ผลการวิจัยจากแอฟริกาใต้ ซึ่งยังไม่ได้รับการทบทวนโดยกลุ่มนักวิจัยอื่น ๆ เปิดเผยว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 (https://www.pandalean.com/%E0%B8%99%E0%B8%9E-%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%99/) ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (J&J) เป็นเข็มที่สองเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันนั้น มีประสิทธิภาพ 84% ในการป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อโควิดต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การวิจัยนี้ได้ศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีน J&J เมื่อฉีดเป็นเข็มที่สองให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในแอฟริกาใต้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ในขณะที่ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนกำลังแพร่ระบาด
วัคซีนของ J&J เป็นแบบฉีดเข็มเดียวครบโดส อย่างไรก็ดี ผลการวิจัยพบว่า วัคซีน J&J เข็มเดียวมีประสิทธิภาพไม่มากพอที่จะรับมือกับสายพันธุ์โอมิครอนได้ จึงมีผู้แนะนำให้ฉีดเข็มสองเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยผลการวิจัยจากแหล่งต่าง ๆ บ่งชี้ว่า วัคซีนเข็มกระตุ้นของ J&J ยังคงมีประสิทธิภาพในการปกป้องไม่ให้ผู้ติดเชื้อโควิดมีอาการรุนแรง
ก่อนหน้านี้ ผลการวิจัยจากอีกโครงการในแอฟริกาใต้พบว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์และไบออนเทค 2 เข็มแรกนั้นมีประสิทธิภาพลดลงในการปกป้องไม่ให้ผู้ติดเชื้อเข้าโรงพยาบาลนับตั้งแต่สายพันธุ์โอมิครอนเริ่มแพร่ระบาดในเดือนที่แล้ว