โควิด : สหราชอาณาจักรชี้วัคซีนเข็มกระตุ้น (https://www.hotescortservices.com/%e0%b9%82%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%94-19-%e0%b8%9d%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%aa%e0%b8%9e%e0%b8%9a%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%94/) ป้องกันเข้ารพ.เพราะโอมิครอนได้ 88%
หน่วยงานความมั่นคงด้านสุขภาพของสหราชอาณาจักร (UK Health Security Agency) หรือยูเคเอชเอสเอ เผยแพร่ข้อมูลชิ้นใหม่ที่ชี้ว่าการฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 ยี่ห้อแอสตร้าเซนเนกา ไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา จำนวนสองเข็ม สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์โอมิครอนได้เพียงเล็กน้อย แต่สามารถป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อมีอาการหนักได้ดีกว่า แต่เมื่อได้รับเข็มที่ 3 จะป้องกันได้ 88%
ยูเคเอชเอสเอ วิเคราะห์ข้อมูลผู้ติดเชื้อโอมิครอนทั้งที่ได้รับการยืนยันและสงสัยว่าติดเชื้อ รวม 600,000 คน และพบว่าการฉีดวัคซีน 1 เข็ม ลดความเสี่ยงที่จะต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลลงได้ 52% หากฉีดเข็มที่ 2 จะป้องกันได้ 72% แต่หลังจากเวลาผ่านไปแล้ว 25 สัปดาห์ การป้องกันจะลดลงเหลือ 52% อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 ผ่านไปแล้วสองสัปดาห์ การป้องกันจะฟื้นกลับคืนมาเป็น 88%
รายงานของยูเคเอชเอสเอ ระบุด้วยว่ายังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะคำนวณได้ว่าการป้องกันนี้จะอยู่ได้ยาวนานเพียงใด แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการแล้ว การคุ้มกันของวัคซีนแต่ละโดสลดลงเล็กน้อย และลดลงเหลือ 68% หลังจากได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้รับวัคซีนเลย
นายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสหราชอาณาจักร กล่าวว่าข้อมูลที่ได้ชี้ให้เห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีน
"จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนมีโอกาสที่จะต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่าคนที่ฉีดวัคซีน ถึง 8 เท่า"
ยังมีรายงานการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดร่วมจัดทำ ยืนยันว่าความเสี่ยงที่ผู้ติดเชื้อโอมิครอนจะต้องถูกส่งตัวไปรักษาในห้องฉุกเฉินหรือนอนโรงพยาบาล ต่ำกว่าการติดเชื้อเดลตาราว 50%
การศึกษายังพบด้วยว่าความเสี่ยงที่ผู้ติดเชื้อโอมิครอนจะต้องนอนโรงพยาบาลคิดเป็นเพียง 1 ใน 3 ของผู้ป่วยที่ติดเชื้อเดลตา
ซูซาน ฮอปกินส์ หัวหน้าคณะที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของยูเคเอชเอสเอ เห็นว่าข้อมูลที่ได้ถือเป็นสัญญาณที่น่าพึงพอใจ อย่างไรก็ดี เตือนว่ายังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปว่าผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่ต้องนอนโรงพยาบาลจะมีอาการหนักแค่ไหนเมื่อเทียบกับเดลตา
"การที่เชื้อโอมิครอนยังแพร่กระจายต่อไปได้ และการพบว่าประชากรอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปในอังกฤษ ติดเชื้อเพิ่มขึ้นนั้น แสดงให้เห็นว่าหน่วยงานบริการสาธารณสุขจะยังต้องทำงานหนักต่อไปในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า"
ล่าสุดนายนาดฮิม ซาฮาวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ บอกบีบีซีว่า แม้ในขณะนี้เชื้อโอมิครอนจะระบาดในหมู่ประชากรอายุมาก แต่คนที่มีอายุเกิน 50 ปี ขึ้นไป ล้วนได้รับวีคซีนเข็มที่ 3 แล้วเป็นส่วนใหญ่ ในเวลาเดียวกันรัฐบาลจะจับตาดูข้อมูลล่าสุดและประเมินสถานการณ์อีกครั้งในวันพุธนี้
นายคริส ฮอปสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ NHS Providers เปิดเผยว่าขณะนี้จำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลในกรุงลอนดอน พื้นที่แรกซึ่งพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนในสหราชอาณาจักร น่าจะถึงจุดสูงสุดแล้ว โดยจำนวนผู้ป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาล "ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ" ในช่วงสองวันที่ผ่านมา แต่เตือนว่า ยังมีความไม่แน่นอน เพราะยังไม่รู้ว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหนจากช่วงฉลองปีใหม่ และช่วงที่โรงเรียนจะเปิดเรียนอีกครั้ง
อิสราเอลเชื่ออาจมีภูมิคุ้มกันหมู่จากโอมิครอน
ส่วนที่อิสราเอลนายแนชแมน แอช ที่ปรึกษาอาวุธด้านสาธารณสุขของอิสราเอล เชื่อว่าการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมากในอิสราเอล โดยเฉพาะจากเชื้อโอมิครอน น่าจะทำให้อิสราเอลมีภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่าการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ควรมาจากการฉีดวัคซีน ไม่ใช่จากการติดเชื้อ
อิสราเอลเป็นหนึ่งในประเทศที่ฉีดวัคซีนให้ประชากรมากที่สุดในโลก และล่าสุดให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้ประชากรอายุมากกว่า 60 ปี และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขแล้ว