7 วิธีสอนลูกให้เชื่อฟังบิดามารดาและไม่ต่อต้านเมื่อลูกเริ่มโต

[Beer625]

ยิ่งลูกโตขึ้น การที่เราจะหวังลูกให้เป็นเด็ กเชื่อฟังสอนง่าย เกิดเรื่องย ากมากมาย เพราะว่าลูกเริ่ม

มีความคิดเป็นของตนเอง บางโอกาสก็พอใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า


บางทีลูกก็ไม่อย ากคุย ไม่อย ากทำในสิ่งที่พ่อแม่ปรารถนาสักเท่าไรนัก


เพราะฉะนั้นก็เลยใช้วิธีการทำหูทวนลม เพิกเฉยต่อคำพูดของพ่อแม่ แล้วก็มันบางทีอาจนำมาสู่ การมีปัญหากันได้

1. กล่าวหาอะไร ที่ทำให้เขาไม่เชื่อฟัง

ถ้าเกิดลูกเป็นเด็ กที่ไม่เชื่อฟัง บางครั้งบางคราวอาจเกิดจากกำลังโก รธ เสียใจ

หรืออยากที่จะให้บิดามารดาเอาอกเอาใจ สิ่งที่ควรทำหมายถึงเสวนาแล้วก็ หาคำตอบ ว่าเพราะอะไรเพราะเหตุใด

ลูกไม่เชื่อฟังและก็บอ กรักลูกให้ลูกไว้ว่า มีบิดามารดาอยู่ข้างๆเสมอนะ

รวมทั้งดังนี้พึงสังเกตทัศนคติวิธีคิดด้วย รวมทั้งการพูดของลูก ก็เพื่อจะเข้าใจลูกเยอะขึ้นเรื่อยๆด้วยนั่นเอง

2. สอนด้วยการ ใช้เคล็ดวิธีแบบเข้าใจง่ายๆ

ด้วยเหตุว่าเด็ กอาจจะยังแบบว่า ฟังประโยคย าวๆพร้อมกันไม่เข้าใจ สิ่งที่ควรทำนั้นเป็น

ใช้เคล็ดลับสอนเขา ให้จำง่ายขึ้น เป็นต้นว่า มีมือเอาไว้ช่วย ไม่ใช่เพื่อเอาไว้ติเตียน หรือ พูดให้ตื่นเต้น


ดังเช่นว่า วันนี้ทำอะไรที่สถานที่เรียนบ้ าง หลี กเลี่ ยงคำว่า ไม่ หรือ ห้าม ด้วยเหตุว่าทำให้ลูก


ไม่อย ากทำต าม อาทิเช่น ห้ ามดื้อ ก็ควรจะเปลี่ยนเป็น แม่ชอบลูก ในระหว่างที่เชื่อฟังแม่ที่สุดเลยจ้ะ

นอกจากนั้น พ่อแม่อาจเปลี่ยนมาใช้การให้คะแน น เพื่อให้ลูกมีเป้าหมาย ในการเชื่อฟังมากขึ้นเรื่อยๆก็ได้นะ

3. สอนด้วยคำกล่าว สายตาที่ความรัก

เวลาใดที่ลูกทำผิด คุณอาจจะทนไม่ไหวที่จะตะคอ กลูก จากคำบอกเล่าแร งๆของคุณ

อีกทั้งไม่สนใจฟังในสิ่งที่ลูกอย ากอธิบายด้วย รวมทั้งการเสียงดัง การตะคอ กนั้นมันอาจจะทำให้

ลูกสงบลงได้ก็จริงนะ แต่ในอนาคต ลูกก็จะทำอีกอยู่ดี ด้วยเหตุนั้นแล้ว สิ่งที่ควรทำหมายถึงเริ่มจากดึงความพอใจ

ลูกด้วยการ เรียกชื่อลูกใช้คำกล่าวกล้วยๆให้ลูกทบทวนในสิ่งที่ทำ ใช้น้ำเสียงที่หนักแน่น แต่ว่าไม่ดุเดือด

ให้ท่านทดลองเปลี่ยน เป็นบอ กทางป้องกั น แก้ปัญหาจะดีกว่านะ นอ กจากคำกล่าวกับน้ำเสียงแล้ว

ภาษากาย ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกรับฟังเพิ่มมากขึ้น กล่าวกับเขาดีๆบอกด้วยสายตาแห่งความรัก แล้วคุณจะเข้าใจลูกมากขึ้นเรื่อยๆ

4.ฟังสิ่งที่ ลูกจะบอก

เนื่องจากบางครั้ง สิ่งที่พ่อแม่คิด มันก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไปหรอกนะ เพราะว่าเด็ กแต่ละคน

พวกเขาก็มีความคิดเป็นของตนเอง และสิ่งที่ควรจะทำหมายถึงถามให้ทราบดีว่าลูกคิดอะไรทำไปเพื่ออะไร


แล้วก็มีอะไรอยู่ในใจ หลังจากนั้นต้องตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกบอก เพื่อช่วยทำให้ลูกผ่อ นคล า ยความกังวลใจได้

5. สอนด้วย การมีกติกา ระหว่างกัน

แต่นะเด็ กทุกคน ก็มีอะไรที่ถูกใจ ที่เกลียดชังของตนเองเช่นเดียวกันนะ และบ่อย ที่คุณให้ลูก

ทำสิ่งที่รังเกียจ นานจนลูกเริ่มไม่เชื่อฟัง รวมทั้งสิ่งที่ควรจะทำนั้นเป็นเด็ กวัย 2-3 ขวบ เป็นวัยแห่งการต่ อต้ าน

โดยเหตุนี้ ทดลองให้ข้อเสนอ เพื่อเป็นข้อตกลงร่วมกันดูสิ เพื่อลดการถกเถียงหรือการเชื้อเชิญสมุทร า ะลงได้

6. สอนลูก จากการเป็นแบบอย่ าง

ในช่วงวัยเด็ ก เขาชอบลอ กเอาอย่าง พฤติก ร ร มของคนใกล้ชิด

และไม่สามารถแยกแยะได้ ว่าอะไรไม่ควร อะไรควร มันก็เลยทำให้บ่อยลูกเผลอเลียน พฤติก ร ร ม

ที่มันไม่ดีของผู้ใหญ่ เมื่อถูกติเตียนและก็ต่อว่าต่อขานลูกก็เลยไม่รู้เรื่องว่า เพราะเหตุใดบิดามารดายังทำเป็นเลยล่ะ

แล้วก็วิธีการทำให้ลูกกำเนิดความสงสัย รวมทั้งบิดามารดาไม่ชี้แจงนั้น มันก็เป็นต้นเหตุ

ที่ทำให้ลูกเริ่มไม่เชื่อฟังพ่อแม่ รวมทั้งสิ่งที่ควรทำนั้นหมายถึงลูกศึกษาจาก

การกระทำได้ดีมากยิ่งกว่าคำบอกเล่า เพราะเหตุว่าถ้าเช่นนั้น คุณพ่อและก็คุณแม่ควรเป็นตัวอย่ างให้ลูกมองเห็น ว่าอะไรทำได้ อะไรไม่สมควรกระทำ

7. สอนลูก ใช้ความคิด แก้ปัญหาด้วยตัวเองได้

ด้วยเหตุว่าประโยคคำบัญชานั้น มันก็ทำให้ลูกคิดว่า ตนเองไม่ได้เรื่องเอาซะเลยจ๊ะ

ทำอะไรก็ไม่ดี ทั้งนี้มันก็ส่งผลต่อให้ลูกไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองซะงั้น อีกทั้งบางทีอาจเปลี่ยนเป็นคนไม่มั่นใจไปเลย

ไม่กล้าที่จะคิดเริ่มอะไรใหม่ๆสิ่งที่ควรทำนั้นเป็นจำต้องฝึกฝนให้ลูกใช้สมองและก็จัดการกับปัญหาด้วยตัวเอง

ดังเช่นว่า ไหนลูกลองคิดสิว่าจะเอาตุ๊กต าตัวนี้ ไปเก็บไว้ไหนดีนะ แล้วก็นอกจากนั้นควรหา

ธุระก ร ร มบันเทิงใจๆทำร่วมกันกับลูกเมื่อคุณพ่อกับคุณแม่ เห็นลูกทำไม่ถูก


จะได้สอนลูกให้คิดแก้ไขปัญหา แทรกเรื่องของความดี จริยธรรมไปได้ด้วย โตมาเขาจะได้เป็นคนมีคุณภาพ
ไม่ต่อต้าน
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/12945/