัยสำคัญ มีรสชาติ ปริมาณก็แตกต่างกันออกไป แต่การจะได้สิ่งที่ดีที่สุดก็ต้องเลือกอย่างรอบคอบ เพื่อความปลอดภัย หวังว่าคำแนะนำข้างต้นจะช่วยได้ 
เข้าชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP080202
 
 
#72

หลายท่านที่กำลังจะซื้อตู้เย็น คงสงสัยว่าตู้เย็น 2 ประตูยี่ห้อไหนดี? ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด แต่ก่อนจะไปศึกษาเรื่องนี้ ควรทราบถึงสิ่งที่ต้องพิจารณารอบด้านเพื่อให้ได้สิ่งที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ๆ แล้วจึงค่อยไปเลือกยี่ห้อ เป็นการเพิ่มความแน่ใจและการันตีความคุ้มค่าในการลงทุนของทุกคน ลองใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นตัวเปรียบเทียบได้เลย
สิ่งที่ต้องพิจารณา เรื่องต้องรู้ก่อนเลือกซื้อเลือกหาตู้เย็นมาใช้งาน
1. คุณสมบัติพื้นฐานของตู้เย็นที่มีให้
ก่อนซื้อตู้เย็น 2 ประตูยี่ห้อไหนดี? ขอเริ่มต้นถึงสิ่งที่ต้องพิจารณานั่นคือการดีไซน์ คุณสมบัติต่าง ๆ ที่ตู้เย็นมีให้ใช้งานก่อน ได้แก่
-    ช่องใส่ผักและผลไม้ ที่ตู้เย็น 2 ประตูควรมีความเย็นหมาะสม เพื่อผักหรือผลไม้ที่ใส่ไปจะได้รับความเย็นอย่างสม่ำเสมอ เต็มที่ คงความสดได้นาน
-    ชั้นวางควรต้องถอดเข้า - ออกได้อย่างไหลลื่น เพื่อให้เราสามารถปรับขนาดช่องแช่ รวมทั้งทำความสะอาดได้เป็นอย่างดี
-    นอกจากชั้นวางปกติแล้ว ก็ควรพิจารณาถึงชั้นวางข้างประตูด้วย ต้องมีขนาดกว้างเหมาะสม แช่ทั้งขวดน้ำ ขวดนม หรือกระป๋อง ฯลฯ ได้อย่างดี
-    ลิ้นชักช่องแช่ควรต้องชั้นแยกภายใน ช่วยให้อุณหภูมิปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมกับอาหาร หรือเครื่องดื่มที่เราแช่
2. ฟีเจอร์เสริมต่าง ๆ ที่มี
เรื่องของฟีเจอร์เสริมต่าง ๆ ก็สำคัญ เป็นคุณสมบัติเพิ่มเติมในการใช้งาน แต่ละยี่ห้อก็จะแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ ราคา ตู้เย็น 2 ประตูจะขึ้นอยู่กับฟีเจอร์เสริมด้วย ได้แก่ 
-    ระบบกรองอากาศ จะมีช่องให้กรองอาการเป็นพิษที่เพิ่มกลิ่นอับในตู้เย็นอย่างคาร์บอน
-    ระบบทำความเย็นแบบคู่ ที่ช่องแช่ของตู้เย็น 2 ประตูจะสามารถกระจายลมเย็นออกมาจากช่องแช่ธรรมดาได้ อุณหภูมิช่องแช่ต่าง ๆ ก็จะมีประสิทธิภาพ
-    แผงควบคุมการทำงาน สามารถตั้งค่าอุณหภูมิได้ รวมไปถึงระดับน้ำต่าง ๆ ล็อกความเย็น หรือเช็กตัวกรอง เป็นต้น
-    ระบบประหยัดไฟฟ้า ที่จะช่วยงดใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น ทำให้ค่าไฟในแต่ละเดือนลดลง 
3. ขนาดความจุที่เหมาะกับสมาชิกในครอบครัว
ทั่วๆ ไปหน่วยของตู้เย็นคือลูกบาศก์ฟุต หรือคิว ซึ่งแต่ละครอบครัวควรเลือกดังนี้ กรณีมีสมาชิก 2 คน ให้เลือกอย่างต่ำสุด 3 คิวขึ้นไป หากมีสมาชิก 3 - 4 คนให้เลือกที่เหมาะสมเป็น 7-12 คิว ส่วนครอบครัวใหญ่ที่สมาชิกมากกว่า 5 คน ให้เลือกเหมาะสมเป็น 15 คิวขึ้นไป แน่นอนว่าราคา ตู้เย็น 2 ประตูก็จะสูงตามความจุ
และทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนรู้ตู้เย็น 2 ประตูยี่ห้อไหนดี เพื่อให้เราเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องการ รู้ถึงความเหมาะสม และสามารถเลือกแบรนด์ที่ตอบโจทย์ได้ที่สุด ใช้งานมีประสิทธิภาพ สบายใจไร้กังวล อยากแช่สิ่งของชนิดไหนจัดไปเลย
เลือกซื้อเลือกหา ตู้เย็น 2 ประตู หลากหลายแบรนด์ ได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP0905
#73


การซักผ้าคือสิ่งที่ต้องทำเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว แน่นอนว่าใครที่ไม่อยากเสียเวลา หรือเปลืองแรงแขนก็อยากเลือกใช้เครื่องซักผ้าโดยเฉพาะเครื่องซักผ้า 2 ถัง แต่กระนั้นจะรีบตกลงใจเลือกซื้อเลือกหาเลยเห็นทีคงไม่ดีแน่ ด้วยเหตุว่ามีโอกาสเสี่ยงใช้งานสินค้าไม่ตอบโจทย์ เพราะฉะนั้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
4 สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกซื้อเลือกหาเครื่องซักผ้า 2 ถัง
1. ความจำเป็นในการใช้งาน
แน่นอนว่าราคาเครื่องซักผ้า 2 ถังเป็นอีกประเภทที่ได้รับความนิยม สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือความจำเป็นในการใช้งาน ว่าในทุกวัน ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือนซักผ้ากันกี่ครั้ง ซักบ่อยหรือเปล่า หรือท่านไหนที่ต้องการประหยัดเวลา ต้องการเอาเวลาไปทำอย่างอื่นพร้อมกับการซักผ้าด้วย ไม่อยากออกแรงแขนมาก แบบนี้คือมีความจำเป็นต้องใช้งานจริง ๆ
2. เปรียบเทียบแบรนด์หาความคุ้มค่าที่สุด
ปัจจุบันเครื่องซักผ้าประเภท 2 ถังมีหลากหลายแบรนด์ดีไซน์มาให้ใช้งาน ที่สำคัญมีฟังก์ชันการทำงานที่แตกต่างกันออกไป จึงควรเรียนรู้ข้อมูลต่าง ๆ ของแต่ละเครื่อง เพื่อเทียบเคียงหาความคุ้มค่าที่สุดให้กับตนเอง ดูว่าแบบไหนที่จะตอบโจทย์มากที่สุด หมดห่วงความสงสัยเครื่องซักผ้า 2 ถัง ยี่ห้อไหนดีไปได้
3. ศึกษาฟังก์ชันการใช้งาน
อย่างที่บอกว่าหลายแบรนด์ผลิตออกมาและมีฟังก์ชันการใช้งานที่เยอะ จนหลาย ๆ ท่านอาจเกิดอาการสงสัยเครื่องซักผ้า 2 ถัง ยี่ห้อไหนดี แต่จริง ๆ เราควรทำความเข้าใจเรื่องฟังก์ชันเป็นสำคัญด้วย เพื่อดูว่าฟังก์ชันไหนทำงานอย่างไร สร้างความเข้าใจในการใช้งานแต่เนิ่น ๆ ทั้งนี้จะไปสอดคล้องกับเรื่องของความจำเป็นในการใช้งาน ก็เพราะว่าหากไม่จำเป็นซื้อมาก็เปล่าประโยชน์ แถมราคาอาจสูงกว่าอุปกรณ์อื่นที่ตอบโจทย์กว่าก็ได้
4. หากจะสั่งซื้อออนไลน์ต้องเลือกแหล่งที่ไว้ใจได้
ในการเลือกซื้อสินค้าปัจจุบันเราสามารถกดสั่งผ่านออนไลน์ได้ ซึ่งมีหลายแหล่งให้เลือกอีกเช่นกัน จึงอยากบอกว่าให้เลือกดูแหล่งที่น่าเชื่อถือไว้ใจได้จะดีกว่า อาจดูจากระยะเวลาการขายสินค้าผ่านออนไลน์ การลงรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งฟังก์ชัน ขนาด ความจุถัง ราคาเครื่องซักผ้า 2 ถัง หรือจะเป็นรีวิวจากลูกค้าคนก่อน ๆ ที่ซื้อสินค้าจากร้านไป แล้วมารีวิวว่าได้รับสินค้ารวดเร็วแค่ไหน เพื่อให้การกดสั่งเป็นไปอย่างสบายใจ ราบรื่น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนตกลงใจเลือกซื้อเลือกหาเครื่องซักผ้า 2 ถังมาใช้งาน สร้างความเหมาะสม ตอบโจทย์ต่อตนเอง และหากท่านใดมีความต้องการอยากส่งต่อข้อมูลดี ๆ เหล่านี้ก็สามารถทำได้ทันที เรายินดีเป็นอย่างมาก เพื่อเสื้อผ้าที่สะอาด ประหยัดเวลาตนเอง
เข้าชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP130304
#74

มีบ่อยครั้งเวลาใช้งานเครื่องซักผ้าโดยเฉพาะชนิดฝาหน้ามักมองข้ามการล้างทำความสะอาด ทั้งที่จริงแล้วถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อช่วยให้เครื่องคงทน ไม่ต้องซื้อเปลี่ยนบ่อย คำถามคือจะล้างอย่างไร? นี่คงเป็นเรื่องที่หลายคนต้องการคำตอบ จึงขอรวบรวมรายละเอียดการล้างเครื่องซักผ้าฝาหน้ามาให้อย่างพร้อมมูล
เผยวิธีล้างเครื่องซักผ้าฝาหน้า เรื่องง่าย ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม
ในการทำความสะอาดเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าจะแบ่งการล้างออกเป็น 2 กรณี คือล้างส่วนที่เป็นขอบยาง และล้างส่วนถังซักผ้า โดยสามารถทำได้ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น ไม่ว่าจะ เครื่องซักผ้าฝาหน้า Electrolux หรือเครื่องซักผ้าฝาหน้า lg มีวิธีการล้าง ดังนี้
1. วิธีล้างส่วนที่เป็นขอบยาง
-    สำหรับการล้างส่วนที่เป็นขอบยางให้เริ่มต้นเปิดฝาเครื่องออกมากว้าง ๆ จากนั้นง้างขอบยางรอบ ๆ ออกมา (ซึ่งต้องบอกว่าขอบยางนี้จะยึดกับเครื่อง ไม่สามารถถอดออกมาได้ แต่สามารถง้างกว้าง ๆ ได้) ทั้งนี้ ควรเก็บขยะที่กรอกเอาไว้ในช่องมุมซ้ายของเครื่องออกเดือนละ 1 ครั้งด้วย ไม่ทำให้มีเศษผ้าหรือก้อนผงซักฟอก ก้อนน้ำยาซักผ้าหลงเหลือตกค้าง
-    เก็บสิ่งสกปรกออก ไม่ให้หลงเหลือใด ๆ ซึ่งสิ่งที่อยากแนะนำ คือบรรดาของมีคมเป็นอันตรายต่อขอบยางเวลาซักหมุน จึงควรเช็คตามเสื้อผ้าให้ดี ไม่ให้มีสิ่งแปลกปลอมนี้ติดอยู่ เช่น ตะปู กิ๊บติดผม คลิปหนีบกระดาษ เหรียญ ฯลฯ
-    ล้างทำความสะอาดอย่างหมดจด ด้วยการเช็ดที่ขอบยาง อาจเป็นเส้นผม หรือขนสัตว์ที่เลี้ยง เก็บอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 - 2 ครั้ง
-    อย่าลืมจัดการเชื้อราที่เห็นเป็นจุดดำ ๆ ด้วยการฉีดพ่นขอบยางด้วยน้ำอุ่นที่ผสมน้ำยากำจัดเชื้อโรคโดนเฉพาะ หรือน้ำยาล้างจาน แล้วเช็ดทำความสะอาด
2. วิธีทำความสะอาดถัง
ไม่ว่าจะเครื่องซักผ้าฝาหน้า Electrolux หรือเครื่องซักผ้าฝาหน้า lg สามารถล้างได้โดยการโรยเบคกิ้งโซดา 1/3 ถ้วยตวงลงด้านในของถัง หรือใช้น้ำยาฟอกขาว 2 ถ้วยตวงเทใส่ในช่องจ่ายน้ำยา แล้วเปิดเครื่อง wash และ rinse cycle จนจบ ไม่ต้องใส่อะไรอีกแต่ให้เปิด rinse ทิ้งไว้ ที่สำคัญคือการลางถาดใส่น้ำยา ให้ดึงออกมาแล้วนำไปแช่น้ำอุ่น ต่อไปใช้น้ำยาทำความสะอาดฉีดพ่น เช็ดให้สะอาดแล้วสอดกลับที่เดิม และห้ามลืมเช็ดเครื่องซักผ้าด้านนอก ขจัดฝุ่นผ้า ขี้ผง หรือขน / เส้นผมที่เกาะด้วย
จะเห็นได้ว่าวิธีการล้างเครื่องซักผ้าฝาหน้ามีด้วยกันหลายวิธี และต้องใส่ใจล้างให้ครอบคลุมทั้งตัวขอบยางและตัวถังเครื่อง ซึ่งหลังจากนี้เชื่อว่าหลายท่านจะทำได้อย่างดีเยี่ยม หมั่นทำเป็นประจำ ช่วยให้เสื้อผ้าสะอาด ยืดอายุการใช้งานไปในตัว
เข้าดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP130301
 
#75

ปัจจุบันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสถานการณ์โควิด - 19 ค่อนข้างทวีความรุนแรง และยังคงต้องป้องกันตัวให้ห่างไกลจากการติดเชื้อ ซึ่งหลาย ๆ คนอาจมีความคิดอยากทำน้ำยาทำความสะอาดที่บ้านแต่ก็ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไร สูตรไหน ยากหรือเปล่า เอาเป็นว่าจะไม่ลังเลอีกต่อไป ด้วยเหตุว่าเราได้ไปรวบรวมมาให้ถึง 4 สูตรด้วยกัน แจกให้ไปปรับใช้ตามต้องการ จัดการโควิด - 19 ราบคาบ
1. ทำสเปรย์ฆ่าเชื้อด้วยไฮเตอร์
เริ่มต้นเลยคือการเลือกใช้ไฮเตอร์ ซึ่งมี Sodium Hypochlorite เป็นส่วนผสม ให้ความเข้มข้นที่ 0.01% ทดสอบแล้วว่าสามารถฆ่าเชื้อโควิด - 19 ได้ภายใน 1 นาที โดยวิธีการให้เตรียมน้ำเปล่ามา 99 มิลลิลิตร จากนั้นก็ผสมด้วยไฮเตอร์ปริมาณ 1 มิลลิลิตร เขย่าให้เข้ากัน แต่กระนั้นไฮเตอร์มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง บริเวณเยื่อบุ และผิวหนังอาจเป็นอันตรายได้ แนะนำให้ใช้กับสิ่งของต่าง ๆ อย่าฉีดโดนผิวโดยตรง
2. ทำสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคด้วยเดทตอล
ต่อมาที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเดทตอล จัดเป็นส่วนผสมที่หาซื้อง่าย และสามารถใช้กับร่างกายได้ไม่เป็นอันตราย (เลือกแบบ Antiseptic-Disinfectant) ซึ่งจะมีส่วนของที่ชื่อ Chloroxylenol ให้ความเข้มข้น 0.12% ทดสอบแล้วว่าสามารถฆ่าเชื้อโควิด - 19 ได้ภายใน 1 นาที วิธีการทำไม่ยุ่งยาก ให้เตรียมน้ำเปล่าสะอาดมา 37 มล. แล้วใส่ส่วนผสมลงไป 3 มิลลิลิตร สุดท้ายก็เขย่าให้เท่ากัน แค่นี้ก็ได้น้ำยาฆ่าเชื้อที่ยังคงมีความเข้มข้น 0.12% เท่าเดิมแล้ว
3. ทำสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
ตบท้ายที่ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ สารนี้มีความเข้มข้นที่ 0.5% ฆ่าเชื้อโควิด - 19 ได้ภายใน 1 นาที วิธีการให้นำน้ำเปล่าสะอาดปริมาณ 82 มิลลิลิตร ผสมกับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่เข้มข้น 3% ใส่ลงไปปริมาณ 18 มล. แล้วค่อย ๆ เขย่าผสมให้เข้ากัน เท่านี้ก็จะได้น้ำยาช่วยฆ่าเชื้อโควิด - 19 ปริมาณ 100 มิลลิลิตร
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าเดทตอลจริง ๆ แล้วยังมีแบบ Hygiene Multi-Use Disinfectant อยู่ด้วย แต่จะไม่สามารถใช้ร่วมกับผิวหนัง เยื่อบุต่าง ๆ ได้ เหมาะกับการนำมาใช้เช็ดถูภายในบ้าน แช่สิ่งของฆ่าเชื้อโรค และแบคทีเรียอย่าง กรรไกร หวี ฯลฯ วิธีง่าย ๆ ให้ใช้ปริมาณผลิตภัณฑ์ 4.5 ฝา ผสมกับน้ำเปล่าสะอาด 2 มล. ก็สามารถเรียบร้อยแล้ว
ด้วยแต่ละสูตรมักมีความเข้มข้นของสารผสมอยู่สูง จึงควรต้องนำมาเจือจางน้ำเปล่าสะอาดตามสูตรที่บอกไป เพื่อให้ได้น้ำยาทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพ และไม่เป็นอันตรายต่อตัวผู้ใช้งานเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนผสม Dettol ที่ต้องสังเกตให้ดี เหตุเพราะหากใช้ผิดอาจเกิดอันตรายต่อผิวหนังอย่างไม่รู้ตัว จึงอย่าใช้สลับกันเด็ดขาด ที่สำคัญก่อนใช้ทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อควรอ่านฉลากคำแนะนำ และใช้ปริมาณเหมาะสมอย่างเคร่งครัด 
ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0609
 
 
#76


ในช่วงที่หลาย ๆ คนต้องทำงานที่บ้าน หรือ Work from home แบบนี้ต้องมีบ้างที่รู้สึกว่าโต๊ะทำงานดูรก ไม่เรียบร้อย รวมถึงโต๊ะต่าง ๆ ทั้งที่อยู่ในบ้านไม่ว่าจะเป็นโต๊ะวางคอม ใช้อ่านหนังสือ ฯลฯ เพื่อให้การใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ลองจัดวางสิ่งของตามทริคต่อไปนี้ดูไหม รับรองหาของได้ไม่หลงลืม จัดเก็บเป็นระเบียบ ใครเข้ามาเห็นก็ต้องชื่นชม
สัดส่วนของโต๊ะใช้ทำงานที่ควรรู้
ก่อนที่จะไปเรียนรู้ถึงทริคการจัดวางสิ่งของบนโต๊ะที่ไว้ทำงาน หรือโต๊ะคอม โต๊ะอ่านหนังสือ ขออธิบายถึงสัดส่วนที่ควรเป็นก่อน ซึ่งความลึกและความกว้างควรพิจารณาจากพื้นที่ทำงานใกล้ตัวอย่างเหมาะสม สามารถวาดมือบนโต๊ะได้โดยที่ศอกชิดลำตัวลักษณะครึ่งวงกลม ศอกถึงข้อนิ้วหยิบของได้ควรยาวออกไป 35 - 45 เซ็นติเมตร สามารถเปลี่ยนเหยียดแขนได้ ความยาวโต๊ะควร 160 ซม. (ครึ่งวงกลม) ทั้งนี้ สามารถออกแบบโต๊ะที่อยู่ในรูป L ได้ ช่วยให้หมุนเก้าอี้ง่าย หยิบของได้สะดวก
หาของไม่เจอ หลงลืมไม่รู้อยู่ตรงไหน ลองจัดโต๊ะทำงานตามนี้ช่วยได้
1. ของมีน้ำหนักแล้วไม่ได้หยิบใช้บ่อย
สำหรับสิ่งของที่มีน้ำหนักแล้วไม่ได้จำเป็นต้องใช้งานบ่อย ๆ ด้วยเอาไปวางไกลตัวผู้ใช้งาน อย่างขอบโต๊ะทางด้านขวาหรือซ้ายไม่ต้องลุกหยิบบ่อย ๆ  แต่ถ้าอยากใช้ก็เลื่อนเก้าอี้ไปใกล้ ๆ ได้ อย่าวางลึกเข้าไปเนื่องจากการเอื้อมทำให้ไหล่ใช้งานหนัก เสี่ยงเกิดแรงกดหมอนรองกระดูกสันหลัง เช่น โต๊ะคอมพิวเตอร์ที่อาจมีหนังสือหลาย ๆ เล่มไม่ได้ใช้บ่อย
2. ใช้งานบ่อยควรจะวางเอาไว้ใกล้ตัว
เป็นเทคนิคง่าย ๆ ที่หลายคนคงรู้กันในระดับหนึ่ง เมื่อของที่เราใช้งานบ่อย ๆ ก็ควรวางให้อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด เช่น โต๊ะคอมพิวเตอร์ใช้แป้นพิมพ์ ใช้เมาส์ประจำ ก็ควรวางไว้กลางโต๊ะ ใกล้ขอบโต๊ะ หรือโต๊ะอ่านหนังสือที่มีหนังสือเล่มโปรดก็ควรวางใกล้ ๆ ด้านซ้ายหรือขวา เป็นต้น
3. น้ำหนักเบาใช้งานบ่อยแต่ยังไม่มาก
แอบสงสัยกันใช่ไหมว่าสิ่งของน้ำหนักเบาใช้งานไม่ได้บ่อยมากคืออะไร อย่างเช่น ปากกา กรรไกร สก็อตเทป ฯลฯ แนะนำว่าให้วางในพื้นที่ครึ่งวงกลม กล่าวคือสามารถเอื้อมหยิบได้โดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อหมอนรองกระดูก
4. วางให้เหมาะกับลำดับการใช้งาน
ตบท้ายคือการวางให้เหมาะกับลำดับการใช้งานอย่าง โต๊ะคอมถ้าต้องมีการอ่านแล้วพิมพ์งานไปด้วยให้วางแผ่นงานทางด้านซ้าย แล้วใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊กกลางโต๊ะ ช่วยให้การทำงานสะดวก ง่ายดายมากยิ่งขึ้น 
ต่อจากนี้ไปโต๊ะทำงาน รวมไปถึงโต๊ะวางคอมพิวเตอร์ วางหนังสือของท่านจะจัดวางสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถเอื้อมจับ หยิบใช้สิ่งของได้ง่ายดาย ท่านใดยังไม่ได้จัดลักษณะที่แนะนำรีบไปปรับเปลี่ยนกันเลย ไม่หวงสูตร
ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/FUR1005
 
#77


คงเป็นเรื่องปกติของคนมีเอกสารเยอะ หรือสำนักงานที่ต้องจัดเก็บเอกสารหลายอย่างจะต้องมีตู้เอกสารไว้ใช้งาน แต่ถึงอย่างไรก็คงมีความสงสัยกันพอควรว่าจริงๆอุปกรณ์ชนิดนี้มีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีข้อดี-ข้อเสียประการใด? บทความนี้จึงขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักพร้อมกัน เพื่อการเลือกใช้งานที่เหมาะสมคุ้มค่า ตอบโจทย์ต่อตนเอง
ประเภทและข้อดี - ข้อเสียของตู้เอกสาร 
ตู้เก็บเอกสารมีให้เลือกเป็นแบบแนวตั้ง และแนวนอน ขนาด การดีไซน์เป็นไปตามรูปแบบทั่วไปหรือจะให้ดีไซน์เฉพาะตัวก็ไม่มีปัญหา สามารถเก็บได้ทั้งจดหมาย เอกสาร A4 หรืออื่น ๆ มีด้วยกัน 4 ประเภท ดังนี้
1. ตู้เก็บเอกสารแบบลูกรอก
หลายคนอาจเพิ่งเคยได้ยินกับชื่อประเภทของตู้ช่วยเก็บเอกสารนี้ มีลักษณะเป็นการใช้ระบบกลไกอย่างลูกรอกในการช่วยเก็บ ประหยัดพื้นที่ใช้สอย เก็บเอกสารได้เยอะ กรณีต้องการหยิบมาใช้งานก็หมุนลูกรอกให้เลื่อนลงมาหรือแยกออกจนเกิดช่องว่าง เป็นต้น แต่หากลูกรอกชำรุด เสียหาย ก็ต้องเสียเงินเปลี่ยนที่มีราคาสูง และใช้เวลาซ่อมนาน 
2. ตู้เก็บแบบชั้นวางอิสระ
เป็นอีกจำพวกที่หลายแห่งเลือกใช้ ลักษณะของชั้นวางแต่ตู้มีประตูกระจกปิดได้ มีชั้นวางเรียงต่อหรือซ้อนกันขึ้นไป ไม่มีอะไรมาบัง สามารถเปิดประตูชั้นแล้วหยิบเอกสารออกมาได้เลย ราคาประหยัด และสามารถขยายเพิ่มได้ แต่กระนั้นไม่แนะนำให้เก็บเอกสารสำคัญ เนื่องมาจากสามารถมองเห็นรายละเอียดได้หมด แถมใครเกิดซุ่มซ่ามชนกระจกแตกบาดเจ็บอีก
3. ตู้เอกสารเหล็ก
เป็นประเภทตู้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากกับตู้เอกสารเหล็ก มีให้เลือกทั้งแบบแนวตั้งขนาดสูงใหญ่ มีประตูปิดมิชิด และแบบแนวนอนเป็นประตูเลื่อนเปิด - ปิด มีความทนทาน แข็งแรง เสียหายได้ยากที่สุด แต่หลาย ๆ คนอาจเกิดปัญหาตู้ขึ้นสนิมได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ไปนาน ๆ ผ่านการตากแดด ตากลม หรือฝนสาดเข้ามาบ่อย ทั้งยังมีน้ำหนักมาก เคลื่อนย้ายลำบาก
4. ตู้ช่วยเก็บเอกสารแบบไม้
ปิดท้ายกันที่ตู้เก็บเอกสารแบบไม้ที่มีดีไซน์ให้เลือกทันสมัย เนื้อไม้มีหลายประเภท ไม่ว่าจะไม้เนื้อแข็ง หรือไม้เนื้ออ่อน มีความสวยงามโดยเฉพาะลายไม้ที่คาดไม่ถึง เหมาะสมกับคนไม่ได้เก็บเอกสารเยอะ เน้นสวยงาม ซึ่งราคาก็จะสูง และมีอายุการใช้งานน้อยกว่าแบบเหล็กเพราะว่าเมื่อถูกความชื้นเนื้อไม้เสี่ยงบวม เผลอ ๆ ถูกปลวกขึ้น

หลังจากนี้เชื่อเลยว่าทุก ๆ คนที่ต้องการเก็บเอกสารจะสามารถเลือกซื้อตู้เอกสารได้อย่างเหมาะสม คุ้มค่า ตอบสนองการใช้งานอย่างที่สุด ซึ่งปัจจุบันงานเอกสารยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อการเก็บที่ราบรื่น ไม่มีปัญหาเอกสารหาย หาไม่เจอตามมาภายหลังหาซื้อให้ไวเลยดีสุด
รับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/FUR1003
#78


ในช่วงที่การแพร่ระบาดของโควิด - 19 ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จะให้สวมแค่หน้ากากอนามัย หรืออยู่ห่างกัน 1 -2 เมตร เห็นทีคงไม่พอ ไอเท็มเด็ดที่มีความจำเป็นต้องใช้อย่าง แอลกอฮอล์ล้างมือจึงไม่อาจมองข้ามได้ แต่ถึงกระนั้นบางท่านอาจยังใช้ไม่ถูกต้อง หวังจะฆ่าเชื้อโรคกลายเป็นเชื้อโรคยังอยู่ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจ จึงมีวิธีล้างอย่างถูกต้องมาฝาก
เหตุผลของการพกแอลกอฮอล์ล้างมือที่มากกว่าเชื้อโควิด - 19 
ใครๆคงคิดว่าการพกเจลล้างมือไปไหนมาไหนเพื่อฆ่าเชื้อโควิด - 19 ทั้งที่จริงแล้วมีเหตุผลที่มากกว่านั้นอยู่หลายประการ
- พกไว้เพื่อให้ล้างทำความสะอาดหลังจากใช้มือถือที่ปกติแล้วพบแบคทีเรียได้มากกว่า 30,000 ชนิด
- ก็เพราะว่าที่มือสามารถมีเชื้อแบคทีเรียเกาะติดได้นาน 3 ชั่วโมง และหากเราไม่ล้างทำความสะอาด ก็จะมีแบคทีเรียที่แบ่งตัวเอง 4 ล้านตัวใน 8 ชั่วโมง เข้าสู่ร่างกายได้
- มือที่เปียกชื้นแล้วไม่ล้างให้สะอาดแพร่กระจายเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 1,000 เท่า มากกว่ามือที่แห้งปกติ ทั้งจุลินทรีย์อีก 85% ยังถูกส่งผ่านมือที่เปียกชื้นอีกด้วย
- บนโต๊ะทำงานที่เราใช้งานกันอยู่มีโอกาสพบแบคทีเรียได้ถึง 400 เท่าของที่นั่งสุขา
- บนธนบัตรที่เราใช้ซื้อสินค้าพบแบคทีเรียได้ต่อฉบับที่ 26,000 ตัว
- แน่นอนว่าการเจลล้างมืออย่างถูกต้อง ช่วยให้เกิดประสิทธิภาพเทียบเท่าฉีดวัคซีน
แนะนำวิธีการใช้เจล - สเปรย์แอลกอฮอล์ล้างมืออย่างถูกต้อง
เพื่อเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกที่อยู่บนมือ หรือลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียให้ออกไป ควรล้างมืออย่างถูกต้อง ไม่ว่าเจล หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ก็ตาม โดยเริ่มต้นให้บีบ หรือฉีดผลิตภัณฑ์ลงที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง จากนั้นถูทั้งฝ่ามือ + ง่ามนิ้ว หลังมือ + ง่ามนิ้ว ต่อด้วยการหมุนที่นิ้วโป้งทั้ง 2 ข้าง ถูบริเวณปลายนิ้วมือ 2 ข้าง จีบนิ้วมาถูที่ฝ่ามือทั้งซ้าย - ขวา สุดท้ายถูรอบข้อมือทั้ง 2 ข้าง 
ข้อสำคัญการล้างด้วยผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ ไม่จำเป็นล้างออกด้วยน้ำสะอาดแต่อย่างใด รวมไปถึงไม่ต้องเช็ดด้วยผ้าเช็ดมือ ปล่อยให้แห้งไปตามธรรมชาติระหว่างที่กำลังล้างตามวิธีข้างต้น บอกเลยว่าวิธีการเหล่านี้ไม่ได้ยากลำบาก และไม่ได้ช้าอย่างที่คิด
ปกติแล้วการล้างมือตามหลักสากลมีด้วยกัน 4 แบบ ซึ่งแอลกอฮอล์ล้างมือเป็นหนึ่งในนั้น โดยจะล้างเมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่เร่งด่วน สร้างความรวดเร็ว หรือไม่มีเวลาล้างมือกับสบู่ + น้ำสะอาด ควรบีบหรือฉีดใส่ฝ่ามือให้ได้ปริมาณ 10 มิลลิลิตร และใช้เวลาล้างประมาณ 15 - 25 วินาที ยืนยันว่าสิ่งสกปรก เชื้อโรคเชื้อแบคทีเรียหายเกลี้ยง สุขภาพร่างกายแข็งแรงปลอดภัยโดยเฉพาะในยุคโควิด - 19 แบบนี้
ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0607
 
 
#79


"ตู้เย็น" ถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นในบ้าน แต่ถึงกระนั้นเราจะใช้งานโดยไม่เอาใจใส่เห็นทีได้ซื้อเครื่องใหม่เร็ว ๆ นี้แน่ และหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการดูแลยืดอายุการใช้งานให้คงอยู่ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เรามี 5 เคล็ดลับมาบอกต่อ แถมขอเน้นเลยว่าช่วยเซฟไฟ ไม่ต้องสิ้นเปลืองจ่ายตอนสิ้นเดือนให้ตัวเบาด้วยนะ

บอกต่อเคล็ดลับยืดอายุการใช้งานตู้เย็น แถมเซฟไฟไม่เปลืองเงิน

1. ควรแยกปลั๊กไฟใช้งานให้ชัดเจน

ด้วยความที่ตู้เย็นจำเป็นต้องเสียบปลั๊กใช้งานตลอดเวลา เราจำเป็นต้องป้องกันทำปลั๊กร้อน แนะนำว่าให้ใช้ปลั๊กที่ติดผนังไปเลย เพื่อให้ได้รับกระแสไฟฟ้าได้เต็มที่ แต่หากไม่มีจริง ๆ สามารถใช้ปลั๊กพ่วงได้ แต่ขอให้มีแค่เครื่องใช้ไฟฟ้านี้เครื่องเดียวพอ และควรเลือกที่ได้มาตรฐาน

2. ไม่ใส่อาหารหรือเครื่องดื่มต่าง ๆ มากเกิน

แม้จะถูกออกแบบมาเพื่อเก็บรักษา ถนอมอาหาร แต่หากเราใส่ทั้งอาหาร และเครื่องดื่มที่จำนวนเยอะเกินไปก็จะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้านี้ทำงานหนัก ด้วยเหตุว่าต้องคอยกระจายความเย็นไปให้ทั่ว สม่ำเสมอ ความเย็นไปไม่ถึงกันบ้าง หรือการใส่อาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำหนักตรงบานประตูก็จะส่งผลให้ขอบยาง และส่วนของประตูเสื่อมสภาพไว การไม่ใส่อาหาร เครื่องดื่มตามที่บอกช่วยให้ใช้งานยาว ๆ ไม่ต้องซื้อใหม่ ราคาตู้เย็นไม่ใช่ถูก ๆ

3. ไม่งัดแงะน้ำแข็งที่เกาะในอยู่

เมื่อปล่อยตู้เย็นไว้นาน ๆ มักมีน้ำแข็งมาเกาะโดยเฉพาะในช่องแช่แข็ง ทำให้ปิดฝาไม่สนิท บางท่านอาจไปงัดแงะเอาน้ำแข็งออกทั้งที่จริงแล้วจะยิ่งทำให้เกิดปัญหา ทำพลาดของมีคมไปกระแทก รั่ว ชำรุดเสียหาย แนะนำว่าหมั่นกดละลายน้ำแข็งอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาที่เหมาะสมดีกว่า สังเกตหากมีน้ำแข็งมากก็กดได้เลย

4. ไม่เปิดบ่อย หรือค้างไว้นาน

เราควรเลือกหยิบของทีละน้อย ๆ แล้วนำออกมาให้ไวที่สุด อย่าเปิดบ่อยหรือค้างไว้นาน ไม่ว่าจะตู้เย็นยี่ห้อไหนดีก็ตาม เพื่อไม่ให้ได้ดูดความร้อนเข้าไปแทนภายในห้องแช่ หรือพูดง่าย ๆ ว่าให้ห้องแช่มีอุณหภูมิคงเดิมมากที่สุด ไม่ทำให้ใช้ไฟฟ้าสูงมากขึ้น

5. อาหารร้อนจะต้องรอให้เย็นก่อนค่อยแช่

สุดท้ายแล้วหากอาหารที่กำลังจะใส่ร้อนอยู่ แนะนำว่าให้เอาวางข้างนอกจนเย็นลง เนื่องมาจากการใส่อาหารร้อนเข้าไปมีผลให้ตู้เย็นต้องปรับอุณหภูมิเพื่อเอาความร้อนของอาหารออก ใช้ความเย็นมากกว่าปกติ เครื่องใช้ไฟฟ้านี้ก็จะทำงานหนักมากขึ้น เสื่อมสภาพไวแถมสิ้นเปลืองไฟ

เมื่อรู้เช่นนี้แล้วก็หวังว่าทุกคนจะเกิดความเข้าใจ และสามารถดูแลรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งาน พร้อมเซฟไฟฟ้าไปในตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนท่านไหนอยากรู้ตู้เย็นยี่ห้อไหนดี? ปัจจุบันบ้านเรามีให้เลือกมากมายหลากหลายยี่ห้อทั้ง SAMSUNG, LG, HITACHI, MITSUBISHI, SHARP, TEKA, WHIRLPOOL ฯลฯ และราคาตู้เย็นก็จะแตกต่างออกไปด้วย

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP09
#80


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคอนโดฯคือที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมมาก แน่นอนว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าสำคัญต้องมีเพื่อทำความสะอาดเสื้อผ้า ชุดต่าง ๆ คงหนีไม่พ้น "เครื่องซักผ้า" แต่ถึงกระนั้นบางคนอาจสงสัยว่าควรจะเลือกอย่างไรให้เหมาะสม ตอบโจทย์กับพื้นที่ และการใช้งานมากที่สุด ขอพาไปทำความเข้าใจในบทความนี้กันเลย
เครื่องซักผ้าใช้งานในคอนโด เลือกยังไงให้เหมาะสม ตอบสนอง
1. ขนาดและจำนวนถัง
ด้วยความที่คอนโดมีพื้นที่จำกัดการเลือกจึงควรเป็นเครื่องขนาดเล็ก น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 4 - 5 กก. ส่วนของถังต้องเข้าใจว่ามีให้เลือกชนิดถังเดี่ยวคือระบบ 2 in 1 ที่ทั้งซักและปั่นแห้งได้ เหมาะสมกับซักผ้าขนาดเล็ก โยกย้ายไปที่อื่นได้ และถังคู่ที่ใช้งานได้เหมือนเครื่องซักผ้ารุ่นใหญ่ แต่น้ำหนักก็จะเยอะ เคลื่อนย้ายลำบาก ซึ่งราคาเครื่องซักผ้าระบบ 2 in 1 ก็จะถูกกว่า
2. เลือกจากความเร็วรอบหมุน 
โดยทั่วไปแล้วหากเป็นเครื่องขนาดเล็กก็จะมีความเร็วหมุนที่เหมาะสม 400 รอบต่อนาที ซึ่งความเร็วรอบเท่านี้ถือว่าตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน หรือตัว เครื่องซักผ้า lg ก็ออกแบบมาช่วยเรื่องเซฟไฟฟ้า แต่ต้องเข้าใจว่าความเร็วหมุนไม่ได้ช่วยให้เสื้อผ้าสะอาด ต้องอาศัยโหมดการซักเพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกให้หมดจดด้วย
3. ดูเรื่องกำลังไฟ
เครื่องที่มีขนาดเล็ก กำลังไฟ (วัตต์) จะต่ำ ซึ่งมาตรฐานควรอยู่ที่ 90 วัตต์ขึ้นไป แต่เรื่องของกำลังไฟก็จะสัมพันธ์กับประสิทธิภาพการทำงาน กำลังไฟน้อยรอบหมุนก็จะน้อย มีผลต่อความสะอาดของเสื้อผ้า เมื่อลองเปรียบเทียบความประหยัดไฟแล้วเครื่องขนาดเล็กใช้ในคอนโดใช้งานต่อวัน 30 นาที ค่าไฟ 116.48 บาท หรือประมาณ 32.4 ยูนิต ซึ่งตรงนี้เครื่องซักผ้า lg เหมาะกับการใช้งาน ทั้งนี้เพราะมีกำลังไฟที่เหมาะสม และมีโหมดช่วยประหยัดไฟได้
4.  ฟังก์ชันการใช้งาน
ปัจจุบันยี่ห้อต่าง ๆ ได้ดีไซน์ให้มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายขึ้น นอกจากเรื่องของระบบ 2 in 1 หรือถังเดียวแล้ว ก็ยังมีเรื่องของการแยกซัก ปั่นแห้ง อบแห้ง หรือบางรุ่นมีช่องใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับ ใช้งานได้สะดวก แนะนำว่าควรเลือกตามที่ชื่นชอบ เหมาะสมกับการใช้งาน และมีความเหมาะสมกับราคาเครื่องซักผ้าที่ต้องเสียไป
แม้กระนั้น แม้ว่าเราจะเลือกเครื่องซักผ้าที่พอเหมาะกับการใช้งานในคอนโดแล้ว ก็อย่าลืมเรื่องของผงซักฟอก หรือน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ควรต้องใส่ใจ เอาที่ใช้แล้วไม่เกิดการแพ้ ระคายเคือง หรือกำจัดสิ่งสกปรกได้เต็มประสิทธิภาพ ที่สำคัญต้องหมั่นดูแลรักษาให้ดีเพื่อยืดอายุการใช้งาน ไม่ต้องเสียเงินเสียทองซ่อมหรือซื้อใหม่บ่อย ๆ
เข้ารับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP1303