• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - kaidee20

#8746
 
กระบะท้ายสแตนเลส 304
หลายๆคนสงสัยไหมครับ ว่าจะมีกระบะสแตนเลสไปเพราะอะไรกัน ในเมื่อกระบะท้ายที่ติดมาพร้อมกับตัว
รถกระบะ รถปิกอัพ ก็ใช้งานได้ดีอยู่แล้ว ไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นตรงไหน แถมยังสิ้นเปลืองรวมทั้งราคาแพงกว่าท้ายกระบะเหล็กที่เป็นอะไหล่รถปิคอัพอยู่ด้วยซํ้า ใช่แล้วครับ กระบะด้านหลังของรถกระบะ รถปิกอัพ ที่ติดมาพร้อมกับตัวรถยนต์มันก็ดีและก็สามารถใช้งานได้อยู่แล้ว หากมันยังใหม่ ไม่พุ ไม่พัง หรือเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุ และที่สำคัญเลยคือมันยังไม่ขึ้นสนิม
แล้วสนิมมีเหตุมาจากอะไร ?
สนิมเกิดจากส่วนที่ถูกกระแทก โดนขูดขีดจนถึงเป็นรอย ทำให้สีที่เคลือบส่วนประกอบที่เป็นเหล็กถลอกหรือหลุดออกมา ทำให้ขึ้นสนิม ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของธาตุเหล็กกับออกซิเจน โดยต้นเหตุหลักคือ น้ำ ความชื้น และออกซิเจนในอากาศ เมื่อเหล็กได้รับความชุ่มชื้น อิเล็คตรอนที่อยู่ในเหล็กจะมีการแตกตัวทำปฏิกิริยากับออกซิเจนจนส่งผลให้เกิดสนิม ถ้าไม่ดูแล ปรับปรุงแก้ไข ก็อาจทำให้สนิมขยายไปส่วนอื่นได้ ถ้าหากปล่อยให้สนิมแผ่ขยายก็จะมีผลให้ส่วนประกอบของตัวถังเสื่อม รวมทั้งความสามารถในการป้องกัน บริเวณส่วนประกอบที่เป็นสนิมแล้วหมดสภาพ ผุ กร่อน เป็นรู หรือหากเกิดการชน ความแข็งแรงของตัวถังก็จะลดน้อยลงด้วย ลองดูนะครับ รถกระบะ รถปิ๊กอัพ มี ส่วนของกระบะท้าย อยู่สองในสามส่วน ซึ่งส่วนกระบะด้านหลังมีโอกาสที่จะถูกกระแทก โดนขีดข่วนจนถึงเป็นรอย การถูกอุบัติเหตุ หรือผลจากการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่สามารถหลบหลีกได้

เทียบ ความต่างระหว่าง กระบะท้ายเหล็ก กับ กระบะท้ายสแตนเลส #เกรด 304










แล้วกระบะท้ายสแตนเลสเหมาะสมกับการใช้งานประเภทใดบ้าง ?
เพราะว่า คุณสมบัติโดยรวมของกระบะท้ายสแตนเลส มีความโดดเด่น ในเรื่อง ความทนทาน ต่อสภาพการณ์ต่างๆทั้งจากน้ำ ความชื้น การทนต่อการถูกกัดกร่อนของสารเคมี ทำให้เหมาะสมกับผู้ที่อยากใช้งานกระบะท้ายสแตนเลส สำหรับการใช้งานดังนี้
-การบรรทุกขนส่ง สินค้า พวกสารเคมี วัสดุเคมี บรรทุกพวกน้ำยาเคมีต่างๆหรือยางพารา
-การบรรทุกขนส่ง น้ำ น้ำดื่ม น้ำแข็ง หรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ
-การบรรทุกขนส่ง ปลา อาหารทะเล อาหาร หรือ สัตว์เลี้ยง
-การบรรทุกขนส่ง ผลิตภัณฑ์อาหาร หรือเกลือทะเล
-สถานที่ใช้งานที่มีโอกาสเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง
-สถานที่ใช้งานที่อยู่ใกล้กับทะเลหรือต้องพบลมทะเลบ่อยครั้ง
-สถานที่ใช้งานที่อยู่ใกล้แม่น้ำ ลุ่มแม่น้ำ
-สถานที่ใช้งานที่มีฝนตกชุก ความชื้นสูง
-สถานที่ใช้งานที่มีโอกาส มีโอกาสเสี่ยงต่อความเสียหายของตัวถังรถยนต์ อาทิเช่น ใช้งานภายในโรงงาน อุตสาหกรรม หรือสถานที่ก่อสร้างอาคาร
-ผู้ที่อยากเก็บกระบะท้ายของเดิมที่ติดกับตัวรถยนต์ตั้งแต่ตอนออกรถมา นำกลับมาจัดตั้งตอนขายต่อรถยนต์ เพื่อให้ได้ราคาดีเพราะว่ากระบะท้ายมีสภาพสมบูรณ์ไม่ผ่านการใช้งาน
-กระบะด้านหลังของเดิมชำรุด เสียหาย เปลี่ยนเป็นกระบะท้ายสแตนเลสเพื่อการใช้งานที่ยาวนาน
-ต้องการใช้งานกระบะท้ายแบบเต็มประสิทธิภาพ ไม่ต้องมีปัญหาจุกจิกกวนใจภายหลัง

ทั้งนี้นั้นการเลือกใช้กระบะท้ายสแตนเลส ขึ้นอยู่กับความพอใจ และความปรารถนาของผู้ใช้งานเป็นหลัก ว่าเหมาะสมกับการใช้งานหรือความชื่นชอบของผู้ใช้งานหรือไม่ เนื่องจากท้ายสุดแล้วก็ใช้บรรทุกของได้เหมือนๆกัน แม้กระนั้นหากมองที่ความคุ้มค่า การใช้งาน อายุการใช้งาน ปัญหาในอนาคตแล้ว ยังไงกระบะท้ายสแตนเลส สามารถตอบโจทย์เรื่องพวกนี้ได้ดีมากว่า ถ้าหากดูเรื่องราคา ใช่ กระบะท้ายสแตนเลส มีราคาที่สูงกว่า แต่ว่าหากคำนวณดู จากความคุ้มค่า การใช้งาน ความคงทน และก็ราคาขายต่อในอนาคตแล้ว อะไหล่รถ กระบะท้ายสแตนเลสก็ยังมีความคุ้มค่ากว่า ท้ายกระบะเหล็ก ทั้งนี้นั้นแล้วขึ้นกับความพึงพอใจของผู้ใช้งานเป็นหลัก
 
 
#8750


บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ร่วมกับ กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. เปิดช่องทางอำนวยความสะดวกการส่งเงินออมให้กับสมาชิก กอช. ผ่านบริการ Bank@POST โดยสามารถส่งเงินออม ได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ใกล้บ้าน โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม และสามารถนำส่งเงินออมสะสมได้ 1 ครั้ง/เดือน ตั้งแต่ 50 บาทขึ้นไป และต้องมียอดเงินออมสะสมรวมกันสูงสุดไม่เกิน 13,200 บาท/ปี ทั้งนี้ สมาชิก กอช. สามารถเริ่มส่งเงินได้ผ่านเครือข่ายที่ทำการไปรษณีย์ และเคาน์เตอร์ไปรษณีย์ กว่า 1,500 แห่ง ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป

นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า จากการที่ไปรษณีย์ไทยมีเครือข่ายที่ทำการที่ครอบคลุมอยู่ทั่วประเทศ จึงได้ใช้ช่องทางดังกล่าวในการให้บริการธุรกรรมทางการเงินกับภาคประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้จับมือกับกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช.เปิดบริการให้ประชาชนสามารถนำส่งเงินสะสมกองทุนการออมแห่งชาติ ได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ     


โดยความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการนำจุดแข็งด้านเครือข่าย มาช่วยส่งเสริมพฤติกรรมการออมเงินของคนไทย ผ่านการอำนวยความสะดวกด้วยการเพิ่มทางเลือกการออมเงินให้แก่สมาชิก กอช. โดยไปรษณีย์ไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มชาวบ้าน แม่ค้าพ่อค้า หรือกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ ให้สามารถนำส่งเงินออมได้ง่ายขึ้น เพื่อการมีเงินออมที่สามารถเก็บไว้ใช้ได้รายเดือนเมื่อยามอายุ 60 ปี  โดยสามารถเริ่มนำส่งเงินกับไปรษณีย์ไทยเริ่มต้นเพียง 50 บาท โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการนำส่งเงินใด ๆ ทั้งสิ้น

"อย่างไรก็ตาม ทไปรษณีย์ไทยได้มีการต่อยอดการให้บริการ Bank@POST ที่ไปรษณีย์ไทยเปิดรับฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารกว่า 10 ธนาคาร ณ ที่ทำการไปรษณีย์ โดยเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2554 และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มประชาชนในพื้นที่ภูมิภาค หรืออยู่ในพื้นที่ห่างไกล และไม่สะดวกในการเดินทางไปทำธุรกรรมที่ธนาคาร ให้สามารถมาฝากเงินที่ไปรษณีย์แทน" 

ด้าน นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวว่า กอช. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาช่องทาง ยกระดับการเข้าถึงบริการออมเงินของประชาชนคนไทยมาโดยตลอด และในปีนี้ กอช. ร่วมกับ ไปรษณีย์ไทย เพิ่มหน่วยบริการแก่สมาชิกผ่านเครือข่ายที่ทำการไปรษณีย์ และเคาน์เตอร์ไปรษณีย์ กว่า 1,500 แห่ง ทั่วประเทศ ให้สมาชิกสามารถออมเงินได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และฟรีค่าธรรมเนียมอีกด้วย  สำหรับสมาชิก กอช. ที่ต้องการนำส่งเงินออมสะสม ง่ายๆ เพียงแจ้งเลขบัตรประชาชน 13 หลัก หรือนำบัตรประชาชนตัวจริงมาแสดง หรือยื่นบาร์โค้ดในแอปพลิเคชัน กอช. เพื่อทำรายการ โดยสามารถนำส่งเงินออมสะสมได้ 1 ครั้ง/เดือน ตั้งแต่ 50 บาทขึ้นไป และต้องมียอดเงินออมสะสมรวมกันสูงสุดไม่เกิน 13,200 บาท/ปี (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ พ.ร.บ. กอช. กำหนด) สมาชิกสามารถดูยอดเงินออมสะสม เงินสมทบที่ได้จากรัฐผ่านแอปพลิเคชัน "กอช." ได้ด้วยตนเอง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองทุนการออมแห่งชาติ  สายด่วนเงินออม โทร. 02-049-9000
#8751


นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า สสว. ได้นำแนวคิดการให้บริการสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจ (Business Development Service : BDS) ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในต่างประเทศ มาปรับใช้กับประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยได้ดำเนินโครงการนำร่องร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ภายใต้โครงการพัฒนาระบบให้เอกชนสามารถเป็นหน่วยงานส่งเสริม MSME เพื่อแก้ปัญหาการพัฒนาที่ผ่านมาที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ ดังนั้น BDS จึงเป็นกลไกการสนับสนุนให้ผู้ให้บริการทางธุรกิจภาคเอกชน สามารถมีบทบาทในการยกระดับศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ MSME ให้ตรงความต้องการของผู้ประกอบการมากขึ้น และสร้างความมั่นใจแก่ผู้ประกอบการที่จะใช้บริการเนื่องจากได้รับการการันตีจากหน่วยงานกลางแล้ว โดยโครงการดังกล่าวยังสามารถตอบโจทย์ในการลดภาระค่าใช้จ่ายช่วยเหลือผู้ประกอบการในภาวะวิกฤติเช่นนี้ด้วย

"สำหรับโครงการนำร่องที่ดำเนินการร่วมกับ ส.อ.ท. ในครั้งนี้ เป็นการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรับบริการต่อผู้ประกอบการ MSME รายละ 100,000 บาท จ่ายจริงตามสัดส่วนการสนับสนุนที่ผู้ประกอบการเลือกรับบริการ วิสาหกิจรายย่อย (Micro) สนับสนุน 90% วิสาหกิจขนาดย่อม (Small) สนับสนุน 70% และวิสาหกิจขนาดกลาง (Medium) สนับสนุน 50%" นายวีระพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ได้คัดเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสมกว่า 114 บริการ ให้ผู้ประกอบการเลือกใช้ ครอบคลุมด้านการเพิ่ม Productivity มาตรฐาน การบริหารจัดการ บัญชีภาษี และการตลาด ทั้งในรูปแบบของแพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์ สื่อประชาสัมพันธ์ การวิจัยตลาด และการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาด โดยได้ผู้ให้บริการที่มีคุณภาพรวบรวมไว้ในที่เดียวกัน อาทิ สถาบันอาหาร, สมาคมบัญชีคุณภาพ, บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย, บริษัท นิภาเทคโนโลยี จำกัด, บริษัท วีอาร์ทวินส์ จำกัด, บริษัท ทีค รีเสิร์ช จำกัด, บริษัท พี ยู ยู เอ็น อินเทลลิเจนท์ จํากัด, บริษัท สปริง บีนส์ จำกัด, บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

โดยสามารถสนับสนุนผู้ประกอบการได้แล้วกว่า 137 ราย สนับสนุนงบประมาณดำเนินงานไปแล้วกว่า 10 ล้านบาท เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 65 ล้านบาท โดยบริการที่ผู้ประกอบการนิยมและต้องการในลำดับต้นๆ ได้แก่ ช่องทางการขาย เครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ และการตรวจมาตรฐานต่างๆ"

"ความร่วมมือของ สสว.กับ ส.อ.ท. ในครั้งนี้ ถือว่า มีผลการตอบรับจากผู้ประกอบการรวมถึงผลลัพธ์ที่ออกมาค่อนข้างน่าพอใจ และในปี 2565 สสว. ยังจะเดินหน้าใช้แนวคิด BDS ในการสนับสนุนผู้ประกอบการต่อไป แต่อาจจะต้องปรับแก้ไขบางส่วนเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสามารถติดตามข่าวสารการช่วยเหลือผู้ประกอบการต่างๆ ของ สสว.ได้ที่ www.sme.go.th  หรือแอปลิเคชัน SMECONNEXT หรือ สสว. คอลเซ็นเตอร์ โทร. 1301" ผอ.สสว. กล่าว
#8752
สินค้ามือสอง ราคาถูกมาก!!!!!
#8753


เสียวหมี่ โหมหนัก 'Smartphone x AIoT' สมาร์ทโฟนและดีไวซ์ต้องไม่ธรรมดา เชื่อมจักรวาลอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ที่ไร้รอยต่อ หนุนรายได้ไตรมาส 2 พุ่ง 64% ตลาดต่างประเทศ "แกร่ง" รั้งเบอร์ 1 ไทย และเบอร์ 2 โลก "จับตา 15 ก.ย.นี้" ทัพผลิตภัณฑ์ใหม่จ่อคิวเซอร์ไพร์ส

จับตาอย่าให้กระพริบ เมื่อ เสียวหมี่ ยังปลุกกลยุทธ์ 'Smartphone x AIoT' อย่างต่อเนื่อง สมาร์ทโฟนและดีไวซ์ที่ต้องไม่ธรรมดา เชื่อมอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ได้อย่างไร้รอยต่อ และความกร้าวแกร่งในกลยุทธ์แบรนด์คู่ หรือ Dual Brand Strategy ระหว่าง Xiaomi และ Redmi รวมถึงการทุ่มลงทุนในเทคโนโลยีชั้นสูง ส่งผลให้รายได้ไตรมาส 2 เติบโตพุ่ง 64% ทุกกลุ่มธุรกิจ ผลประกอบการสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ตัวเลขเติบโตในตลาดต่างประเทศ "แข็งแกร่ง" รั้งเบอร์ 1 ตลาดยุโรป ตลาดไทย และรั้งอันดับ 2 สมาร์ทโฟนโลก

เมื่อเร็วๆ นี้ เสียวหมี่ ก้าวขึ้นสู่อันดับ 338 บนฟอร์จูนโกล. 500 ขึ้นเป็นองค์กรที่เติบโตเร็วที่สุดในปี 2021 ในหมวดหมู่อินเทอร์เน็ตและการค้าปลีก การเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นพรีเมียม การขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ และแผนการค้าปลีกแบบใหม่ ผลักดันการเติบโต ให้เสียวหมี่เข้าไปติดอยู่ในรายชื่อฟอร์จูน 500 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน

ครั้งนั้น เหลย จุน ซีอีโอ Xiaomi บอกว่า "หากเปรียบเทียบกับความสำเร็จที่ผ่านๆ มา ผมมุ่งเน้นการเติบโตทางด้านศักยภาพของพวกเรามากขึ้น เสียวหมี่ยังคงเป็นบริษัทที่ใหม่มากแต่ก็เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจมากมาย ผมอยากขอบคุณแฟนๆ ของเสียวหมี่ทั่วโลกอย่างใจจริง เพราะแรงสนับสนุนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของพวกเขา ทำให้เสียวหมี่ของเรามีชีวิตชีวา และเต็มไปด้วยพลังเสมอมา ผมคิดว่านี่ยังไม่ถึงขีดจำกัดของเสียวหมี่และผมมั่นใจว่าผู้คนจะต้องได้เห็นเสียวหมี่ในรูปแบบที่ทั้งแข็งแรงและมีพลังมากขึ้นกว่าเดิมในอนาคต และเราจะต้องไปถึงสถิติที่โดดเด่นกว่าเดิมบนฟอร์จูน โกล.ในปีหน้าอย่างแน่นอน"

มีรายงานว่า วันที่ 15 ก.ย.นี้ เสียวหมี่ เตรียมขนทัพผลิตภัณฑ์ใหม่เขย่าโลกดิจิทัลอีกครั้ง และมาลุ้นกันว่า เสียวหมี่ จะตัดสินใจ ทิ้งแบรนด์ Mi จริงหรือไม่ เพราะข่าวก่อนหน้านี้ระบุว่า เสียวหมี่ กำลังตัดสินใจรีแบรนด์ดิ้ง และมีความเป็นไปได้สูงที่จะตัดชื่อแบรนด์ "Mi" ออกจากทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ที่จะเปิดตัวในอนาคต อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่คาดว่า จะเปิดตัวในงานนี้ ยังคงมีชื่อ Mi  

คาดการณ์ ผลิตภัณฑ์ใหม่ เรือธงแบบฉบับ Xiaomi ที่จะได้เห็นในวันที่ 15 ก.ย.นี้ 

-Xiaomi Mi 11T

-Xiaomi smart home gadgets

-Xiaomi Mi Pad 5

-Xiaomi Mi Note 11

-Xiaomi Mi 11 Lite - again

-Xiaomi Mi 12

ไตรมาส 2 ทุกกลุ่มโชว์เหนือ

ล่าสุด เสียวหมี่ ที่วาง position ตัวเองว่า เด่นเรื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค และอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะ แข็งแกร่งด้านสมาร์ทโฟน และสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เปิดเผยรายได้ช่วงไตรมาส 2 อย่างแช่มชื่น 

ไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 เสียวหมี่มีรายได้กว่า 87.8 พันล้านหยวน เติบโตขึ้น 64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรหลังการปรับปรุงอยู่ที่ 6.3 พันล้านหยวน เติบโตขึ้น 87.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นับว่ารายได้รวมและกำไรหลังการปรับปรุงสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสนี้ 

ตัวเลขไฮไลต์ของช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 มีดังนี้

• รายได้รวม 87,789 ล้านหยวน เติบโต 64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

• กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 15,148.1 ล้านหยวน เติบโต 96.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

• กำไรหลังการปรับปรุงอยู่ที่ 6,321.5 ล้านหยวน โตขึ้น 87.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ตัวเลขไฮไลต์ครึ่งปีแรกของ 2564 มีดังนี้

• รายได้รวม 164,671.2 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 59.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

• กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 29,309.4 ล้านหยวน เติบโต 92.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

• กำไรหลังการปรับปรุงอยู่ที่ 12,390.8 ล้านหยวน โตขึ้น 118.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ถ้อยแถลงของ เสียวหมี่ ระบุว่า  "ไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 กลยุทธ์ 'Smartphone x AIoT' ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของพวกเรา ต่อจากนี้ เสียวหมี่จะเดินหน้าไปกับกลยุทธ์แบรนด์ควบคู่ หรือ Dual Brand Strategy และเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีชั้นสูง อีกทั้งจ้างงานและพัฒนากลุ่มผู้มีทักษะทั้งหลาย ตลอดจนพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย และยกระดับการให้บริการพรีเมียมสมาร์ทโฟนรวมถึงประสบการณ์ผู้ใช้งาน


กลยุทธ์ 'Smartphone x AIoT' - สู่อันดับ 2 สมาร์ทโฟนโลก 

เราจะยังยึดถือกลยุทธ์หลักของเรา 'Smartphone x AIoT' โดยทำงานอย่างทุ่มเทเพื่อพัฒนานวัตกรรมชั้นสูงรวมถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยในทุกกลุ่มสินค้า นอกจากนี้ เสียวหมี่จะพัฒนาระบบการเชื่อมต่อระหว่างสมาร์ทโฟนและสินค้า AIoT เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้งานอย่างสมบูรณ์ในทุกกลุ่มสินค้าและยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนบนโลกนี้ให้ดียิ่งขึ้น"

ผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 การส่งมอบสมาร์ทโฟนทั่วโลก ส่งผลให้เสียวหมี่ขึ้นแท่นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับที่ 2 และด้วยนวัตกรรมและคุณภาพที่ดีของสินค้า เสียวหมี่ได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมอย่างแท้จริง 

ผลจากการที่เสียวหมี่มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง มีการจ้างงานและพัฒนาทักษะพนักงาน รวมถึงพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า ธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่จึงเติบโตขึ้นอย่างมากในไตรมาสที่สองของปี 2564

เห็นได้จากรายได้และยอดการส่งมอบที่ทุบสถิติ ซึ่งรายได้รวมจากการขายสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 59.1 พันล้านหยวน แสดงให้เห็นถึงอัตราการเติบโต 86.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เสียวหมี่ส่งมอบสมาร์ทโฟนกว่า 52.9 ล้านเครื่อง เพิ่มสูงขึ้น 86.8% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

ตามรายงานของ Canalys พบว่า การส่งมอบสมาร์ทโฟนทั่วโลกของเสียวหมี่ได้ไต่ขึ้นไปอยู่อันดับสอง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของไตรมาสนี้ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 16.7% 

การส่งมอบสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในประเทศจีนก็เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน ทั้งพบว่าในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศจีนเพิ่มขึ้นเป็นเป็น 16.8% จาก 10.3% เมื่อไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 จึงทำให้เสียวหมี่ขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 3 ด้วยการเติบโตขึ้น 35.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในด้านการส่งมอบสมาร์ทโฟน นับได้ว่าเป็นการเติบโตในอัตราที่สูงที่สุดในหมู่บรรดาผู้เล่นหลักในตลาด 

กลยุทธ์ Dual Brand Strategy

กลยุทธ์ Dual Brand Strategy ภายใต้แบรนด์เสียวหมี่ ยังคงแข็งแกร่ง Xiaomi และ Redmi มีรุ่นใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่ง ขณะที่ เสียวหมี่ มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม ไตรมาสแรก เสียวหมี่ ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจาก Xiaomi 11 Pro, Xiaomi 11 Ultra และ Xiaomi MIX FOLD ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว 

และเมื่อ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา เสียวหมี่เปิดตัว Xiaomi MIX 4 สมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีกล้องใต้จอแสดงผลอย่างเต็มรูปแบบ จากข้อมูลของแหล่งอ้างอิงภายนอก ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ส่วนแบ่งทางการตลาดของสมาร์ทโฟนของ เสียวหมี่ในประเทศจีน ซึ่งมีราคาวางจำหน่ายอยู่ในช่วง 3,000 หยวนถึง 4,000 หยวน และ 4,000 หยวนถึง 5,000 หยวน รวมถึงกลุ่ม 5,000 หยวนขึ้นไป ได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ครึ่งแรกของปี 2564 การส่งมอบสมาร์ทโฟนทั่วโลกที่มีราคาจำหน่ายมากกว่า 3,000 หยวนขึ้นไปในประเทศจีน และ 300 ยูโรหรือเทียบเท่าในตลาดต่างประเทศ ได้มีการส่งมอบไปแล้วกว่า 12 ล้านเครื่อง ซึ่งเกินกว่ายอด 10 ล้านเครื่องในปี 2563 ทั้งปีที่ได้เคยส่งมอบไป 

แบรนด์ Redmi ยังคงมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง ยอดส่งมอบ Redmi Note Series ทั่วโลกได้ทะลุไปกว่า 200 ล้านเครื่อง แสดงให้เห็นถึงการตอบรับแบรนด์ Redmi อย่างดีจากผู้ใช้งานส่วนใหญ่ รวมถึงยังสะท้อนคุณภาพที่ดีของสินค้าอีกด้วย โดยในวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา เสียวหมี่ได้เปิดตัว Redmi Note 10 Series ในประเทศจีน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ใช้งาน 

เสี่ยวหมี่ วางกลยุทธหลัก "Smartphone x AIoT" เพื่อยกระดับการเชื่อมต่อในทุกอุปกรณ์อัจฉริยะ ไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 สินค้าไลฟ์สไตล์และ ผลิตภัณฑ์ AIoT ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตอย่างมั่นคง โดยรายได้รวมเพิ่มขึ้นกว่า 35.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือที่ 20.7 พันล้านหยวน

สมาร์ททีวี ของเสียวหมี่  ส่งมอบไปกว่า 2.5 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งนับได้ว่าเสียวหมี่สามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดไว้ได้ จากการรายงานของ All View Cloud ("AVC") การส่งมอบทีวีของเสียวหมี่ครองอันดับหนึ่งในประเทศจีนติดกันเป็นไตรมาสที่สิบ และยังรั้งอยู่ในห้าอันดับแรกของโลกเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์และ AIoT ของเสียวหมี่ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดต่างประเทศ โดยรายได้จากสินค้ากลุ่มนี้ในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 93.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในช่วงปีก่อน สินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดนี้มี อาทิ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า สมาร์ททีวี สมาร์ทแบนด์ และ สมาร์ทวอทช์ เป็นต้น

ยิ่งไปกว่านั้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564  เสียวหมี่ มีจำนวนผลิตภัณฑ์ IoT (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) กว่า 374.5 ล้านเครื่องที่เชื่อมต่ออยู่กับแพลตฟอร์ม AIoT ซึ่งเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวนของผู้ใช้งานที่เชื่อมต่ออุปกรณ์  5 เครื่องหรือมากกว่ากับแพลตฟอร์ม (ซึ่งไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) ได้แตะ 7.4 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อย สะท้อนให้เห็นอัตราที่เพิ่มขึ้นถึง 44.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

เดือนมิถุนายนนี้เอง มีจำนวนผู้ใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะ  AI Assistant ("小愛同學") เกินกว่า 100 ล้านคนเป็นครั้งแรก โดยมีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนถึง 102 ล้านคน และจำนวนผู้ใช้งานที่เชื่อมต่อกับ Mi Home App เพิ่มขึ้นถึง 56.5 ล้านคน นับเป็นการเติบโตกว่า 38.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน

สินค้าและบริการเป็นที่ยอมรับในตลาดหลายประเทศ - ขึ้นอันดับ 1 เป็นครั้งแรกในยุโรป

ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 เสียวหมี่ยังสามารถเติบโตได้ดีในตลาดต่างประเทศ โดยสามารถส่งมอบสินค้าได้มากที่สุดเป็นประวัติกาลในตลาดหลักทั่วโลก ในไตรมาสนี้ เสียวหมี่มีรายได้จากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 81.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็น 43.6 พันล้านหยวน ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากและยังคิดเป็น 49.7% จากรายได้รวม 

Canalys พบว่า ส่วนแบ่งทางการตลาดของเสียวหมี่ในไตรมาสนี้ติดห้าอันดับสูงสุดในกว่า 65 ประเทศทั่วโลก และขึ้นเป็นอันดับหนึ่งใน 22 ประเทศ โดยใน 10 ประเทศเหล่านั้น เสียวหมี่ได้ขึ้นอันดับหนึ่งเป็นครั้งแรก

เสียวหมี่ยังคงพยายามเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดสำคัญด้วย

-เสียวหมี่ขึ้นอันดับหนึ่งในทวีปยุโรปเป็นครั้งแรก ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 28.5% ในไตรมาสที่ 2

-โซนยุโรปตะวันตก ส่วนแบ่งทางการตลาดของสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ขึ้นไปถึง 22.2% และยังติดอยู่ในสามอันดับแรก 

-เสียวหมี่ขึ้นอันดับหนึ่งเป็นไตรมาสที่สามติดต่อกันในโซนยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 36.4%

-ในสเปน เสียวหมี่ขึ้นอันดับหนึ่งติดกันกว่า 6 ไตรมาส มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 41.2%

-ในอิตาลีและประเทศฝรั่งเศส เสียวหมี่ขึ้นอับดับหนึ่งเป็นครั้งแรกโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 35% และ 29.7% ตามลำดับ

-ในเยอรมนี เสียวหมี่ยังสามารถรั้งสามอันดับแรกไว้ได้ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 15.2%

นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในตลาดเกิดใหม่ การเติบโตที่รวดเร็วของสินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟน

-ตลาดลาตินอเมริกาช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ยอดส่งมอบเพิ่มขึ้น 324.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเสียวหมี่ได้ติดอยู่สามอับดับแรก 

-ในตลาดกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาก็เพิ่มขึ้น 20.9% และ 8.5% ตามลำดับ

-ส่งมอบสินค้าให้แก่ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างดีเยี่ยม เป็นอันดับหนึ่งและมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 28.2%

กลุ่มธุรกิจเสียวหมี่ยังคงมีความพยายาม ที่จะยกระดับช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ในตลาดต่างประเทศ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 เสียวหมี่ได้จำหน่ายสมาร์ทโฟนไปแล้วกว่า 10 ล้านเครื่องผ่านช่องทางการขายออนไลน์ในตลาดต่างประเทศ ยกเว้นประเทศอินเดีย  ซึ่งนับได้ว่าเป็นการเติบโตกว่า 60% เมื่อเทียบกันกับช่วงเดียวของปีที่แล้ว 

การเติบโตอย่างแข็งแกร่งเกิดจากความพยายามอย่างไม่ลดละในการคิดค้นนวัตกรรมสินค้าเทคโนโลยีและพัฒนาผู้เชี่ยวชาญ คือ จุดแข็งของเสียวหมี่ ที่พยายาม มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูงเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 นี้ ในรายงานระบุว่า  เสียวหมี่ได้ทุ่มงบวิจัยและพัฒนาไปกว่า 3.1 พันล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 56.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในเดือนกรกฎาคม 2564 กลุ่มธุรกิจเสียวหมี่ได้ลงทุนในโรงงานอัจฉริยะ Changping Smart Factory ในเขต Chang-ping กรุงปักกิ่ง นอกจากจะมีใช้เพื่อการผลิตสินค้าแล้ว บริเวณนี้จะยังถูกสร้างเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาสินค้า ควบคู่ไปกับโรงงานอัจฉริยะ Yizhuang Smart Factory

เสียวหมี่ตั้งเป้าให้ Changping Smart Factory ผลิตสมาร์ทโฟนระดับ พรีเมียมกว่า 10 ล้านเครื่องต่อปี และยังเชื่อมั่นว่าโรงงานอัจฉริยะนี้จะสามารถยกระดับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ตลอดจนสามารถยกระดับความสามารถในการผลิต และปฏิวัติอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศจีนอย่างรวดเร็ว 

รั้งเบอร์ 1 ตลาดสมาร์ทโฟนไทย 

ส่วนตลาดในประเทศไทย แน่นอนว่า เสียวหมี่ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ไม่เฉพาะโปรดักส์เด่นอย่าง สมาร์ทโฟน แต่อุปกรณ์ดีไวซ์ต่างๆ มากมาย ชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ ก็ได้รับการยอมรับที่น่าประทับใจเช่นกัน  

รายงานของบริษัทวิจัย Canalys เผยว่า เสียวหมี่ ประเทศไทย ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศไทยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 เป็นครั้งแรก ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 21% พร้อมครองแชมป์อัตราการเติบโตสูงถึง 200% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนี้ จากรายงานของ 4 บริษัทวิจัยตลาดชั้นนำ พบว่า เสียวหมี่ก้าวขึ้นเป็นอันดับ 2 ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก

โจนาธาน คัง ผู้จัดการ เสียวหมี่ ประเทศไทย กล่าวว่า "ขอบคุณเสียวหมี่แฟน, ลูกค้า, พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ และผู้สนับสนุนที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของแบรนด์สมาร์ทโฟนในประเทศไทย

ความสำเร็จในครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคชาวไทยมีให้แบรนด์เสียวหมี่ โดยเราจะยังคงเดินหน้าพัฒนาในทุกๆ ด้านต่อไป ซึ่งนับตั้งแต่เสียวหมี่วางจำหน่ายสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมรุ่นแรก คือสมาร์ทโฟนตระกูล Mi 10

เสียวหมี่ลงทุนด้านที่สำคัญหลายด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยีกล้อง หน้าจอ ระบบชาร์จ กระบวนการผลิตแบบอัจฉริยะ และอื่นๆ อีกจำนวนมาก นอกจากนี้ยังลงทุนอีกหลากหลายด้านเพื่อก้าวเข้าสู่ตลาดระดับพรีเมียมด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีอันล้ำหน้าสู่มือของผู้บริโภค และเป็นผู้กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน"
#8754


ไบรสัน เดอชอมโบ นักกอล์ฟมือ 6 ของโลกชาวอเมริกัน รักษาเก้าอี้ผู้นำศึก บีเอ็มดับเบิลยู แชมเปียนชิพ อย่างเหนียวแน่น หลังเก็บสกอร์รวมเพิ่มเป็น 21 อันเดอร์พาร์ เมื่อจบรอบสาม ก่อนเตรียมตัวลุ้นหยิบแชมป์กลับบ้านในรอบสุดท้าย

ศึกกอล์ฟ พีจีเอ ทัวร์ รายการ บีเอ็มดับเบิลยู แชมเปียนชิพ ชิงเงินรางวัลรวม 9.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 311 ล้านบาท) ณ สนาม เคฟส์ วัลเลย์ กอล์ฟ คลับ ระยะ 7,226 หลา พาร์ 71 แมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา โดยวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นการดวลสวิงรอบสาม

ปรากฏว่า ไบรสัน เดอชอมโบ สวิงหนุ่มเจ้าบ้าน ยังเกาะตำแหน่งผู้นำเหนียวแน่น หลังลงสนามไปตี 5 อันเดอร์ จากการตี 5 เบอร์ดีกับ 2 อีเกิล แม้พลาดเสีย 2 โบกีและ 1 ดับเบิลโบกี แต่สกอร์ที่ได้มาก็ยังส่งให้เจ้าตัวเก็บเพิ่มเป็น 21 อันเดอร์พาร์ นำจ่าฝูงต่อโดยมี แพทริค แคนท์เลย์ เพื่อนร่วมชาติ ขึ้นมาแชร์เก้าอี้ร่วมกันอีกคน

'ช่วง 9 หลุมแรกผมเล่นดีมากเลย แต่ช่วงหลังก็รู้สึกว่าไม่ดีเท่าไหร่ แตก็ยังโอเค จากนี้ไปต้องทำความสะอาดไม้กอล์ฟสักหน่อย' โปรหนุ่มวัย 27 ปี กล่าวหลังจบวันที่สาม

ส่วนผลงานมือดังคนอื่น รอรีย์ แม็คอิลรอย ซูเปอร์สตาร์ชาวไอริช กระโดดขึ้นมาอยู่ที่ 4 มีลุ้นแบบเล็กๆ หลังเก็บเพิ่มเป็น 17 อันเดอร์พาร์ ตามหลัง 4 สโตรก และ จอน ราห์ม มือ 1 โลก และผู้นำวันแรก ตกไปที่ 8 หลังสกอร์มี 16 อันเดอร์พาร์ แต่ก็ยังมีโอกาสแซงเป็นแชมป์หากโชว์ฟอร์มดีวันสุดท้าย
#8755


คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี เปิดกิจกรรมปฐมนิเทศโครงการพัฒนาสมรรถนะการจัดการ โรงเรียนต้นแบบการใช้ภาษาต่างประเทศทั้งครูผู้สอนและนักเรียนในเขตพื้นที่ อีอีซี (การใช้ภาษาอังกฤษ-จีน) ในระดับมัยธยมศึกษาและโรงเรียนเครือข่าย ภายใต้โครงการกองทุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 2563 - 2564 เพื่อยกระดับการจัดการศึกษาสู่ ระดับสากลในการใช้ภาษาต่างประเทศ 

อีอีซี ได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยบูรพา ขับเคลื่อนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ในมิติด้านการศึกษา โดยการพัฒนาเทคนิคการสอนและเพิ่มเติมองค์ความรู้รายวิชาภาษาอังกฤษและภาษาจีนให้แก่กลุ่มครู มุ่งสร้างเครือข่ายของครูในพื้นที่ และพัฒนาให้เป็นครูต้นแบบ ขยายองค์ความรู้ไปยังภายในและภายนอกโรงเรียน 

โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาในพื้นที่อีอีซีกว่า 17 แห่ง แบ่งเป็นกลุ่มโรงเรียน 13 แห่ง และวิทยาลัย 4 แห่ง มีครูที่สอนภาษาอังกฤษและภาษาจีนรวมกว่า 60 คน และมีนักเรียนในสังกัด รวมกว่า 28,000 คน
#8759


บริษัท ทีไอจีเอ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ประกาศเปลี่ยนเสียงนักพากย์การ์ตูนยอดนักสืบจิ๋วโคนัน หลัง "น้าตุ๊ก" คุณอรุณี นันทิวาส ยกเลิกงานพากย์ จะมีผลตอนที่ 1019 เป็นต้นไป

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. บริษัท ทีไอจีเอ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (TIGA ENTERTAINMENT CO., LTD.) เจ้าของลิขสิทธิ์ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ออกประกาศถึงแฟนๆ อนิเมะ "ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน" ลงในเพจ "Tiga" เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเสียงนักพากย์ 'โคนัน' หลัง 'น้าตุ๊ก' ยกเลิกงานพากย์ มีผลตอนที่ 1019 เป็นต้นไป โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า

"บริษัท ทีไอจีเอ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ผู้ถือลิขสิทธิ์ในการแพร่ภาพแพร่เสียงผ่านทางเคเบิลทีวี และอินเทอร์เน็ต "ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะซีรีส์ ปี 20" ในประเทศไทย ขอประกาศให้ทราบว่าตั้งแต่ตอนที่ 1019 เป็นต้นไป ทางบริษัทฯ มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเสียงนักพากย์หลัก "เอโดงาวะ โคนัน" และตัวละครอื่นๆ ที่คุณอรุณี นันทิวาส ได้พากย์เสียงไว้ เนื่องจากนักพากย์ขอยกเลิกงานพากย์ด้วยเหตุผลส่วนตัว โดยจะเปลี่ยนเสียงเป็นนักพากย์ท่านใหม่ คือ คุณนภัสวรรณ์ วัชรีวงศ์ ณ อยุธยา

ทางบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณ คุณอรุณี นันทิวาส (น้าตุ๊ก) ที่แฟนๆ โคนันคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ที่มอบความสุขให้แก่แฟนๆ "ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน" มาอย่างยาวนาน

จึงเรียนมาเพื่อทราบ และขอขอบคุณที่ให้การสนับสนุน "ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะซีรีส์" ด้วยดีเสมอมา"
#8760


คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังโปรตุกีส ยอมหั่นค่าจ้างปีละ 6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 270 ล้านบาท) เพื่อย้ายจาก ยูเวนตุส กลับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

จอร์จ เมนเดน เอเยนต์ส่วนตัว เรียกร้องค่าเหนื่อยของ โรนัลโด้ 20 ล้านปอนด์ (900 ล้านบาท) ต่อปี ตกสัปดาห์ละ 385,000 ปอนด์ (17 ล้านบาท) เพื่อให้การเจรจาแบบสายฟ้าแล่บเสร็จสิ้นก่อนปิดตลาด วันที่ 31 สิงหาคม เปรียบเทียบกับค่าแรง ที่อิตาลี สัปดาห์ละ 500,000 ปอนด์ (22.5 ล้านบาท) รวมปีละ 26 ล้านปอนด์ (1,170 ล้านบาท)

ด้วยมูลค่าดังกล่าว ยังเพียงพอผลักดันให้ เจ้าของรางวัล "บัลลง ดอร์" 5 สมัย กลายเป็นผู้เล่นค่าจ้างแพงสุดของสโมสร แทน ดาบิด เด เคอา นายทวารชาวสเปน ซึ่งรับอยู่ 375,000 ปอนด์ (ประมาณ 16.9 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์

แหล่งข่าววงใน เผยว่า "เขาได้รับค่าเหนื่อยน้อยกว่า ที่ยูเวนตุส เมนเดส ติดต่อสโมสรชอง พรีเมียร์ ลีก หลายแห่ง เกี่ยวกับการย้ายทีมและเงื่อนไขของ โรนัลโด้ ชั่วขณะหนึ่งเกิดความเชื่อว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี จะเป็นตัวเต็ง"

ทว่า ทันทีที่ ยูไนเต็ด รับทราบว่า ปีกจอมถล่มประตูวัย 36 ปี จะแยกทาง "เบียงโคเนรี" จริงจัง ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ (900 ล้านบาท) จึงดำเนินการซื้อ-ขายอย่างรวดเร็ว

"ปิศาจแดง" ยังคงรอเปิดตัว กัปตันทีมชาติโปรตุเกส อย่างเป็นทางการ ถึงแม้ประกาศบรรลุข้อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว วันศุกร์ที่ผ่านมา (27 ส.ค.)

คาดว่า โรนัลโด้ จะรับการตรวจร่างกาย ที่เมืองลิสบอน และลงเล่นเกมแรก พบ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด วันที่ 11 กันยายน ขณะที่นักเตะสำรองอย่าง แดเนียล เจมส์ อาจถูกปล่อยยืมตัว