• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. มัด แอนด์ ฮาวด์” ที่ “BBB-” แนวโน้ม “Negative”

Started by Jenny937, March 31, 2022, 07:27:49 AM

Previous topic - Next topic

Jenny937

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร "บ. มัด แอนด์ ฮาวด์" ที่ "BBB-" แนวโน้ม "Negative"

โดยอันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดในธุรกิจร้านอาหารและร้านอาหารบริการด่วนของบริษัทซึ่งมีการแข่งขันที่รุนแรงและมีผู้ประกอบการหลากหลาย อันดับเครดิตถูกลดทอนโดยระดับหนี้สินของบริษัทซึ่งอยู่ในระดับสูงจากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องท่ามกลางผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลงอันเป็นผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ที่ยืดเยื้อ แนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? สะท้อนความกังวลจากแผนการขยายธุรกิจร้านอาหารประกอบกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์ของโรคโควิด 19 ซึ่งอาจจะทำให้ภาระหนี้สินและระดับหนี้สินของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นอีก

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

สถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยืดเยื้อกดดันธุรกิจร้านอาหารอย่างต่อเนื่อง

ผลการดำเนินงานของบริษัทฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดจากความยืดเยื้อของการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยรัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด 19 และมาตรการห้ามรับประทานที่ร้านเป็นครั้งคราวตลอดปี 2564 เนื่องจากมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลายระลอกและมีการกลายพันธุ์ของโรคโควิด 19 ทั้งนี้ ?เกรฮาวด์ คาเฟ่? (Greyhound Caf? -- GHC) เป็นร้านอาหารในเครือของบริษัทที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเนื่องจากพึ่งพารายได้หลักจากการรับประทานที่ร้านอีกทั้งความพยายามในการบริการอาหารเดลิเวอรี่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไปจากมาตรการจำกัดการเดินทางและแนวโน้มการปรับตัวทำงานจากบ้านก็ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของร้าน ?โอ บอง แปง? (Au Bon Pain -- ABP) อย่างมากด้วยเช่นกัน โดยยอดขายของทั้ง 2 ร้านดังกล่าวซึ่งคิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของยอดขายของธุรกิจร้านอาหารทั้งหมดของบริษัทรวมกัน ลดลง 53% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อย่างไรก็ตาม รายได้ของร้าน ?ดังกิ้น? (Dunkin) ในปี 2564 ฟื้นตัวสู่ระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งเป็นผลจากการขยายสาขา และปรับเปลี่ยนรูปแบบโดยเน้นการเปิดร้านขนาดเล็ก (Kiosk) ในสถานีบริการน้ำมันและศูนย์การค้าปลีกไฮเปอร์มาร์เก็ต (Hypermarket) โดยการเปิดร้านขนาดเล็กดังกล่าวใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการเปิดร้านในรูปแบบเดิมและมีความยืดหยุ่นในการเคลื่อนย้ายสาขามากกว่า นอกจากนี้ สาขาในสถานีบริการน้ำมันและศูนย์การค้าปลีกไฮเปอร์มาร์เก็ตยังได้รับผลกระทบจากมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จากรัฐที่น้อยกว่าด้วย ในขณะที่ร้านอาหารของบริษัทในประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสเริ่มฟื้นตัวในปี 2564 จากการผ่อนคลายมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เนื่องจากยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลายระลอกตลอดปี 2564

บริษัทมีรายได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ 2.3 พันล้านบาทในปี 2564 แต่ยังคงลดลง 24% หากเทียบกับปี 2562 ในขณะที่กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 425 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการควบคุมต้นทุนของบริษัท การได้รับการยกเว้นค่าเช่าพื้นที่ร้านจากผู้ให้เช่าในบางช่วง และการสนับสนุนจากรัฐบาลในประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส

รายได้จะทยอยฟื้นตัวในขณะที่อัตรากำไรจะถูกกดดัน

ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะทยอยฟื้นตัวหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ดีขึ้น ภายใต้การประมาณการกรณีพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 2.9-3.6 ล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2565-2567 ทริสเรทติ้งคาดว่ามาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 จะผ่อนคลายมากกว่าปีที่แล้ว จากการที่ประเทศไทยและอีกหลายประเทศมีอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงและวัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันการป่วยหนักและการเสียชีวิตได้

ทริสเรทติ้งคาดว่าการแข่งขันที่รุนแรงและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยกดดันความสามารถในการทำกำไรของบริษัท โดยคาดว่าอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 15% ในช่วงปีประมาณการ เปรียบเทียบกับระดับ 18% ในปี 2564 ทำให้บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 440-570 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2567 โดยทริสเรทติ้งคาดว่าผู้ประกอบการร้านอาหารจะต้องใช้จ่ายมากขึ้นในการจัดกิจกรรมทางการตลาดและจัดรายการส่งเสริมการขายเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ทริสเรทติ้งยังมองว่าความนิยมใช้บริการอาหารเดลิเวอรี่ที่เพิ่มสูงขึ้นถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับบริษัทจากการแข่งขันที่จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในขณะที่บริการอาหารเดลิเวอรี่ของบริษัทมีอยู่อย่างจำกัด นอกจากนี้ สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังส่งผลกระทบให้ค่าสาธารณูปโภค ค่าขนส่ง และราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาแป้งสาลีซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของ ?โอ บอง แปง? และ ?ดังกิ้น? ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบปานกลางเนื่องจากบริษัทมีการตกลงราคาแป้งสาลีกับผู้ขายวัตถุดิบสำหรับช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม หากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ดังกล่าวยังคงยืดเยื้อจะส่งผลกดดันต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทมากยิ่งขึ้น

แผนการขยายธุรกิจไปต่างประเทศหยุดชะงักจากการแพร่ระบาดของโควิด 19

จากความพยายามในการกระจายธุรกิจไปต่างประเทศ ในช่วงปลายปี 2560 บริษัทจึงได้ซื้อกิจการร้านอาหาร ?Le Grand Vefour? ซึ่งเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงในกรุงปารีส และในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน บริษัทยังได้เปิดร้านอาหารเกรฮาวด์ คาเฟ่ ที่กรุงลอนดอน ซึ่งเป็นร้านที่บริษัทบริหารเองแห่งแรกในต่างประเทศด้วย อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานของร้านอาหารทั้ง 2 แห่งยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทคาดไว้และยิ่งอ่อนตัวลงจากผลกระทบของโรคโควิด 19 นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมมือกับหุ้นส่วนทางธุรกิจคือ Mr. Guy Martin ซึ่งเป็นหัวหน้าเชฟของร้าน Le Grand Vefour เพื่อเปิดร้านอาหารเพิ่มอีก 4 แห่งในกรุงปารีส ได้แก่ ?Pasco? ?Augustin? และ ?A-Noste? ซึ่งเปิดในปี 2563 และ ?La Mere Lachaise? ที่เปิดในช่วงต้นปี 2565

ทริสเรทติ้งมองว่าการขยายธุรกิจไปในต่างประเทศจะเพิ่มความไม่แน่นอนให้แก่สถานะทางธุรกิจของบริษัทมากยิ่งขึ้นเนื่องจากสภาพแวดล้อมในการแข่งขันของธุรกิจร้านอาหารในแต่ละประเทศนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ก็ยิ่งเพิ่มความท้าทายมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม หากการขยายธุรกิจในต่างประเทศประสบความสำเร็จก็จะส่งผลให้บริษัทมีแหล่งรายได้ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นและมีโอกาสในการเติบโตที่สูงขึ้น

ระดับหนี้สินเพิ่มสูงขึ้น

ระดับหนี้สินของบริษัทลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนแต่ยังคงอยู่ในระดับสูงในปี 2564 เนื่องจากกำไรของบริษัทลดลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยืดเยื้อและการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องของบริษัท อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายลดลงมาอยู่ที่ 4.5 เท่าในปี 2564 จาก 5.1 เท่าในปี 2563 ภายใต้การประมาณการกรณีพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นไปอยู่ที่ 4.7 เท่าในปี 2565 เนื่องจากการลงทุนที่สูง ก่อนจะทยอยปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ 4 เท่าในปี 2567 จากการที่กำไรของบริษัทจะฟื้นตัวกลับมาที่ระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยคาดว่าบริษัทจะมีเงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาทในปี 2565 และรวมประมาณ 230 ล้านบาทในช่วงปี 2566-2567 โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนเพื่อขยายสาขาโดยเฉพาะสาขาของร้าน ?ดังกิ้น?

ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีภาระหนี้อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าวภาระหนี้ประมาณ 1.0 พันล้านบาทเป็นหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนซึ่งประกอบด้วยเงินกู้และหุ้นกู้ที่มีหลักประกันของบริษัทและเงินกู้ที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันที่บริษัทลูก ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมเท่ากับ 80% ซึ่งสูงกว่า 50% ตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้? ของทริสเรทติ้ง ซึ่งส่งผลให้เจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันมีความด้อยสิทธิกว่าเจ้าหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนอย่างมีนัยสำคัญเมื่อพิจารณาจากสิทธิเรียกร้องในสินทรัพย์ของบริษัท

หุ้นกู้ของบริษัทมีข้อกำหนดให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนที่ไม่เกินกว่า 3 เท่าโดย ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 0.53 เท่า นอกจากนี้ เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารของบริษัทยังมีเงื่อนไขสำคัญให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อทุนไม่ให้เกิน 2 เท่า รวมทั้งอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ไม่ต่ำกว่า 1.2 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายไม่เกิน 3 เท่าด้วย โดย ณ เดือนธันวาคม 2564 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 1.32 เท่า 0.79 เท่า และ 4.41 เท่าตามลำดับ บริษัทได้รับการผ่อนผันเงื่อนไขทางการเงินทั้งในส่วนของอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจากธนาคารสำหรับปี 2564 แล้ว แต่บริษัทอาจจะผิดเงื่อนไขข้อกำหนดดังกล่าวได้และคงต้องขอรับการผ่อนผันจากธนาคารอีกครั้งในปี 2565 หากผลการดำเนินงานของบริษัทฟื้นตัวสอดคล้องหรือต่ำกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดไว้

สภาพคล่องตึงตัว

ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทมีสภาพคล่องที่ตึงตัวในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยแหล่งสภาพคล่องของบริษัท ณ เดือนธันวาคม 2564 ประกอบด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดประมาณ 200 ล้านบาท เงินทุนจากการดำเนินงานคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 340 ล้านบาท และวงเงินกู้ที่สามารถเบิกได้ 30 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 400 ล้านบาท ภาระค่าเช่าจ่ายจำนวน 200 ล้านบาท และเงินลงทุนซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 200 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทอาจจะต้องหาแหล่งเงินกู้เพิ่มเติมเพื่อให้เพียงพอต่อการลงทุนด้วย

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? บริษัทจะมีรายได้ประมาณ 2.9-3.6 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2567

? กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ 440 ล้านบาทในปี 2565 และอยู่ที่ 530-570 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2566-2567

? เงินลงทุนรวมอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาทในปี 2565 และรวม 230 ล้านบาทในช่วงปี 2566-2567

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? สะท้อนความกังวลของทริสเรทติ้งต่อแผนการลงทุนเพื่อขยายสาขาในธุรกิจร้านอาหารของบริษัท ประกอบกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งอาจทำให้บริษัทมีภาระหนี้สินและระดับหนี้สินเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาด

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่มีต่ออันดับเครดิตของบริษัททรัพย์ศรีไทยหรือการเปลี่ยนแปลงในสถานะของบริษัทในฐานะบริษัทย่อยหลักของบริษัททรัพย์ศรีไทยอาจมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัท

อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทอาจปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนตัวลงกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ไม่ว่าจะเกิดจากผลกระทบในด้านลบที่ยืดเยื้อจากการระบาดของโรคโควิด 19 หรือจากการที่บริษัทลงทุนเชิงรุกโดยใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืม ในขณะที่ทริสเรทติ้งอาจปรับอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทเพิ่มขึ้นหากผลการดำเนินงานของบริษัทแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนจนทำให้ระดับหนี้สินปรับตัวดีขึ้นกว่าเดิมหรือใกล้เคียงกับประมาณการของทริสเรทติ้ง

การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทไม่จำเป็นต้องก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของบริษัท อย่างไรก็ตาม จากการที่บริษัทเป็นบริษัทลูกที่มีสัดส่วนกำไรที่สูงในบริษัททรัพย์ศรีไทย การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของบริษัททรัพย์ศรีไทย ซึ่งจะทำอันดับเครดิตของบริษัทเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

บริษัท มัด แอนด์ ฮาวด์ จำกัด (มหาชน) (MUD)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating. com
ติดต่อ santaya@trisrating. com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว