• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

ปธ.หอการค้า ชี้มาตรการลดค่าครองชีพของรัฐ ดันจีดีพีทั้งปี 64 โตถึง 1.5%

Started by Joe524, October 21, 2021, 09:45:16 PM

Previous topic - Next topic

Joe524

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การที่ ครม.อนุมัติงบประมาณ 54,600 ล้านบาท สำหรับมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐ 4 โครงการ ได้แก่ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ โครงการคนละครึ่ง และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนจำนวนมาก ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะเป็นการบรรเทาผลกระทบจากค่าครองชีพ และยังช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ประมาณ 95,000 ล้านบาท ส่งผลให้ ประมาณการณ์เศรษฐกิจ ของประเทศไทยในปี 64 นี้ เพิ่มเป็น 1.0-1.5%


"ช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี เป็นช่วงที่ประชาชนใช้จ่ายกันมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว หรือการซื้อของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ด้วยสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และยังถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาอุทกภัยในหลายจังหวัด ทำให้เงินในระบบเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาหมุนเวียนช้า มาตรการของภาครัฐที่ออกมาดังกล่าวจึงถือเป็นเรื่องที่ดี และเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยบรรเทาผลกระทบจากค่าครองชีพได้ส่วนหนึ่ง และหลังจาก น้ำท่วม จะต้องมีการก่อสร้าง การจับจ่ายใช้สอยเพื่อฟื้นฟูความเสียหาย โดยส่วนนี้ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระของประชาชนได้ โดยหอการค้าไทยประเมินว่า ผลลัพธ์จากมาตรการต่าง ๆ นี้ จะเกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นทำให้ GDP ปีนี้เติบโตได้ 1-1.5% " นายสนั่น กล่าว

นายสนั่น กล่าวต่อว่า หอการค้าไทยมองว่า การใช้จ่ายของประชาชนใน 2 เดือนสุดท้ายนี้ จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญตัวหนึ่งในการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ นอกเหนือจากเม็ดเงินที่จะได้จากการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะแม้ว่าจะเริ่มเปิดเมืองในเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังไม่ได้เข้ามาทันทีทันใด ดังนั้น การบริโภค และการเดินทางภายในประเทศจึงเป็นตัวเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ที่สำคัญคือประชาชน และผู้ประกอบการ ต้องไม่ละเลยการระมัดระวังตัว และรักษามาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดด้วย