• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

โบรกฯเชียร์'ซื้อ'หุ้น SCGP คาด Q1/65 โต Q-Q,YoY-ต้นทุนถ่านหินพุ่งกระทบน้อย

Started by Naprapats, April 01, 2022, 11:48:37 PM

Previous topic - Next topic

Naprapats

โบรกฯเชียร์'ซื้อ'หุ้น SCGP คาด Q1/65 โต Q-Q,YoY-ต้นทุนถ่านหินพุ่งกระทบน้อย

          โบรกเกอร์                    คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เมย์แบงก์                       ซื้อ                    75.00
          กสิกรไทย                       ซื้อ                    64.00
          ฟินันเซียไซรัส                    ซื้อ                    70.00
          พาย                           ซื้อ                    72.00
          โนมูระ พัฒนสิน                 ซื้อเก็งกำไร               66.00
          นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า มองแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 ฟื้นตัวขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากจะมีการรับรู้ผลประกอบการของบริษัทย่อย ที่ได้จากการซื้อกิจการ  (M&P) ไปเมื่อปีก่อน จำนวน 5 ดีล เข้ามาเต็มปีในปีนี้ ส่วนต้นทุนเศษกระดาษในช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็เริ่มปรับตัวลง ทำให้เป็นบวกต่อกำไร อีกทั้งต้นทุนพลังงาน หรือถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นมาในช่วงเดือนมี.ค. ก็อาจจะกดดันต่อกำไรเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีนัยสำคัญมาก เนื่องจากต้นทุนถ่านหินที่เพิ่มขึ้น มีสัดส่วนเพียง 5% ของต้นทุนการผลิต และบริษัทยังได้ปรับราคาขายขึ้น เพื่อสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มไปแล้วด้วย
          ด้านกลยุทธ์การลงทุน คงคำแนะนำซื้อ เนื่องจากยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่ 75 บาท โดยเริ่มเห็นว่ามีแรงซื้อกลับเข้ามามากขึ้น หลังต้นทุนพลังงานหรือถ่านหิน ปรับฐานลงมา
          นายธันย์ จิระสิทธิกร นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า คาดยอดขายและกำไรสุทธิในไตรมาส 1/65 จะฟื้นตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หลังได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 4/64 เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์จากการระบาดของโควิด-19 ในประเทศหลักๆ เข้มงวดน้อยลง ส่งผลดีต่อความต้องการซื้อดีขึ้น และมองว่า SCGP จะไม่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้น เนื่องด้วยมีสัดส่วนราว 5% ของต้นทุนโดยรวม ซึ่งสามารถปรับราคาขายขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบ ราคาเศษกระดาษในช่วงม.ค.-ก.พ.65 ก็เริ่มปรับตัวลดลง ทำให้ต้นทุนของไตรมาส 1/65 น่าจะต่ำกว่าไตรมาส 4/64
          ส่วนประมาณการณ์กำไรสุทธิปี 65 ยังคงคาดเติบโตมาที่ 8,520 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 8,294.37 ล้านบาท และรายได้โตเป็น 162,084 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 126,436.89 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยหนุนผ่านการเข้าซื้อกิจการ (M&P) โดย SCGP ยังคงยึดมั่นกลยุทธ์การเติบโตในระยะยาวเพื่อเพิ่มรายได จาก 3 ประเทศหลัก ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เป็นต้น
          คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมายเดิมที่ 64 บาท โดยได้นำเอาเรื่องของงบลงทุน ที่บริษัทตั้งเป้าหมายจะลงปีละ 20,000 ล้านบาท รวมไว้ในประมาณการณ์ดังกล่าวแล้ว ทำให้จะไม่มีอัพไซด์ในเรื่องของการซื้อกิจการเข้ามา แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องติดตามดูในส่วนของมาร์จิ้น ซึ่งหากต้นทุนเศษกระดาษ หรือค่าระวางเรือปรับตัวลงมาก ก็จะส่งผลดีต่อกำไรให้ปรับตัวขึ้นได้มากกว่านี้ แต่หากสลับกันก็จะกดดันต่อกำไรให้ลดลงได้
          บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เชื่อว่ากำไรสุทธิของ SCGP จะเติบโตดีในปี 65-67 หรือคาดปีนี้โต 26% มาที่ 10,442 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน  แม้ต้นทุนราคากระดาษลูกฟูกเก่า (OCC) และถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจะกดดัน EBITDA margin จากอุปทานที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบที่จำกัด จากราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากถ่านหินคิดเป็นเพียง 5% ของต้นทุนรวมของบริษัทฯ
          อย่างไรก็ตามคิดว่าผลกระทบของราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นจะมีจำกัดและบั่นทอน EBITDA margin ลง 1-3% เนื่องจากคาดว่า SCGP ได้ทำสัญญาเพื่อตรึงราคาสำหรับ 30% ของปริมาณการใช้ถ่านหินจำนวน 2 ตัน ในปี 65 ไว้ที่ 140 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 64  และบริษัทฯ จะซื้ออีก 70% ของปริมาณการใช้ถ่านหินที่เหลือส่วนมากในราคาอ้างอิงจากดัชนีราคาถ่านหิน ICI 4 ซึ่งคิดว่าจะเพิ่มน้อยกว่าดัชนีราคาถ่านหิน Newcastle
          ขณะที่คิดว่าปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ SCGP  ประสบความสำเร็จ ซึ่งทำให้บริษัทฯ แตกต่างจากคู่แข่ง คือกลยุทธ์ M&P ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การเติบโตไม่เพียงแต่ในแง่ของกำลังการผลิต แต่ยังรวมถึงคุณภาพ รากฐานในตลาด และผลิตภัณฑ์ของสินทรัพย์เพื่อการเติบโตของบริษัทฯ ในความเห็นของเราผลลัพธ์น่าจะอยู่ที่การขยายใน 3 มิติ ประกอบด้วย อัตรากำไร ตลาด และผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมการเติบโตของกำไรสุทธิ และความยั่งยืนในท่ามกลางวัฏจักรราคา OCC และพลังงาน ซึ่งเป็นส่วนประกอบต้นทุนสำคัญ 2 ประการของบริษัทฯ
          คงคำแนะนำซื้อหลังปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 70 บาท เพื่อสะท้อนแนวโน้มกำไรที่ลดลงจากต้นทุน พลังงานที่สูง ราคา OCC ที่อยู่ในระดับสูง และประมาณการกำไรต่อหุ้นปี 65-67 ที่ลดลง 4.6- 5.5% เพื่อสะท้อนราคา OCC ที่คาดว่าจะปรับขึ้น, สมมติฐานราคาถ่านหินที่สูงขึ้นเป็น 200 เหรียญสหรัฐ/ตัน สำหรับดัชนีราคา Newcastle และ 100 เหรียญสหรัฐ/ตัน สำหรับ ICI4 ในปี 65 และราคาเยื่อกระดาษที่สูงขึ้นจากอุปทานที่ตึงตัวและแนวโน้มความต้องการที่สูงเกินคาด