• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

เปิด '3 สมมติฐาน' ธนาคารโลก สู่เส้นทางฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย

Started by Jenny937, July 16, 2021, 09:14:31 AM

Previous topic - Next topic

Jenny937



สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทยยังมีแนวโน้มรุนแรงต่อเนื่อง จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่ทรงตัวในระดับสูง ซึ่งการแพร่ระบาดระลอกนี้ทวีความรุนแรงจากการกลายพันธุ์ของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ "เดลต้า"

ส่งผลให้สำนักวิจัยหลายแห่งปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลงจากเดิมคาดจะเติบโตได้ราว 3% เหลือเติบโตไม่ถึง 1% และในกรณีเลวร้ายเหลือ 0% ล่าสุดวานนี้ (15 ก.ค.) ในรายงาน "เส้นทางสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ" โดยธนาคารโลก ได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยปี 2564 เหลือเติบโต 2.2% จากคาดการณ์เดิมในเดือน มี.ค.2564 ที่คาดว่าจะเติบโต 3.4% เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่สามที่มีต่อการบริโภคภาคเอกชนและแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในจำนวนที่ต่ำมากจนถึงสิ้นปีนี้

เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวเพียงเล็กน้อยที่ 2.4% เพราะถูกผลกระทบจากมาตรการลดและจำกัดการเคลื่อนย้าย ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน และการสูญเสียรายได้ แม้จะได้รับมาตรการช่วยเหลือทางสังคมบางส่วนแล้วก็ตาม 

ขณะที่การท่องเที่ยวปี 2564 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพียง 6 แสนคน จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 4-5 ล้านคน และต่ำกว่าในปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนเกิดโควิด-19 ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศสูงถึง 40 ล้านคน

ทั้งนี้ ในกรณีเลวร้ายหากมาตรการล็อกดาวน์ลากยาวในไตรมาส 3 ปี 2564 (ก.ค.-ก.ย.) ธนาคารโลกคาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้จะอยู่ที่ 1.2% และ 2.1% ในปี 2565

อย่างไรก็ตามปัจจัยหนุนจากการส่งออกสินค้าและมาตรการทางการคลังที่จะออกมาจะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม โดยการส่งออกสินค้าและบริการยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวในกลุ่มประเทศคู่ค้าหลักของไทย ตามทิศทางการฟื้นตัวของอุปสงค์โลกต่อชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกล และผลผลิตทางการเกษตร โดยคาดว่าการส่งออกปีนี้จะเติบโต 7.3%

ส่วนมาตรการทางการคลัง ล่าสุด ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลประกาศอนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติมอีก 5 แสนล้านบาท เพื่อจะใช้ในการช่วยเหลือครัวเรือน และคาดว่าจะกระตุ้นจีดีพีให้เพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 1.5% เมื่อเทียบกับกรณีฐานที่คาดไว้ ขณะที่ความกังวลระดับหนี้สาธารณะของไทยที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นมาในปีนี้ที่ 59.3% และปี 2565 ที่ 62.1% ซึ่งมากกว่าเพดานหนี้ที่กฎหมายระบุไว้ที่ 60% แต่ความเสี่ยงต่อความยั่งยืนทางการคลังของไทยยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่เป็นเงินตราภายในประเทศ อีกทั้งหากเทียบกับประเทศอื่นๆ ประเทศไทยยังมีระดับเงินทุนสำรองที่ค่อนข้างสูง

ขณะที่ข้อกังวลของธนาคารโลก คือ การให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนในกลุ่มเปราะบาง สะท้อนจากระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงจาก 80% มาอยู่ที่ 90% โดยหลักมาจากรายได้ที่หายไปในช่วงโควิด-19 ส่งผลให้ภาระหนี้ต่อรายจ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งมาตรการเยียวยาและมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง โดยแนะนำรัฐบาลควรดูแลให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อจำกัดภาระทางการคลังโดยรวม เพราะการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกยังคาดเดาได้ยาก

นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากความมีประสิทธิภาพของวัคซีนต่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ และความไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่สมบูรณ์ในการดำเนินการตามแผนด้านการคลัง เหล่านี้อาจมีผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจช้าลง

"หากอัตราการฉีดวัคซีนของประชากรอยู่ในดับนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2564 คาดว่าประมาณ 70% ของประชากรจะได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มภายในสิ้นปีนี้ และจะได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มภายในกลางปี 2565 และจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวเท่ากับก่อนเกิดโควิด-19 ในช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป"

เกียรติพงศ์ กล่าวอีกว่า ธนาคารโลกคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะไม่กลับไปอยู่ในระดับก่อนการระบาดจนถึงปี 2565 ขณะที่การฟื้นตัวคาดว่าจะเป็นไปอย่างช้าๆ และไม่สม่ำเสมอ โดยคาดการณ์จีดีพีปี 2565 จะปรับขึ้นสูงอยู่ที่ 5.1% 

อย่างไรก็ตามประมาณการดังกล่าวตั้งอยู่บนสมมติฐานที่สำคัญ 3 ประการได้แก่ 1.ความก้าวหน้าของอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศ 2.ความเพียงพอของการได้รับวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกดีขึ้นจนทำให้การท่องเที่ยวระหว่างประเทศกลับมาฟื้นตัวได้ และ 3. ความสามารถในการเบิกจ่ายงบประมาณ 5 แสนล้านบาท

เดวิด มัลพาส ประธานธนาคารโลก คาดว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกไม่รวมจีนปีนี้ เศรษฐกิจขยายตัว 4% ลดลงจาก 4.4% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือน มี.ค. เนื่องจากหลายประเทศ เช่น เมียนมาเศรษฐกิจดิ่งลงกว่าคาด

หากรวมจีนเข้าไปด้วย ธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกปีนี้จะขยายตัว 7.7% สูงกว่า 7.4% ที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือน มี.ค. ส่วนจีนปีนี้เติบโต 8.5%

มัลพาส กล่าวด้วยว่า ความเร็วในการฉีดวัคซีนของชาติต่างๆ ยังคงเป็นความเสี่ยงต่อแนวโน้มการเติบโต หลายประเทศในภูมิภาคไม่มีทีท่าว่าสามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ครบโดสก่อนปี 2567

"ความสำคัญเฉพาะหน้าของประเทศกำลังพัฒนาคือประชาชนฉีดวัคซีนได้ทั่วถึงสอดรับกับแผนการฉีด"

ประธานธนาคารโลก กล่าวด้วยว่า เขากังวลเรื่องการฟื้นตัวไม่เท่ากันในการฟื้นตัวสองระดับประเทศกำลังพัฒนาฟื้นตัวหลังเขตเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว ที่แกร่งกว่าเนื่องจากประชาชนฉีดวัคซีนครบโดสมากกว่า

"นี่คือเหตุผลว่า ทำไมเราถึงให้ความสำคัญมากกับการขยายการเข้าถึงวัคซีน" มัลพาส ระบุ ไม่กี่วันก่อนเขาเพิ่งประกาศว่า ธนาคารโลกเพิ่มงบประมาณซื้อและฉีดวัคซีนป้องกันโควิดจาก 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์เป็น 2 หมื่นดอลลาร์เพื่อแจกจ่ายให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาที่ตอนนี้กำลังต้องการวัคซีนอย่างมาก