นายกฯฝรั่งเศสชี้ไม่มีแผนบังคับประชาชนฉีดวัคซีน เชื่อเพิ่มปัญหามากกว่าเดิม
นายฌอง กัสเต็กซ์ นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสได้ออกมาเปิดเผยในวันนี้ว่า การบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีน (https://www.chachoengsaopost.com/%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b9%8c%e0%b9%82%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%99/)เพื่อสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ใช่หนทางที่สร้างประโยชน์มากนัก เพราะการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มปัญหามากกว่าแก้ไขปัญหา
"เราเผชิญความยากลำบากกันอยู่แล้วในการควบคุมให้ประชาชนปฏิบัติตามนโยบายหนังสือรับรองด้านสุขภาพ (Health Pass) และหากบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีน เรายิ่งต้องเผชิญความยากลำบากมากขึ้นไปอีก" นายกฯกัสเต็กซ์กล่าวต่อสถานีโทรทัศน์ BFM TV และสถานีวิทยุ RMC
ฝรั่งเศสรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 332,252 คนในเวลา 24 ชั่วโมงเมื่อวันพุธ (5 ม.ค.) และมีผู้เสียชีวิตในโรงพยาบาลเพิ่ม 246 คน
ถ้อยแถลงของนายกฯกัสเต็กซ์มีขึ้นในขณะที่อิตาลีได้ออกคำสั่งให้ประชาชนทุกคนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ประเทศในยุโรปที่บังคับใช้มาตรการลักษณะดังกล่าว ภายใต้ความพยายามในการผ่อนคลายแรงกดดันต่อการให้บริการด้านสาธารณสุขและลดอัตราการเสียชีวิต โดยมาตรการนี้มีผลบังคับใช้ทันทีและมีผลถึงวันที่ 15 มิ.ย.
ทั้งนี้ อิตาลีรายงานผู้เสียชีวิตจากโคโรนาไวรัสกว่า 138,000 คนนับตั้งแต่การระบาดเริ่มต้นขึ้นในเดือนก.พ. 2563 ซึ่งเป็นอัตราการเสียชีวิตสูงสุดอันดับ 2 ในยุโรป รองจากอังกฤษ