• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

ICHI วางเป้าปี 65 ยอดขายพุ่งแตะ 6,500 ลบ. ชูกลุ่มชาเขียวโตเด่น

Started by kaidee20, March 11, 2022, 08:18:10 PM

Previous topic - Next topic

kaidee20

ICHI วางเป้าปี 65 ยอดขายพุ่งแตะ 6,500 ลบ. ชูกลุ่มชาเขียวโตเด่น ลุยเตรียมเปิดตัวเครื่องดื่มกลุ่ม CBD และ CSD เสริมทัพ แย้ม OEM มีลูกค้าใหม่ 2 ราย ส่วนอิชิตันอินโดฯ ทำนิวไฮต่อ

ICHI กางแผนปี 65 วางเป้ายอดขายแตะ 6,500 ล้านบาท จากภาพรวมตลาดชาเขียวพร้อมดื่มเติบโตแข็งแกร่ง พร้อมเตรียมเดินหน้าบุกตลาด Non-Tea ด้วยเครื่องดื่มกลุ่มกัญชง (CBD) และเครื่องดื่มอัดก๊าซ (CSD) สนับสนุนยอดขายรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ ด้านภาพรวม OEM ใกล้เซ็นสัญญากับลูกค้ายักษ์ใหญ่เพิ่มอีก 2 ราย ลุ้นตลาดต่างประเทศฟื้นตัว สำหรับอิชิตัน อินโดนีเซีย ทำนิวไฮยอดขายพีคต่อไม่หยุด

นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยว่า "ภาพรวมปี 2565 จะเป็นปีที่ ICHI รุกตลาดในทุกช่องทาง เน้นขยายการเติบโตในกลุ่มสินค้าหลักของบริษัทฯ จากภาพรวมตลาดชาเขียวพร้อมดื่มที่เติบโต โดยเฉพาะบนช่องทาง Traditional Trade ขณะที่กลุ่มเครื่องดื่ม Non-Tea จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมามากขึ้น และการขยายธุรกิจในปี 2565 ภายใต้กลยุทธ์ 3N จึงวางเป้าหมายปีนี้ ICHI รายได้เติบโตแตะ 6,500 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 24% จากปีก่อน

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 1/2565 มองว่ามีการเติบโตที่ดี รับอานิสงส์มาตรการภาครัฐที่ออกมากระตุ้นการบริโภคในประเทศ ขณะที่ข้อมูลจาก Nielsen เผยถึง ภาพรวมตลาดชาพร้อมดื่มในเดือนมกราคมเติบโตขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนถึง 28.65% และยังดีต่อเนื่องในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นเทรนด์ที่ดีต่อเนื่องจากปี 2564 มีมูลค่าตลาดชาพร้อมดื่มอยู่ที่ 11,213 ล้านบาท เติบโตราว 3.96% แข็งแกร่งกว่ากลุ่มเครื่องดื่มโดยรวมที่หดตัว จึงวางกลยุทธ์สร้างการรับรู้และการขยายตลาด นำอิชิตันชาเขียวพร้อมดื่มรสน้ำผึ้งผสมมะนาว ที่ได้รับความนิยม เป็นรสชาติอันดับหนึ่งที่ผู้บริโภคให้การตอบรับ จัดแคมเปญบุกตลาด Traditional Trade ต่อเนื่อง

ขณะที่ไตรมาส 2/2565 จะมีการ Collaboration กับบริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ระดับโลกออกสินค้าร่วมกันในเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกให้กับลูกค้าของอิชิตัน ขณะที่กลุ่มเครื่องดื่ม Non-Tea จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมามากขึ้น ได้แก่ สินค้ากลุ่มเครื่องดื่มผสมสารกัญชง (CBD) และสินค้าใหม่กลุ่มเครื่องดื่มอัดก๊าซ (CSD) สนับสนุนยอดขายในครึ่งปีหลังให้เติบโต และจับกลุ่มลูกค้า GenZ ผนึกกำลังกับการกลับมาของสินค้ากลุ่มไบเล่ และเครื่องดื่มอิชิตัน น้ำด่าง ที่จะเริ่มแผนการตลาดแบบจัดเต็มในปีนี้

ด้านธุรกิจ OEM จ่อเซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ราย โดยจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ จากปัจจุบันมีลูกค้าหลักอยู่ 2 ราย คือ บริษัท ไทยโคโคนัท และ คิง พาวเวอร์ สนับสนุนให้อัตราการใช้กำลังการผลิตสูงขึ้น ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of scale) มากขึ้น

สำหรับภาพรวมตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศที่เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะใน CLMV รวมทั้งแผนการรุกตลาดกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางเพิ่มเติม ขณะที่ความสำเร็จของบริษัทร่วมค้า อิชิตัน อินโดนีเซีย ทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ในปี 2564 ที่ผ่านมา มียอดขายราว 1,080 ล้านบาท และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรมาที่อิชิตัน กรุ๊ป 59 ล้านบาท เติบโตราว 111% จากปีก่อน นับเป็นการส่งสัญญาณบวกชัดเจน และคาดผลงานปีนี้จะมีการเติบโตในทุกไตรมาส ตั้งเป้ารับรู้ส่วนแบ่งกำไรกลับมาที่อิชิตัน กรุ๊ป ขั้นต่ำที่ราว 75 ล้านบาทในปี 2565 ด้วยเครื่องดื่มตระกูลชาไทยที่เป็น Key Success

ด้านธุรกิจใหม่ที่ ICHI เข้าถือหุ้นสัดส่วน 25% ในบริษัท พรีดิกทิฟ จำกัด (Predictive) เข้ามาเสริมความแกร่งในส่วนของ Big Data เพื่อนำมาใช้เป็นหัวใจในการขับเคลื่อนธุรกิจ และการทำการตลาดได้อย่างตรงกลุ่ม และหากผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย เตรียมนำพรีดิกทิฟเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2567 และยังกำลังศึกษาธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

ในปี 2565 อิชิตันมุ่งมั่นเดินหน้าเติบโตภายใต้กลยุทธ์ 3N (New Product, New Market และ New Business) เชื่อจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนผลประกอบการให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในอนาคต หลังผลประกอบการงวดประจำปี 2564 มีกำไรสุทธิ 546.8 ล้านบาท เติบโต 6.1% มีอัตรากำไรขั้นต้น 19.3% อัตรากำไรสุทธิ 10.5% ขณะที่รายได้จากการขาย 5,228.3 ล้านบาท เติบโต 2.5% จากปีก่อน