• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - iammu

#41


ประตูคือหน้าด่านที่จะพาคุณ ๆเข้ามาในบ้าน และห้องต่าง ๆ ภายในบ้าน ซึ่งในบ้านก็จะมีแยกห้องต่าง ๆ ออกไปอีกหลายห้อง ดังนั้นการเลือกประตูบ้านที่มีความสวยงาม แข็งแรง ปลอดภัย จึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสนใจไม่แพ้เรื่องอื่น ๆ ครั้งนี้เราก็มีแบบของการติดตั้งประตูบ้านลักษณะต่าง ๆ มาฝากกัน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่าควรจะออกแบบประตูบ้านในแต่ละจุดให้เป็นรูปแบบใดถึงจะถูกใจและเหมาะสมมากที่สุด 
   

รูปแบบของการติดตั้งประตูแบบต่าง ๆ 
· แบบบานเปิด มีลักษณะการใช้งานเป็นบานเปิด โดยจะใช้การเปิดเข้าหรือเปิดออกทางฝั่งเดียวเท่านั้น ซึ่งแบบบานเปิดนี้ก็เป็นรูปแบบที่เราสามารถพบเห็นได้บ่อยที่สุด สามารถติดตั้งได้สะดวก จึงนิยมนำมาใช้ทั่วไปในเกือบทุกตำแหน่งของบ้าน แต่ก็มีข้อเสียในเรื่องของพื้นที่การใช้งาน เนื่องด้วยในการติดตั้งจะต้องมีการเว้นพื้นที่เอาไว้ให้มีช่องสำหรับการเปิดบานประตู จึงอาจไม่เหมาะสมกับห้องหรือบริเวณที่มีพื้นที่น้อยสักเท่าไหร่
· แบบบานเลื่อน มีลักษณะการเปิดด้วยการเลื่อนไปทางด้านข้าง หรือที่เรียกว่าประตูบานเลื่อนนั่นเอง โดยจะติดตั้งรางสำหรับเอาไว้เลื่อนอยู่ที่ด้านบนหรือด้านล่าง นอกจากนี้ก็ยังใช้เป็นแบบรางแขวนได้ ส่วนใหญ่วัสดุที่ใช้ก็จะเป็นอลูมิเนียมและกระจก จุดเด่นก็คือไม่เปลืองพื้นที่ในการติดตั้งจึงนิยมใช้ตามคอนโดฯหรือห้องที่มีพื้นที่ไม่กว้างมากนัก แต่ก็จะมีราคาในการติดตั้งที่แพงขึ้นมา
· แบบบานสวิง มีลักษณะคล้ายกับบานเปิดแต่จะสามารถผลักเข้าออกได้ทั้ง 2 ฝั่ง จึงเหมาะสำหรับบริเวณที่มีการเข้าออกบ่อย ๆ ดังเช่นห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น 
· แบบบานเฟี้ยม มีลักษณะเป็นบานประตูขนาดเล็กมาต่อกันเป็นบานพับ ใช้การเปิดแบบพับบานทบไปทางฝั่งใดฝั่งหนึ่งคล้ายกับการใช้ฉากกั้นห้อง นิยมติดตั้งเพื่อทำการขยายและเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างห้องโดยเมื่อเปิดออกมาก็จะทำให้พื้นที่ของทั้ง 2 ห้องเชื่อมต่อกันทำให้กว้างมากยิ่งขึ้นนั่นเอง 

นอกจากจะดูในเรื่องของรูปแบบการติดตั้งแล้ว การเลือกประตูบ้านก็ควรเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสำหรับตำแหน่งต่าง ๆ ตัวอย่างเช่นถ้าเป็นบริเวณที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านกับภายนอก ต้องเจอแดด เจอลม เจอฝน ความชื้นอยู่เป็นประจำ ก็ควรเลือกใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานต่อภาวะแวดล้อมได้ดี อย่างเช่นไฟเบอร์กลาส ไม้จริง และ WPC เป็นต้น หรือถ้าหากอยู่ภายในร่มที่ไม่โดนแดดก็อาจจะเลือกใช้วัสดุเป็น UPVC ก็ได้ ส่วนภายในบ้านก็สามารถเลือกประตูแบบสวย ๆ ได้ตามต้องการ แต่ประตูห้องน้ำควรเลือกใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานเช่น UPVC ก็เพราะว่าต้องเจอกับความชื้นอยู่บ่อยครั้งนั่นเอง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/DOW03
#42


ในยุคที่หลายคนต้องอยู่กับบ้านกันมากขึ้น แน่นอนว่าการทานข้าวที่บ้านก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ขาดไปไม่ได้สำหรับทุกคนในครอบครัว ซึ่งนอกจากจะต้องมีอุปกรณ์สำหรับทำครัวอย่างครบครันแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือหม้อหุงข้าว ยิ่งถ้าหากได้ข้าวสารคุณภาพดีก็จะยิ่งทำให้ข้าวที่หุงออกมานั้นหอมอร่อยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็จะมาเลือกหม้อหุงข้าวให้กับห้องครัวของคุณ 

ประเภทของหม้อหุงข้าว ของคู่ครัวที่ขาดไม่ได้
หม้อหุงข้าวไฟฟ้า
หม้อหุงข้าวไฟฟ้าแบ่งออกเป็นแบบฝาปิดธรรมดาซึ่งมีราคาไม่แพงและมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ โดยจะประกอบไปด้วยฝาหม้อ หม้อชั้นใน และหม้อชั้นนอก อาจมีหรือไม่มีระบบอุ่นอัตโนมัติก็ได้ ส่วนหม้อหุงข้าวไฟฟ้าอีกแบบก็คือแบบฝาล็อค ซึ่งจะมีราคาสูงขึ้นมาจากแบบธรรมดา โดยจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก โดยฝาหม้อก็จะถูกออกแบบให้อยู่ติดกับตัวมอบชั้นนอกโดยใช้บานพับ มีฉนวนกันความร้อนและฝาที่ปิดสนิทจึงสามารถเก็บความร้อนได้นานยิ่งขึ้น  

หม้อหุงข้าวดิจิตอล 
เป็นรูปแบบที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบันเนื่องจากนอกจากจะใช้หุงข้าวแล้วก็ยังสามารถประกอบอาหารได้หลากหลายมากกว่า เหตุเพราะมีระบบควบคุมอุณหภูมิและการทำงานต่าง ๆ ด้วยคอมพิวเตอร์ จึงสามารถประกอบอาหารอื่น ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นการนึ่ง การทำข้าวต้ม การทำเค้ก โดยมีโปรแกรมในการเลือกเมนูต่าง ๆ และตั้งค่าสำหรับการใช้งาน สามารถควบคุมเวลาและอุณหภูมิได้ ยิ่งไปกว่านี้ก็ยังสามารถหุงข้าวออกมาได้สวยและรวดเร็ว มีการติดตั้งสัญญาณแจ้งเตือนเมื่อหุงข้าวหรือโรงอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีการออกแบบที่สวยงามล้ำสมัยเหมาะกับครัวยุคใหม่อีกด้วย 

ในการเลือกซื้อเลือกหาหม้อหุงข้าวนอกจากจะดูที่รูปแบบการทำงานแล้ว สิ่งที่จะต้องนึกถึงด้วยก็คือจำนวนสมาชิกในบ้านว่ามีมากน้อยแค่ไหน จะได้เลือกขนาดได้อย่างพอเหมาะเพียงพอสำหรับความต้องการของสมาชิกทุกคนในครอบครัว นอกจากนี้ก็ควรจะดูไปถึงกำลังไฟฟ้าที่ใช้เพราะเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องมีการใช้งานอยู่ทุกวันและอาจจะต้องเสียบปลั๊กค้างเอาไว้เพื่อทำการอุ่นอยู่ตลอดเวลา และถ้าหากเลือกเป็นหม้อหุงข้าวดิจิตอลก็ควรที่จะดูในเรื่องของฟังก์ชันหรือเมนูต่าง ๆ ที่ให้มาว่าตอบสนองความต้องการในการประกอบอาหารของเราเองหรือไม่ อย่างเช่น สามารถหุงโจ๊กหรือข้าวต้มได้ สามารถทำขนมเค้กได้ ใช้นึ่งข้าวเหนียวได้ หรือมีเมนูหุงข้าวด่วน เป็นต้น

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP0810
#43


การนอนหลับที่ดีก็ขึ้นอยู่กับการเลือกที่ที่นอนให้เหมาะสมด้วยเช่นกัน การที่เราสามารถพักผ่อนนอนหลับได้อย่างเต็มที่ก็จะทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและมีพลังสำหรับการทำสิ่งต่าง ๆ ในแต่ละวันได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นวันนี้เราก็มีข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับการเลือกซื้อที่นอนมาฝากกัน

เลือกจากวัสดุ
สำหรับที่นอนที่วางจำหน่ายกันอยู่ในปัจจุบันก็มีให้เลือกมากมายหลายชนิด ซึ่งก็สามารถแบ่งออกได้ตามวัสดุที่ใช้ ดังนี้
· ยางพารา หรือที่เรียกกันว่าที่นอน ยางพารา นั่นเอง โดยเป็นการใช้วัสดุจากยางพาราที่มีความยืดหยุ่น มีแรงต้านสูง ไม่ยุบตัว สามารถปรับตามสรีระได้ดี จึงขึ้นชื่อในเรื่องของการนอนหลับสบายไม่ปวดหลัง แต่มีน้ำหนักค่อนข้างมากและมีราคาสูงกว่าที่นอนแบบอื่น ๆ
· นุ่น  มีน้ำหนักค่อนข้างเบา ระบายอากาศได้ดีและทำให้รู้สึกเย็น มีราคาถูก แต่สามารถเสียรูปทรงได้ง่ายและมีอายุการใช้งานที่ไม่ยาวนานนัก และเมื่อเกิดการยุบตัวก็จะทำให้ผู้นอนปวดหลังได้
· ใยมะพร้าว ข้อดีก็คือสามารถระบายอากาศได้ดี มีราคาถูก สามารถคงสภาพได้ดีพอสมควร แต่ก็ค่อนข้างจะแข็ง มีน้ำหนักมาก และมีความยืดหยุ่นน้อย เมื่อใช้ไปนาน ๆ ใยมะพร้าวก็อาจเกิดการเสื่อมสภาพและเกิดเป็นขุยหรือฝุ่นที่อาจส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจได้
· ฟองน้ำ เป็นการนำเอาฟองน้ำมาบีบอัดแล้วขึ้นรูปซึ่งส่วนมากก็มักจะนำไปผสมกับวัสดุประเภทอื่นเพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทานให้สามารถรองรับน้ำหนักในการนอนได้ดียิ่งขึ้น มีความนุ่มและมีน้ำหนักเบาแต่มีอายุการใช้งานที่สั้น ระบายอากาศไม่ดี เกิดการยุบตัวได้ง่าย
· สปริง เป็นการนำเอาสปริงมาใช้เพื่อช่วยรองรับและกระจายน้ำหนักให้ดียิ่งขึ้น ทำให้มีคุณสมบัติที่มีความยืดหยุ่นและสามารถคืนตัวได้ดี โดยจะมีความหนามากกว่าปกติทั้งนี้เพราะต้องมีการใส่สปริงเอาไว้ด้านใน นิยมนำมาใช้ร่วมกับที่นอนจากวัสดุต่าง ๆ

เลือกจากขนาด
· ขนาด 3 ฟุต (Single Size) มีขนาดกว้าง 3 ฟุต ยาว 6.5 ฟุต หรือกว้าง 91 เซ็นต์ ยาว 192 เซนติเมตร เหมาะกับห้องที่มีขนาดพื้นที่จำกัดและใช้นอนคนเดียว
· ขนาด 3.5 ฟุต (Twin Size) มีขนาดกว้างขึ้นมาเป็น 3.5 ฟุต หรือ 106 เซนติเมตร ยาว 6.5 ฟุต เหมาะสำหรับการนอนคนเดียวหรือใช้ในห้องนอนเด็ก รวมไปถึงห้องที่มีพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก และยังนิยมนำไปใช้ในโรงแรมที่เป็นเตียงแบบ Twin bed อีกด้วย
· ขนาด 5 ฟุต  (Queen Size) มีขนาดกว้างขึ้นมาเป็น 5 ฟุต ยาว 6.5 ฟุต สามารถใช้นอนได้ 2 คน หรือนอนคนเดียวแต่ต้องการพื้นที่ในการนอนมากขึ้น หรือเป็นห้องที่ต้องนอนด้วยกันสองคนแต่มีพื้นที่จำกัด ก็สามารถช่วยประหยัดพื้นที่ในการวางเตียงได้
· ขนาด 6 ฟุต ( King Size) ที่นอน 6 ฟุตถือได้ว่าเป็นขนาดที่ใหญ่ที่สุด โดยมีขนาดกว้าง 6 ฟุต ยาว 6.5 ฟุต สามารถนอนได้ 2 คน เหมาะสำหรับห้องนอนที่มีขนาดใหญ่

การเลือกที่นอนจึงควรดูในเรื่องของพื้นที่ของห้องนอนว่าสมควรจะใช้เตียงขนาดไหน ที่สำคัญก็คือควรเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ เพื่อการนอนหลับอย่างสบายตลอดทั้งคืน และตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นผ่อนคลาย ไม่รู้สึกปวดหลัง

แวะชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/BED03
 
 
#44


สนามหญ้าคือพื้นที่สีเขียวภายนอกบ้านที่ช่วยเพิ่มความผ่อนคลายสบายตา เป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรม พื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ และเพิ่มความสวยงามให้กับบริเวณบ้าน สำหรับบ้านไหนที่มีสนามหญ้า ครั้งนี้เรามีวิธีเลือกซื้อเครื่องตัดหญ้าที่เหมาะสำหรับบ้านคุณมาฝากกัน 

วิธีเลือกเครื่องตัดหญ้า ผู้ช่วยจัดการสนามหญ้าที่ควรมีติดบ้านเอาไว้ 

เครื่องตัดหญ้าไฟฟ้า
โดยมากแล้วก็จะเป็นเครื่องที่มีด้ามจับยาวเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถยืนตัดหญ้าบนสนามได้อย่างสะดวกไม่ต้องก้มให้เมื่อย มีน้ำหนักเบา สามารถใช้งานได้ง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานบนพื้นสนามหญ้าที่มีความเรียบและไม่กว้างจนเกินไป ซึ่งเครื่องตัดหญ้าไฟฟ้าก็จะมีสายไฟสำหรับเสียบปลั๊กใช้งานได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน และมีราคาถูก รวมไปถึงมีเสียงเบาไม่รบกวนเพื่อนบ้าน แต่ข้อด้อยก็จะเป็นในเรื่องของการที่เราจะต้องมีการลากสายไฟเพื่อเสียบปลั๊ก จึงอาจทำให้เกะกะและรู้สึกไม่สะดวกเมื่อต้องใช้งานอยู่บ้าง หรือสายไฟอาจยาวไม่พอถ้าหากต้องตัดหญ้าที่อยู่ในบริเวณห่างจากจุดที่เสียบปลั๊ก และจะต้องมีการพักมอเตอร์เป็นระยะเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องร้อนจนเกินไป นอกจากนี้ก็ยังไม่เหมาะสำหรับการตัดหญ้าที่ขึ้นสูงและมีความยาวมากจนเกินไปเนื่องมาจากมีกำลังของมอเตอร์ไม่เพียงพอนั่นเอง

เครื่องตัดหญ้าไร้สาย
ถือว่าเป็นการปรับปรุงจุดอ่อนของเครื่องตัดหญ้าไฟฟ้าที่ต้องมีการดึงสายไฟมาเสียบเพื่อใช้งาน ซึ่งเครื่องตัดหญ้าไร้สายก็จะเป็นการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จไฟได้ จึงทำให้สามารถเคลื่อนย้ายไปตัดหญ้าบริเวณต่าง ๆ ได้อย่างคล่องตัว มีน้ำหนักเบา จับถนัดมือจึงสามารถใช้ตัดหญ้าทั้งบนพื้นสนามและตัดแต่งต้นไม้ในแนวตั้งได้อย่างสะดวก สุภาพสตรีก็สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย  มีเสียงเบาไม่รบกวนในขณะตัดหญ้า ใช้งานสะดวก แต่จุดด้อยก็ยังคงเป็นในเรื่องของกำลังตัดที่ไม่มาก จึงไม่เหมาะสำหรับการตัดหญ้าที่ขึ้นสูงหรือมีลำต้นหนาจนเกินไป 

เครื่องตัดหญ้าแบบใช้น้ำมัน 
มีให้เลือกทั้งแบบสะพายบ่าและเป็นแบบรถเข็น เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่ ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของสายไฟแบตเตอรี่ มีความแข็งแรงทนทานให้กำลังการตัดที่ดี จึงสามารถใช้ตัดหญ้าสนามได้ทุกลักษณะแม้ในบริเวณที่มีหญ้าขึ้นสูงหรือหญ้าเปียก สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นาน แต่ข้อเสียก็คือจะมีเสียงดังในการทำงาน มีราคาแพงรวมไปถึงมีน้ำหนักมาก นอกจากนี้การสตาร์ทเครื่องยนต์ก็อาจจะค่อนข้างยุ่งยากสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยใช้งานอีกด้วย 

ดังนั้นการตัดสินใจซื้อเครื่องตัดหญ้ามาใช้งานที่บ้านก็ลองพิจารณาดูจากความกว้างของพื้นที่และชนิดของหญ้าส่วนใหญ่ที่ต้องการตัด จะได้เลือกซื้อมาใช้งานกันได้อย่างพอเหมาะ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/OUT0709
#45


การจัดระเบียบให้กับบ้านนอกจากจะเลือกใช้ตู้เก็บของแล้ว ก็ยังมีชั้นวางของซึ่งนิยมใช้กันเพื่อเก็บสิ่งของรวมไปถึงเอาไว้วางของแต่งบ้านต่าง ๆ ในแนวตั้งเพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่ และเป็นการใช้พื้นที่ในแนวตั้งของบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใครกำลังมองหาชั้นวางของมาใช้ในบ้าน วันนี้เราก็มีข้อมูลดี ๆ ของทั้งชั้นวางของเหล็กและชั้นวางของไม้มาฝากกัน 


ใช้พื้นที่ในแนวตั้งให้เป็นประโยชน์ด้วยชั้นวางของ 
ชั้นวางของเหล็ก
 
ในปัจจุบันการแต่งบ้านในสไตล์ลอฟท์รวมไปถึงสไตล์โมเดิร์นก็นิยมที่จะเลือกใช้ชั้นวางของเหล็กกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็มีทั้งชั้นวางของเหล็กที่เป็นเหล็กทั้งอันมาประกอบกัน และแบบที่เป็นโครงเหล็กและใช้ไม้เป็นชั้นสำหรับวางของ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นชั้นลอยไม่มีบานปิด โดยมีให้เลือกทั้งแบบตั้งพื้นธรรมดาและแบบแขวนติดผนัง จุดแข็งของชั้นวางของเหล็กก็คือมีความแข็งแรงทนทาน สามารถรับน้ำหนักได้มาก มีอายุการใช้งานที่นานกว่าชั้นวางของไม้เพียงอย่างเดียว อีกทั้งยังสามารถใช้วางของได้อย่างหลากหลายมากกว่า ตัวอย่างเช่นสามารถใช้วางจานชามในห้องครัวที่เปียกน้ำได้ นอกจากนี้ด้วยการออกแบบที่มีความเรียบง่ายทันสมัยจึงสามารถเข้ากับสไตล์การแต่งบ้านได้ทุกแบบ  

ชั้นวางของไม้
ชั้นวางของไม้นั้นก็มีให้เลือกหลายแบบหลายราคา แล้วแต่วัสดุของไม้ที่นำมาใช้ เช่นว่า ชั้นวางของที่ใช้ไม้จริงก็จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง มีน้ำหนักมาก แต่ก็มีความทนทานสามารถใช้วางของเปียกได้ ซึ่งก็มีทั้งแบบไม้เนื้อแข็งและไม้เนื้ออ่อน แต่ถ้าหากใช้เป็นพวกไม้อัดที่มีการเคลือบปิดผิว ก็จะมีราคาถูกกว่า มีน้ำหนักเบา ส่วนมากก็มักจะเป็นชั้นที่สามารถถอดประกอบได้ แต่ก็ไม่ค่อยมีความทนทานมากนัก โดยทั่วไปแล้วชั้นวางของไม้ก็มักจะมาในรูปแบบ ชั้นวางติดผนัง ชั้นวางตั้งพื้น และชั้นวางแบบ Built in ที่มีความสวยงามและประหยัดพื้นที่  มีดีไซน์และขนาดให้เลือกหลายขนาด ซึ่งชั้นวางของไม้ก็อาจจะมีการทำบานปิดทึบ หรือใช้กระจกปิดเอาไว้สำหรับตั้งโชว์ของแต่งบ้านหรือของสะสมต่าง ๆ คล้ายกับตู้โชว์ก็ได้ รวมไปถึงใช้ร่วมกับโครงเหล็กทำให้มีความสวยงามและแข็งแรงทนทานมากยิ่งขึ้น 

อย่างนั้นในการเลือกชั้นสำหรับวางของต่าง ๆ ภายในบ้าน นอกจากจะดูในเรื่องของวัสดุที่ใช้ ดีไซน์ที่มีความสวยงามเข้ากับสไตล์การแต่งบ้านแล้ว ความแข็งแรงทนทานและความสามารถในการวางข้าวของต่าง ๆ ก็เป็นอีกเรื่องที่ควรพิจารณาควบคู่กันไปด้วย ก็จะช่วยทำให้บ้านของคุณมีทั้งความเป็นระเบียบเรียบร้อยและมีความสวยงามไปได้พร้อม ๆ กัน

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/FUR0906
#46


ในการสร้างบ้านรวมถึงการรีโนเวทบ้าน สิ่งหนึ่งที่เราจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญก็คือการเลือกกระเบื้อง ให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานในบริเวณต่าง ๆ ของบ้าน ในคราวนี้เราจึงมีวิธีการเลือกกระเบื้องปูพื้นสำหรับประกอบการตัดสินใจเพื่อทำให้บ้านของคุณ ๆดูสวยงามด้วยการเลือกใช้กระเบื้องให้เหมาะสมมาฝากกัน
    
วิธีการคัดเลือกกระเบื้องปูพื้นควรพิจารณาจากอะไรบ้าง 

ขนาดของพื้นที่
อันดับแรกก็ลองคำนวณพื้นที่ของห้องหรือบริเวณนั้น ๆ ดูก่อน ว่ามีขนาดกว้างมากน้อยแค่ไหน จะได้เลือกขนาดกระเบื้อง ให้เหมาะสมกับพื้นที่ให้ได้มากที่สุด เช่นในบริเวณห้องรับแขกก็อาจจะเลือกเป็นขนาด 12 x 12 นิ้ว ขนาด 40 x 40 ซม. หรือในห้องโถงที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างก็อาจจะเลือกใช้เป็นขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ในห้องน้ำที่มีพื้นที่ไม่กว้างมากนักก็แนะนำให้ใช้ขนาดเล็กลงมาอยู่ที่ 8 x 8 นิ้ว เป็นต้น 

พื้นที่การใช้งาน 
กระเบื้องปูพื้นก็มีอยู่หลายประเภทด้วยกันซึ่งก็เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น ในห้องน้ำก็ควรที่จะใช้แผ่นขนาดเล็กและมีพื้นผิวด้านหน้าที่ค่อนข้างหยาบเพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ของผิวสัมผัสในการระบายน้ำและช่วยลดอุบัติเหตุจากการลื่นล้ม เช่นว่า เซรามิค แกรนิตโต้ หรือโมเสค ในห้องครัวซึ่งมักจะเลอะคราบอาหารและคราบไขมันก็อาจจะเลือกเป็นหินอ่อนที่มีความทนทานและมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดได้ง่ายและไม่สะสมคราบสกปรก ส่วนในห้องทำงานที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ก็อาจใช้เป็นแบบยางที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันไฟฟ้าได้ 

สีสันและลวดลาย
การเลือกสีสันและลวดลายของกระเบื้องก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ส่งเสริมความงดงามให้กับบ้านของคุณ อย่างเช่นเลือกใช้โทนสีอ่อนสบายตาหรือลายไม้ภายในห้องนอนเพื่อช่วยเพิ่มบรรยากาศที่ดูผ่อนคลายเหมาะสำหรับการพักผ่อน รวมถึงช่วยทำให้พื้นที่บริเวณนั้นดูกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ใช้โทนสีเข้มหรือมีลวดลายกราฟฟิกในบริเวณที่สามารถเกิดคราบสกปรกได้ง่ายเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด อย่างเช่นในห้องครัว ห้องซักล้าง หรือห้องน้ำ รวมถึงการเลือกแบบที่มีลวดลายแบบสวยงามเพื่อเพิ่มจุดเด่นให้กับพื้นที่บริเวณนั้น ๆ เป็นพิเศษ เช่นในห้องโถงรับแขก เป็นต้น 

ราคา
ราคา กระเบื้องปูพื้น ก็มีอยู่ด้วยกันหลากหลายราคา ซึ่งโดยมากก็มักจะคิดเป็นราคาต่อตารางเมตร ฉะนั้นก็ต้องดูงบประมาณที่มีว่าในแต่ละห้องจะใช้แบบไหน ซึ่งถ้าหากมีงบไม่มากก็อาจเลือกเป็นแบบเซรามิคที่มีราคาไม่แพงและมีความสวยงามรวมไปถึงมีรูปแบบให้เลือกหลากหลาย หรือถ้าต้องการให้บ้านดูหรูหรามากขึ้นก็อาจจะเลือกเป็นหินอ่อนหรือแกรนิตโต้ที่มีราคาแพงขึ้นมาก็ได้   

โดยรวมแล้วการเลือกกระเบื้องปูพื้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบของเราเป็นหลักว่าต้องการเป็นอย่างใด แต่ก็ควรที่จะพิจารณาดูด้วยว่าได้เลือกใช้อย่างเหมาะสมแล้วหรือยัง จะได้ไม่ต้องเสียทั้งเงินและเวลาเพื่อรื้อเปลี่ยนใหม่กันอีกรอบ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/FLO0203
#47


ระบบประปาภายในบ้านนอกจากจะต้องมีการเดินท่อต่าง ๆ ให้ถูกต้องและเพียงพอกับความต้องการแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือระบบที่ใช้ส่งน้ำไปยังจุดต่าง ๆ ภายในบ้าน ด้วยเหตุว่าถ้าหากกำลังของน้ำแรงไม่พอก็จะทำให้น้ำไหลช้าหรืออาจจะไม่ไหลในบางจุด การติดตั้งปั๊มน้ำจึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดี ครั้งนี้เราก็จะพามาดูประโยชน์และความคุ้มค่าของปั๊มน้ำอัตโนมัติแต่ละแบบกัน
   
ปั๊มน้ำอัตโนมัติ ตัวช่วยที่ทำให้น้ำภายในบ้านไหลแรงทุกจุด ไอเทมที่ควรติดตั้งเอาไว้สำหรับบ้านคุณ

แบบถังความดัน
หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่าแบบถังกลม ซึ่งก็จะมีลักษณะตามชื่อเลยก็คือจะเป็นถังทรงกระบอก ด้านบนก็จะเป็นตัวปั๊มส่วนทางด้านล่างก็จะเป็นถังความดันสำหรับเก็บน้ำเพื่อรอส่งจ่ายไปยังจุดต่าง ๆ ในบ้าน ซึ่งเมื่อมีการเปิดใช้งานก็จะทำการดันเอาน้ำที่อยู่ในถังออกมา และเมื่อความดันในถังลดลงจนถึงระดับ ตัวปั๊มก็จะเริ่มทำงานเพื่อให้น้ำกลับมาอยู่ในระดับที่พอเหมาะอีกครั้ง จุดแข็งของปั๊มชนิดถังความดันก็คือมี ราคา ปั๊มน้ำ ที่ไม่แพงมากนัก การทำงานไม่ซับซ้อนจึงดูแลรักษาได้ง่าย อะไหล่ค่อนข้างหาง่าย แต่จุดอ่อนก็คือตัวเครื่องจะมีขนาดใหญ่เนื่องจากต้องมีถังแรงดันติดตั้งมาด้วย ทำให้ต้องใช้พื้นที่ในการจัดวางตัวปั๊มค่อนข้างมาก และเมื่อใช้น้ำไปได้สักพักความแรงก็จะเบาลงเนื่องจากแรงดันในถังน้ำที่ลดลง และจะกลับมาแรงขึ้นเมื่อตัวปั๊มกลับมาทำงานอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ได้น้ำที่ไหลแรงไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ก็ยังค่อนข้างมีเสียงดังเมื่อใช้งาน

แบบแรงดันคงที่
หรือที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่าแบบถังเหลี่ยม โดยเป็นการปรับปรุงและพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาข้อด้อยต่าง ๆ ที่มีอยู่ในแบบถังความดัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการไหลของน้ำที่ไม่คงที่ หรือการกินพื้นที่ในการติดตั้งค่อนข้างมาก เนื่องมาจากปั๊มน้ำอัตโนมัติแบบแรงดันคงที่นี้ก็จะไม่มีการใช้ถังเก็บแรงดันแต่จะใช้เป็นถังแรงดันขนาดเล็กซึ่งใช้แรงดันจากก๊าซไนโตรเจนจึงทำให้มีตัวเครื่องขนาดเล็กกว่า ใช้พื้นที่ติดตั้งไม่มาก ตัวเครื่องจะมีการทำงานทุกครั้งเมื่อเปิดน้ำใช้งานและจะหยุดเมื่อไม่มีการใช้น้ำ ให้การไหลของน้ำที่คงที่ มีน้ำหนักเบาและการทำงานที่ค่อนข้างเงียบ แต่จุดด้อยก็จะเป็นในเรื่องของ ราคา ปั๊มน้ำ ที่สูงกว่า รวมถึงค่อนข้างสิ้นเปลืองไฟฟ้ามากกว่าแบบถังความดันเพราะจะทำงานทุกครั้งเมื่อเปิดใช้งานนั่นเอง ซึ่งปั๊มน้ำอัตโนมัติแบบนี้ก็มีให้เลือกในท้องตลาดอยู่มากมายหลายยี่ห้อด้วยกัน ซึ่งส่วนมากก็นิยมใช้เป็น ปั๊มน้ำ mitsubishi และปั๊มน้ำ Hitachi เป็นต้น

ฉะนั้นในการตกลงใจเลือกซื้อปั๊มน้ำก็ควรที่จะพิจารณาดูในเรื่องของกำลังมอเตอร์ว่าแรงเพียงพอสำหรับการใช้งานในบ้านหรือไม่ มีพื้นที่ในการติดตั้งมากน้อยเท่าใด ปริมาณในการจ่ายน้ำเป็นอย่างไร รวมถึงเลือกซื้อเลือกหาแบรนด์ที่ไว้ใจได้  อะไหล่หาง่าย และมีบริการหลังการขายที่ดี ด้วยเหตุว่าถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องมีการใช้งานทุกวัน ถ้าหากเกิดปัญหาขึ้นมาก็ต้องแน่ใจได้ว่าสามารถซ่อมแซมได้อย่างทันท่วงที เพื่อไม่ให้เดือดร้อนจากการไม่มีน้ำใช้นั่นเอง 
ติดต่อสอบถามได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/PLU06
#48


เพราะว่าการขับถ่ายคือเรื่องสำคัญของทุกวันในชีวิต การเลือกสุขภัณฑ์ให้พอเหมาะสำหรับห้องน้ำที่บ้านของท่านจึงเป็นเรื่องที่ควรจะใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเพื่อให้ทุกการขับถ่ายของคุณเต็มไปด้วยความผ่อนคลายและความสุข ในวันนี้เราจึงมีคำแนะนำดี ๆ ในการเลือกซื้อโถส้วมมาฝากกัน 
    
การเลือกโถส้วมให้พอเหมาะสำหรับบ้านและการใช้งาน

แบบนั่งยอง 
เป็นรูปแบบที่มีการใช้งานมาอย่างยาวนาน ซึ่งในปัจจุบันก็ไม่ค่อยนิยมใช้ตามบ้านกันแล้วเพราะการนั่งยองเป็นเวลานานในขณะที่กำลังทำธุระส่วนตัวก็ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและปวดเมื่อยขึ้นมาได้ และค่อนข้างลำบากสำหรับผู้ที่ไม่สามารถนั่งยองได้ตามปกติ อย่างเช่นคนที่มีรูปร่างอ้วน ผู้สูงอายุที่เคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวก ผู้ที่เป็นข้อเข่าเสื่อม รวมไปถึงคนพิการ และยังมีกลิ่นเหม็นได้ง่ายอีกด้วย แต่จุดเด่นก็คือสามารถดูแลรักษาได้ง่าย ทนทาน มีราคาไม่แพงจึงนิยมใช้กันตามห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งก็มีทั้งระบบราดน้ำและระบบกดน้ำแบบฟลัชวาล์ว

แบบนั่งราบ 
เป็นรูปแบบที่นิยมใช้กันในปัจจุบันหรือที่เราเรียกกันว่าชักโครกนั่นเอง ซึ่งก็จะถูกออกแบบให้มีความสวยงามหรูหรา มีการใช้งานที่สะดวกสบายรวมไปถึงท่านั่งในระหว่างการขับถ่ายที่คล้ายกับการนั่งเก้าอี้ตามปกติ จึงทำให้ไม่รู้สึกเมื่อยเมื่อต้องนั่งทำธุระส่วนตัวเป็นเวลานาน ซึ่งก็จะมีให้เลือกมากมายหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบชิ้นเดียวที่มีการออกแบบให้ตัวโถและถังพักน้ำเป็นชิ้นเดียวกันตลอดทั้งอัน ใช้ระบบการชำระล้างที่เรียกว่า Siphon vortex ซึ่งจะไม่ค่อยมีเสียงดังแต่ก็มีราคาที่ค่อนข้างแพง และแบบแยกตัวโถออกจากตัวถังพักน้ำเป็นคนละชิ้น ซึ่งก็มีทั้งระบบการชำระล้างแบบ wash down ซึ่งมีราคาไม่แพงและนิยมใช้กันตามทาวน์เฮ้าส์หรือบ้านจัดสรร และระบบน้ำหมุนวนแบบ Siphon jet ซึ่งเป็นระบบที่ค่อนข้างใช้น้ำในปริมาณมากและทำงานเสียงดังกว่าแบบ Siphon vortex

แบบเคลื่อนย้ายได้
ส่วนมากแล้วก็จะเป็นแบบชักโครกที่ดีไซน์มาให้สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้ โดยมักจะนำมาใช้กับเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้พิการภายในบ้านที่ไม่สามารถไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำได้ด้วยตนเอง  โดยทั่วไปแล้วก็จะใช้วัสดุเป็นพลาสติกที่มีความเหนียวและแข็งแรง น้ำหนักเบา และมีราคาที่ไม่แพงมากนัก 

ดังนั้นนอกจากการเลือกโถส้วมให้พอเหมาะและตอบโจทย์สำหรับการใช้งานของทุกคนในบ้านแล้ว ก็ควรที่จะคำนึงถึงการออกแบบที่มีความสวยงาม ระบบน้ำที่ใช้ในการชำระล้าง ความสะดวกในการการดูแลรักษาความสะอาด และความสะดวกในการใช้งานด้วย ซึ่งถ้าเป็นในบ้านเรือนตามปกติในปัจจุบันนี้ก็แนะนำให้เป็นแบบนั่งราบหรือแบบชักโครกจะเป็นการดีที่สุด เพื่อสุขอนามัยที่ดีและยังช่วยทำให้ห้องน้ำของคุณดูงดงามน่าใช้อีกด้วย 

เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/BAT11
#49

อีกหนึ่งวิธีในการจัดเก็บข้าวของภายในบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงามก็คือการเลือกใช้ตู้เก็บของ  เพราะนอกจากจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ช่วยให้ความสวยงามกับบ้านแล้วก็ยังสามารถใช้ประโยชน์ในการเก็บของใช้ต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเพื่อทำให้บ้านดูสวยงามน่าอยู่มากยิ่งขึ้น ซึ่งในวันนี้เราก็มีข้อมูลดี ๆ ของการเลือกใช้ตู้เก็บของมาฝากกัน เพื่อช่วยให้คุณ ๆได้นำไปพิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะเลือกใช้ตู้ชนิดไหนกันดี

ห้องรับแขก/ห้องนั่งเล่น
ก่อนที่จะเข้ามาในบ้านก็ควรมีการใช้ตู้เก็บรองเท้าตั้งเอาไว้ใกล้กับประตูเข้าบ้านเพื่อจัดเก็บรองเท้าให้เรียบร้อย ส่วนภายในก็อาจจะมีตู้เก็บรองเท้าอีกอันเอาไว้เก็บพวกรองเท้าสลิปเปอร์สำหรับใส่ในบ้าน โดยรวมแล้วห้องรับแขกและห้องนั่งเล่นก็มักจะมีการติดตั้งชั้นวางทีวีที่มีตู้สำหรับเก็บของในตัวและมีชั้นวางของแบบติดผนัง นอกจากนี้ก็ยังสามารถใช้ตู้เตี้ยแบบมีลิ้นชักในการจัดเก็บเครื่องใช้จุกจิกให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ส่วนของตกแต่งหรือสิ่งที่ต้องการตั้งโชว์ก็สามารถเลือกใช้ตู้โชว์มาตั้งไว้ก็ได้ รวมไปถึงเลือกใช้ตู้วางของที่มีลักษณะเป็นชั้นวางแบบเปิดโล่ง ซึ่งนอกจากจะตั้งโชว์ของตกแต่งได้แล้วก็ยังสามารถช่วยจัดเก็บข้าวของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับห้องได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว 

ห้องครัว
ในห้องครัวเป็นส่วนใหญ่ก็มักจะใช้เก็บพวกอุปกรณ์การทำครัวต่าง ๆ โดยจะแบ่งเป็นของที่ไม่ค่อยได้เอาออกมาใช้และของที่นำมาใช้เป็นประจำ ฉะนั้นของที่ใช้เป็นประจำก็ควรที่จะวางอยู่ในตำแหน่งที่หยิบมาใช้งานได้ง่ายๆ ซึ่งก็อาจจะใช้ได้ทั้งราวแขวน ชั้นวางของ รวมไปถึงตู้วางของแบบที่ไม่ต้องมีบานปิด ส่วนของที่นาน ๆ ทีจะหยิบเอามาใช้งานกันสักครั้ง ก็ควรหาตู้ที่มีบานปิดมิดชิดเพื่อป้องกันสิ่งสกปรก 

ห้องน้ำ 
ส่วนใหญ่แล้วลักษณะของตู้ที่นำมาใช้เก็บของในห้องน้ำก็จะเป็นพวกตู้ใต้บานซิงค์ล้างหน้า ตู้ข้างเคาน์เตอร์ ตู้แบบแขวนติดผนัง ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ก็มักจะใช้วัสดุที่มีความทนทานต่อความชื้นอย่างเช่นพลาสติก  PVC  รวมไปถึงอาจจะเป็นไม้จริงอย่างเช่นไม้ยางพาราที่มีการปิดผิวหน้ากันน้ำ และมีขาตั้งเป็นเหล็ก โดยหน้าห้องน้ำก็อาจจะมีการนำเอาตู้เก็บรองเท้ามาตั้งเอาไว้เพื่อใส่รองเท้าสำหรับเปลี่ยนเวลาที่เข้าไปใช้ห้องน้ำด้วย 

ห้องนอน
สำหรับห้องนอนก็มักจะมีตู้เสื้อผ้าเอาไว้จัดเก็บเสื้อผ้า แต่ต้องบอกว่าห้องนอนนั้นเป็นห้องที่มีข้าวของกระจุกกระจิกอยู่เยอะมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนั้นการเลือกใช้ตู้วางของ หรือตู้เก็บของก็เป็นตัวช่วยจัดระเบียบภายในห้องนอนได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็อาจจะเลือกใช้เป็นชั้นวางของแบบติดผนัง ตู้วางของแบบประตูบานเลื่อนเพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ หรืออาจจะเลือกเตียงที่มีช่องเก็บของอยู่ด้านใต้และมีชั้นวางของอยู่ที่หัวเตียง รวมไปถึงโต๊ะข้างเตียงหรือตู้ข้างเตียง เป็นต้น

จุดประสงค์หลักของตู้เก็บของ  ก็คือการวางระเบียบข้าวของต่าง ๆ ภายในบ้าน แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือกรูปแบบที่มีความสวยงามทันสมัยเข้ากับการตกแต่งบ้านได้เป็นอย่างดีและตอบโจทย์การใช้งานได้ตามความต้องการ ก็จะทำให้บ้านของคุณนั้นทั้งดูเป็นระเบียบและดูสวยงามได้มากยิ่งขึ้น

แวะชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/FUR0902
#50
Biohyalux ไฮยาเซรั่มนวัตกรรม HHAF ในรูปแบบซอฟต์ แอมพูล ที่สุดของการดูแลผิวจากศูนย์ Biotech ระดับโลก ช่วยฟื้นบำรุงยิ่งกว่าด้วยไฮยา 4 โมเลกุล มอบผิวอิ่มน้ำ สุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก

Biohyalux (ไบโอยาลักซ์) สกินแคร์เพื่อการดูแลอย่างล้ำลึกจากผู้เชี่ยวชาญด้านไฮยารูลอน จุดบรรจบที่สามารถนำสุนทรียะแห่งความงามมาผนวกเข้ากับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างลงตัว จากจุดเริ่มต้นของศูนย์กลางด้านวิจัยและพัฒนา ตลอดจนผลิต "กรดไฮยารูลอน" ส่วนผสมสำคัญในสกินแคร์ให้กับแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก นำมาสู่การพลิกผันบทบาทใหม่ ในฐานะสกินแคร์ผู้เชี่ยวชาญด้านไฮยารูลอนที่มีนวัตกรรมการฟื้นบำรุงที่เหนือกว่า ด้วย Hexagonal Hyaluronic Acid Formulation (HHAF) กรดไฮยารูลอน 4 โมเลกุล เอกสิทธ์เฉพาะของทางแบรนด์ บรรจุลงในซอฟต์แอมพูลหลอดเล็กกระทัดรัด ใช้งานสะดวก ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพียงแค่บิด บีบ และทา! ก็ช่วยบำรุงล้ำลึกถึงเซลล์ผิวชั้นใน ให้ผิวสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก ตอบโจทย์ทุกการดูแลผิวที่แตกต่าง การันตีความปังด้วยยอดขายกว่า 200 ล้านแอมพูล และเดินหน้ากวาดรางวัล Beauty Awards ที่สุดของสกินแคร์มาแล้วทั่วโลก

จุดเริ่มต้นจากศูนย์วิจัยระดับเวิล์ดคลาสสู่แบรนด์สกินแคร์จากงานวิจัย
Bloomage Biotech R&D Center ศูนย์วิจัยไบโอเทคระดับเวิล์ดคลาส แหล่งผลิต HA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และส่งออกให้กับแบรนด์สกินแคร์ชั้นนำทั่วโลก ซึ่งได้รับรางวัลกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อม ISO 14001: 2015 โรงงานมาตรฐานระดับสากล ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี และมีฝ่ายวิจัยและพัฒนากว่า 300 ทีม อัดแน่นไปด้วยข้อมูลและผลการวิจัยที่ทันสมัย ก่อนจะพลิกผันมาสู่การพัฒนาสกินแคร์ยี่ห้อ Biohyalux ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม Hexagonal Hyaluronic Acid Formulation (HHAF) เอกสิทธิ์เฉพาะของทางแบรนด์ อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีการผลิต และบรรจุซอฟต์ แอมพูลประสิทธิภาพสูงด้วย BFS (Blow-fill-seal) เทคโนโลยีการผลิตแบบปลอดเชื้อขั้นสุด เพื่อคงความสดใหม่ของเนื้อผลิตภัณฑ์ มอบการบำรุงอย่างเต็มประสิทธิภาพ


การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ จุดหมายใหม่ของการฟื้นบำรุงผิว
คุณสมบัติอันน่าทึ่งของ HA ที่ทำให้หลายๆ คน เลือกใช้เพื่อแก้ไขปัญหาผิว ด้วยสรรพคุณที่สามารถอุ้มน้ำได้มากถึง 1,000 เท่าต่อ 1 หน่วยโมเลกุล แต่ Biohyalux ค้นพบที่สุดของนวัตกรรมการดูแลผิวจาก HHAF (Hexagonal Hyaluronic Acid Formulation) ช่วยฟื้นบำรุงยิ่งกว่า HA ทั่วๆ ไป โดยการพัฒนาให้ HA แทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวหนังในระดับที่แตกต่างกัน ยิ่งโมเลกุลใหญ่ยิ่งป้องกันผิวได้ดี ยิ่งโมเลกุลเล็กยิ่งซึมซาบได้อย่างล้ำลึก ซึ่งประกอบด้วย โมเลกุล HA ขนาดใหญ่ - เกราะป้องกันผิวชั้นนอก ป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น ปกป้องผิวจากมลภาวะ โมเลกุล HA ขนาดกลาง - ให้ความชุ่มชื้นแก่เซลล์ใต้ผิวหนัง เพื่อความยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอย โมเลกุล HA ขนาดเล็ก - ให้ความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก ประสานชั้นผิวเข้าด้วยกัน ลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นการทำงานของเซลล์ โมเลกุล HA ขนาดเล็กพิเศษ - บำรุงอย่างล้ำลึก ป้องกันการอักเสบ เสริมเกราะป้องกันผิว ปรับสมดุลผิว ให้ผิวแข็งแรงสุขภาพดี และป้องการผิวที่เกิดจากผลกระทบจากรังสียูวี

ยิ่งไปกว่านั้นยังอัดแน่นด้วยส่วนผสมที่ช่วยฟื้นบำรุงผิว เพื่อการดูแลผิวที่แตกต่าง และแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด อาทิเช่น "กลาบิดิน" ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสี ให้ผิวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ "กาบาแคร์" ช่วยลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวกระชับเต่งตึง "เอ็กโทอิน" ช่วยปกป้องรังสียูวีเอ ลดการสูญเสียน้ำ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองแม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย และ "ไนอาซินาไมด์" ลดเลือนริ้วรอย รอยแผลเป็นจากสิว ลดอาการแดง/ระคายเคืองบนผิว กระตุ้นการผลิตเซราไมด์ และยังไร้น้ำหอม และสารสังเคราะห์กลิ่น ไม่ทดลองกับสัตว์

 
ผลิตภัณฑ์ขายดี เพื่อการบำรุงทุกสภาพผิว 
⭐️⭐️HA Hydro Intense Serum มอบความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึกถึงผิวชั้นใน เหมาะกับทุกสภาพผิว⭐️⭐️
 
 
เซรั่มเนื้อเข้มข้นในรูปแบบซอฟต์ แอมพูล เป็นผลิตภัณฑ์ยอดฮิตตลอดกาลของ Biohyalux เหมาะสมกับทุกสภาพผิว มีส่วนผสมของ Patented mini HA "ไฮยาลูรอนโมเลกุลเล็ก" มอบความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึกถึงผิวชั้นใน ซ่อมแซมและฟื้นบำรุงถึงเซลล์ผิว ช่วยตรงเข้าบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก ตลอดจนเสริมเกราะป้องกันผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีอย่าง "ครีเอทิน" ช่วยฟื้นบำรุงเซลล์ผิวอย่างล้ำลึก เพิ่มความยืดหยุ่นผิว เผยผิวสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก 
✔️ ขนาด 1.5 มล..จำนวน 30 แอมพูล ราคา 1,990 บาท



⭐️⭐️HA Lifting & Firming Serum ให้ผิวกระชับอิ่มน้ำตลอดทั้งวัน เหมาะกับทุกสภาพผิว⭐️⭐️

 
มอบความยืดหยุ่นให้ผิวกว่า 70% ด้วยสารสกัดจากสารแบคทีเรียหมักบ่ม Bifida Ferment และ Natto ช่วยลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นให้ผิวซ่อมแซมตัวเองถึงระดับเซลล์ พร้อม Hyacross ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื่นได้ยาวนานกว่า 24 ชั่วโมง ให้ผิวเนียนเด้ง กระชับตลอดวัน *ผิวกระชับเพิ่มขึ้น 60% เมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นเวลา 8 สัปดาห์
✔️ ขนาด 1.5 มล. จำนวน 30 แอมพูล ราคา 2,290 บาท



⭐️⭐️HA Brightening & Boosting Serum คืนความชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง และผิวอิ่มน้ำ เหมาะกับผิวหมองคล้ำ⭐️⭐️

 
เผยผิวคุณ ๆให้เปล่งประกายจากภายในสู่ภายนอกอย่างแท้จริง ด้วยการฟื้นบำรุงจาก Glabridin ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีผิว ให้ผิวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ป้องกันการระคายเคือง มอบผิวที่เนียนนุ่ม อิ่มน้ำ ด้วยสารสกัดจากพืช Anastatica *ผิวสว่างขึ้นกว่า50% เมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นเวลา 4 สัปดาห์
✔️ ขนาด 1.5 มล. จำนวน 30 แอมพูล ราคา 2,190 บาท



⭐️⭐️HA Soothing Recovery Serum ปกป้องและดูแลผิวบอบบางเป็นพิเศษ เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย⭐️⭐️

 
อัดแน่นคุณประโยชน์ที่ช่วยลดรอยแดง ลดการอักเสบด้วยสารสกัดจากดอกคาโมมายล์ เติมน้ำให้ผิวด้วยเซราไมด์ พร้อม Ectoin ช่วยปกป้องรังสียูวีเอ ลดการสูญเสียน้ำ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย *อาการระคายเคืองลดลง 75% เมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นเวลา 4 สัปดาห์
✔️ ขนาด 1.5 มล. จำนวน 30 แอมพูล ราคา 2,190 บาท



⭐️⭐️HA Purifying Serum เติมเต็มความชุ่มชื่นให้ผิว เหมาะกับผิวมัน⭐️⭐️

 
ช่วยผลัดเซลล์อย่างอ่อนโยน ดูแลให้รูขุมขนสะอาดด้วยพลังจาก 3D Salicylic acid พร้อมควบคุมความมัน และเพิ่มความกระจ่างใน เติมน้ำให้ผิวอิ่มเด้ง และลดการอักเสบ บวมแดงด้วย Niacinamide acid (Vitamin B3) *อ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม ผิวกระจ่างใสและผุดผ่องยิ่งขึ้น
✔️ ขนาด 1.5 มิลลิลิตร จำนวน 30 แอมพูล ราคา 2,190 บาท



⭐️⭐️HA Ultimate Hydration Mask มาส์กบำรุงผิว เติมความชุ่มชื้น เหมาะกับทุกสภาพผิว⭐️⭐️

 
แผ่นมาส์กจากส่วนผสมฟื้นบำรุงผิวจากธรรมชาติ อ่อนโยนต่อผิว แผ่นบางแต่มอบความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพลังการเติมน้ำให้ผิวจาก HHAF มอบการบำรุงล้ำลึกทุกชั้นผิว พร้อมพลังการบำรุงให้ผิวกระจ่างใส ปลอบประโลมผิวจากมลภาวะ และเติมน้ำให้ผิวด้วย Niacinamide acid และสารสกัดจากDendrobium Nobile 
✔️ ขนาด 28 มิลลิกรัม จำนวน 7 แผ่น ราคา 950 บาท



สัมผัสการฟื้นบำรุงผิวขั้นสุดจากศูนย์วิจัยไบโอเทคระดับโลก พร้อมนวัตกรรม HHAF ในรูปแบบซอฟต์แอมพูล เพื่อการดูแลอย่างตรงจุดได้แล้ววันนี้ ที่ Shopee Official Store: https://shopee.co.th/biohyaluxthailand
และสามารถรับชมข้อมูลข่าวสารต่างๆเพิ่มเติมที่ได้ 
Facebook : https://www.facebook.com/Biohyalux-Thailand-103453905329768/
อินสตาแกรม : https://www.instagram.com/biohyaluxthailand/


Biohyalux ไบโอยาลักซ์ Biohyalux ไฮยาเซรั่ม เติมน้ำให้ผิวด้วย Biohyalux เซรั่มจากกรดไฮยารูลอน เซรั่ม Biohyalux เซรั่มไบโอยาลักซ์
#51

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนมีสินค้าประเภทหูฟังไร้สาย แต่ถึงอย่างไรหลาย ๆ คนยังคงมีความเชื่อแบบผิด ๆ ฝังหัวจนไม่กล้าเปลี่ยนมาใช้ เอาเป็นว่ามาปรับเปลี่ยนทำความเข้าใจร่วมกันใหม่ผ่านบทความนี้ดีกว่า ช่วยให้เลือกใช้ง่ายยิ่งขึ้น หรือใครลังเลใจอยู่ก็จะตกลงใจได้ว่องไว สะดวก ดูเท่ มีระดับมากขึ้นกว่าเดิม
หยุดความเชื่อแบบผิด ๆ เกี่ยวกับหูฟังไร้สายต่อไปนี้
1. แบบไร้สายดีไม่เท่าแบบมีสาย
คนทั่วไปมักมีความคิดว่าหูฟังแบบไม่มีสายจะทำให้การได้ยินเสียงลดลง หรือไม่ดีเท่าแบบมีสายที่ต่อเสียงออกจากเครื่อง ทั้งที่จริงแล้วเสียงแทบไม่ต่างกันเลย ซึ่งหูฟังแบบไม่มีสาย หรือหูฟังบลูทูธ จะได้รับเสียงส่งผ่านบลูทูธที่รองรับ apt - X ให้เข้ามามากขึ้น จึงไม่มีความแตกต่างของเสียง คุณภาพของเสียงนั้นยังคงดีเท่ากัน แอบบอกว่าบางแบรนด์พัฒนาให้เป็นการฟังเพลงแบบ Hi-Res เสียงดีไม่แพ้แบบมีสาย
2. ไม่คิดว่าจะมีความสะดวกเพิ่ม
เหมือนข้อนี้จะไม่มีคนเชื่อแบบผิด ๆ แต่หากลองไปสำรวจแล้วมีคนเชื่อแบบนี้อยู่จริง คือการรู้สึกว่าหูฟังทั้ง 2 ชนิด ใช้งานสะดวกแทบไม่ต่างกัน ทั้งที่ในความเป็นจริงหูฟังบลทูธหรือไร้สายนี้ค่อนข้างสะดวกสบายมากกว่า อย่างน้อยก็ไม่มีสายมาให้เกะกะรำคาญใจ เวลาใช้งานหรือเก็บก็ง่ายมากขึ้น แต่แบบไร้สายก็ต้องขยันชาร์จแบตเตอรี่ด้วย เพื่อให้การใช้งานไม่ติดขัด
3. กลัวว่าจะมีเสียงกระตุก
บางคนเชื่อว่าใช้หูฟัง Bluetooth อาจกระตุกหรือล่าช้ากว่าเสียงที่ส่งผ่านมาจริง ทำให้ปากพูดไปก่อนเสียง แต่ต้องบอกเลยว่าปัจจุบันไม่มีปัญหานี้เกิดขึ้นแล้ว สามารถฟังเพลง ดูหนังได้สสบายใจ ซึ่งบลูทูธส่วนใหญ่ตอนนี้เวอร์ชันมากกว่า 3 แล้ว คือ 4.0 ถึง 4.2 จึงไม่ต้องห่วงเรื่องเสียงขาดหายระหว่างใช้งาน
4. ราคาแพงมากกว่าหูฟังแบบไร้สาย
สุดท้ายคือเรื่องของสนนราคาที่มักจะเชื่อแบบผิด ๆ ว่าหูฟัง Bluetooth ราคาสูงกว่า ซึ่งปัจจุบันนี้อยากบอกว่าสนนราคาแทบไม่ต่างกันแล้ว อาจขึ้นอยู่กับฟังก์ชันการทำงานอื่น ๆ ที่ออกแบบเพิ่มเติมขึ้นมาด้วย อย่างเช่น ป้องกันเสียงรบกวน กันน้ำ หรือรองรับ NFC เป็นต้น ก่อนสั่งซื้อจึงควรศึกษารายละเอียดหูฟังให้ดี
มาถึงตรงนี้แล้วจะเห็นเลยว่าหูฟังไร้สายไม่ได้เป็นทั้งหูฟังที่กระตุก เสียงขาดหาย ราคาสูงเกิน ใช้งานไม่สะดวก หรือเสียงดีไม่เท่าแบบหูฟังมีสาย ซึ่งใครจะเลือกใช้งานแบบไหนไม่มีผิดถูก เพียงแค่ต้องทำความเข้าใจเรื่องที่มีข้อมูลถูกต้อง เผลอ ๆ ลองซื้อมาใช้อาจติดใจจนไม่อยากเลิกใช้เลยก็เป็นได้
เข้าชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/TVA1003
#52

สภาพอากาศอันแสนอบอ้าวของเมืองไทย ทำให้หลายบ้านต้องติดตั้งแอร์เพื่อเพิ่มความเย็นให้ร่างกาย แต่คุณ ๆเคยเจอะเจอปัญหาเปิดแล้วไม่เย็นกันบ้างหรือเปล่า? แท้จริงเป็นเพราะอะไร สามารถสังเกตอาการได้เพื่อลดความผิดพลาดดังกล่าวได้เช่นไร เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไม่ยุ่งยาก ขอนำเสนอข้อมูลมาช่วยไขข้อสงสัยให้การใช้งานของคุณ ๆเย็นฉ่ำโดนใจ สภาพอากาศร้อนแค่ไหนก็หมดห่วง
เพราะอะไรแอร์ที่ใช้งานอยู่ถึงไม่เย็น?
ความจริงแล้วต้นสายปลายเหตุที่เครื่องปรับอากาศที่ใช้งานอยู่ไม่เย็นขึ้นมาดื้อ ๆ มีหลายปัจจัยด้วยกัน อาจมาจากผู้ใช้เปลี่ยนโหมดใช้งานผิดเพี้ยนไป กลายเป็นเปิดแบบใช้พัดลมบ้าง หรืออื่น ๆ ซึ่งปกติแล้วก็แค่เปิด - ปิด และเพิ่ม - ลดอุณหภูมิเท่านั้น แนะนำว่าให้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับระบบการทำงานให้ชัวร์ 
ทั้งนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อาทิ เครื่องมีรอยรั่ว คอมเพรสเซอร์ทำงานผิดปกติ หรือน้ำยาหมด เป็นต้น และหากระดับความเย็นลดลงจากปัจจัยเหล่านี้ควรเรียกผู้เชี่ยวชาญมาช่วยแก้ไข ก็เพราะว่าด้วยราคาแอร์แต่ละเครื่องค่อนข้างสูง จึงไม่ควรเสี่ยงแก้ไขเอง
พาไปสังเกตสาเหตุที่เครื่องปรับอากาศไม่เย็น
1. ให้ตรวจสอบโหมดหรือฟังก์ชันใช้งาน
อย่างที่บอกว่าการเปลี่ยนโหมดของผู้ใช้งานเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เครื่องไม่เย็น จึงควรสังเกตโหมด หรือฟังก์ชันที่ใช้งานอยู่ ดูว่าตอนนี้เครื่องอยู่ในโหมดปกติหรือเปล่า โดยสังเกตที่รูปไอคอน กรณีไม่เย็นจะอยู่ในรูปไอคอนพัดลม ก็ให้เปลี่ยนกลับให้อยู่ในโหมดเย็น โดยจะเป็นรูปไอคอนเหมือนหิมะ มีแฉก ๆ รับรองว่ากลับมาเย็นฉ่ำเหมือนเดิม
2. ให้ตรวจสอบที่คอมเพรสเซอร์
ด้วยกลไกของเครื่องปรับอากาศในบางรุ่นป้องกันเวลาไฟตก เมื่อไฟตกขึ้นมาเครื่องจะยังสามารถทำงานได้ปกติ แต่ก็มีบ้างที่ความเย็นลดลง และเมื่อยกเบรกเกอร์ขึ้นความเย็นก็จะกลับมา นอกจากนี้ยังอาจมีสาเหตุอื่น ๆ อาทิเช่น เครื่องมีเสียงดังแปลก ๆ หรือตัวเครื่องคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน ควรเรียกผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดีกว่า 
3. ให้ตรวจสอบที่ฟิลเตอร์ หรือแผ่นกรอง
สุดท้ายให้ลองไปตรวจสอบฟิลเตอร์ หรือแผ่นกรองดู เปิดหน้ากากของเครื่องออก ดูว่ามีสิ่งสกปรก ฝุ่น เส้นผม เส้นขนเกาะตามแผงหรือไม่ หากพบว่ามีเป็นจำนวนมาก หรืออุดตันการไหลเวียนให้ถอดออกแล้วทำความสะอาดใส่กลับเข้าไปใหม่ ทำให้อากาศไหลเวียนดีขึ้นได้ อุณหภูมิก็จะกลับมาเย็นฉ่ำเหมือนเดิม ซึ่งผู้ใช้งานควรตรวจสอบเรื่องนี้อย่างสม่ำเสมอ
เมื่อทราบว่าตัวการที่แอร์ไม่เย็นเป็นเพราะอะไรแบบนี้แล้ว ต่อไปเมื่อเกิดปัญหาขึ้นรับรองว่าผู้ใช้งานทุก ๆ คนจะสามารถตั้งรับ และตรวจสอบด้วยตนเอง พร้อมแก้ไขได้หากไม่เหนือบ่ากว่าแรง แต่ถ้าไม่ได้จริง ๆ ต้องเรียกผู้เชี่ยวชาญมาช่วยทันที ทั้งนี้ บ้านเราก็มีขายอยู่หลากหลายแบรนด์ ราคาแอร์ก็มีตั้งแต่หลักหมื่นต้น ๆ ไปจนถึงหลายหมื่นเลยทีเดียว อย่าลืมเลือกที่ตอบโจทย์กันนะ
เข้ารับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP01
#53

ผู้ที่อยากใช้งานเก้าอี้สนามวางไว้นอกบ้าน ไม่ว่าประเภทหวาย พลาสติก ไม้ หรือสเตนเลส คำถามที่มักเกิดข้อสงสัยคือ จะเลือกอย่างไรให้เกิดความคุ้ม ใช้งานได้ยาว ๆ ไม่ต้องเสียเงินเสียทองในการซื้อใหม่บ่อยให้เปลือง เพื่อตอบโจทย์กับคำถามดังกล่าวอย่างชัดเจน ตรงประเด็น นำไปใช้งานต่อได้เลย จะขอแนะนำเทคนิคต่าง ๆ ในการเลือกซื้อมาฝาก
เทคนิคการเลือกเก้าอี้สนามใช้งาน ไปเที่ยวไปอย่างสุขใจ
1. เก้าอี้บางรุ่นสามารถปรับเอนได้
ต้องเข้าใจไว้เลยว่าเก้าอี้ที่วางนอกบ้าน หรือใช้ในสนามหน้าบ้าน ทั้งเก้าอี้พลาสติก หรือหวายบางรุ่น บางยี่ห้อสามารถปรับเอนได้ ซึ่งหากท่านใดรู้สึกว่าอยากนั่งเอนหลังสบาย ๆ หรือจะนอนพักชิลล์ ๆ ก็สามารถเลือกเปรียบเทียบดู อย่างน้อยควรปรับ 3 ระดับ เพื่อท่วงท่าที่เหมาะสม
2. สามารถรับน้ำหนักได้ดี
เรื่องน้ำหนักเวลานั่งอย่างสบายใจก็จำเป็นต้องรับน้ำหนักคนนั่งได้ ไม่ว่าจะหนักมากแค่ไหนก็ตาม ต้องเน้นที่โครงสร้างมีความแข็งแรง ดูเรื่องการดีไซน์ตามจุดเชื่อมต่าง ๆ ซึ่งหากใครสนใจเก้าอี้พลาสติกภายนอกเหมือนดูแข็งแรง แต่กระนั้นเก้าอี้หวายก็มีความแข็งแรงและรับน้ำหนักได้ดีไม่แพ้กัน แนะนำว่าใช้เสร็จแล้วให้เก็บเข้าบ้านจะดีที่สุดป้องกันเก้าอี้ผุพัง หรืออายุการใช้งานน้อยลง
3. มีหลายขนาดให้เลือก
จำเป็นต้องดูขนาดผู้นั่งด้วย บางบ้านอาจอยากนั่งด้วยกัน 2-3 คน ก็ควรเลือกซื้อแบบตัวยาวไปเลย หรืออยากนั่งจับวงคุยรอบโต๊ะแบบสบาย ๆ ก็เลือก 1 ตัว เป็นต้น ยิ่งมีให้เลือกมากก็ยิ่งเป็นตัวเลือกให้ได้ตัดสินใจ
4. รองรับการทำความสะอาดได้ง่ายดาย
ต้องดูเรื่องการทำความสะอาดด้วย เหตุเพราะถือเป็นอีกปัจจัยในการใช้งาน เผื่อว่าท่านใดเอาไว้นอกบ้านเลยก็ควรเลือกแบบที่ทนแดดทนลม ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย เช่น เก้าอี้พลาสติกที่สามารถใช้น้ำล้างทำความสะอาดได้เลย หรือเก้าอี้หวายจริง ๆ ก็สามารถใช้น้ำทำความสะอาดได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องนำผ้าชุบแล้วบิดหมาด ๆ มาเช็ด แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดซ้ำทันที
5. ราคาต้องสมเหตุสมผล
ท้ายที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องสนนราคาที่ควรต้องมีอย่างสมเหตุสมผล อย่างถ้าเป็นแบบพลาสติก มีน้ำหนักเบา ออกแบบไม่ยากมาก ก็อาจมีราคาที่ถูกกว่าเก้าอี้หวายที่ต้องใช้ฝีมือการผลิต เป็นต้น ต้องเปรียบเทียบราคาหลาย ๆ ร้านดูความเหมาะสมคุ้มค่า
เมื่อทราบเช่นนี้แล้วก็หวังว่าใครที่อยากมีเก้าอี้สนามใช้งานสบายใจจะสามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ได้อย่างราบรื่น เหมาะสมตรงความต้องการใช้งานยาว ๆ อย่างแท้จริง ทั้งนี้ท่านไหนไม่อยากเดินทางไปเลือกซื้อด้วยตนเอง สามารถเลือกผ่านออนไลน์แล้วกดสั่งได้เลย มีทั้งขนาด ชื่อรุ่น ราคา วัสดุที่ใช้ทำ ฯลฯ บอกพร้อม ไม่นานเก้าอี้มาส่งถึงหน้าบ้านเลยล่ะ
ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/OUT060503
 
 
#54


ปัจจุบันด้วยสภาพอากาศที่ไม่ปลอดภัย มีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจไม่ว่าจะเป็น ควัน มลภาวะต่าง ๆ ไปจนถึงฝุ่น PM 2.5 ทำให้ "เครื่องฟอกอากาศ" กลายเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นต้องใช้งานอย่างมากกับคนยุคนี้ แต่จะว่าไปเหตุผลที่ควรมีไว้ช่วยสร้างความอุ่นใจเรื่องสุขภาพอย่างไรบ้าง? จะพาไปเจาะลึกในบทความนี้เพื่อคลายข้อสงสัยดังกล่าว
เหตุผลที่เราต้องมีเครื่องฟอกอากาศไว้ใช้งานที่บ้าน
1. เครื่องกรองอากาศ "ช่วยปกป้องร่างกายไม่ให้เกิดโรคภัย"
แน่นอนว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้จะช่วยให้อากาศมีความเป็นบริสุทธิ์มากขึ้น กรองสิ่งต่าง ๆ ให้ออกไปในบริเวณที่อยู่ ระบบทางเดินหายใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้น ไม่มีโรคภัยเกิดตามมาง่าย ๆ 
2. เครื่องช่วยกรองอากาศ "ช่วยให้การทำงานของปอดดีขึ้น"
ในแต่ละวันใครก็ตามต้องพบเจอกับมลพิษทางกาศทั้ง ฝุ่น ควัน มลภาวะต่าง ๆ อย่างแสนสาหัส เมื่อกลับมาบ้านก็ควรมีอากาศที่ดีสูดหายใจเข้าปอดไปบ้าง แน่นอนว่าเครื่องช่วยกรองอากาศจะทำให้ปอดทำงานได้ดียิ่งขึ้น ร่างกายไม่เป็นอันตราย ส่งผลถึงสุขภาพที่แข็งแรงใน ซึ่งปัจจุบันแต่ละแบรนด์ก็มีฟังก์ชันน่าสนใจ อาทิ เครื่องฟอกอากาศ sharp ที่สามารถพ่นอนุภาคไฟฟ้าแบบประจุบวกและลบมาฆ่าเชื้อรา เชื้อโรค หรือเชื้อแบคทีเรีย ไปจนถึงเชื้อไข้หวัดนก ฝุ่น PM 2.5 ได้ 
3. เครื่องกรองอากาศ "ช่วยลดอาการภูมิแพ้"
ใครที่มีโรคประจำตัวเป็นภูมิแพ้โดยเฉพาะภูมิแพ้อากาศ แนะนำว่าต้องมีเครื่องนี้ติดตั้งไว้เลย เหตุเพราะจะช่วยดักจับบรรดาไรฝุ่น ละอองฝุ่น สาเหตุหลักทำให้คนเป็นโรคภูมิแพ้เกิดอาการระคายเคือง เมื่อเปิดใช้งานอุปกรณ์ด้วยฟังก์ชัน นวัตกรรม ของแต่ละยี่ห้อก็จะช่วยจัดการได้อย่างดี อาการภูมิแพ้ทุเลาลง เช่นอย่างที่บอกเครื่องฟอกอากาศ sharp มีฟังก์ชันที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะเซ็นเซอร์ตรวจจับกลิ่น ละออง ความชื้น สลายบรรดากลิ่นอับที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้จากไรฝุ่นในห้อง
4. เครื่องกรองอากาศ "ช่วยให้เราพักผ่อนนอนหลับสบายใจ"
ใครที่มีปัญหานอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท หลับยาก หลับ ๆ ตื่น ๆ อ่อนเพลียอยู่ตลอด จริง ๆ แล้วอีกสาเหตุก็มาจากสภาพอากาศ และฝุ่นละออง ด้วยเหตุนั้นควรมีเครื่องนี้ไว้เพื่อให้ทำหน้าที่ดูแลปัญหาในอากาศ และปรับระดับความบริสุทธิ์ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ท่านพักผ่อนนอนหลับสบายใจ ส่งผลต่อสุขภาพแข็งแรงยิ่งกว่าเดิม
ด้วยสาเหตุข้างต้นนี้คงจะช่วยให้ท่านสามารถตัดสินใจเลือกซื้อเลือกหาเครื่องฟอกอากาศอย่างไม่ลังเล เพื่อช่วยสร้างสุขภาพร่างกายที่ดี กับช่วงเวลาของภูมิอากาศไม่ปลอดภัยเช่นนี้ อย่างไรก็ตามประเทศไทยเรามีตัวเลือกหลากหลายแบรนด์ หลากหลายรุ่น ควรเรียนรู้ฟังก์ชันการใช้งานให้ละเอียด พร้อมเปรียบเทียบหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตนเองเท่านั้น
สามารถชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP02
#55

หลาย ๆ ท่านที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรซื้อเครื่องอบผ้ามาใช้งาน หรือจะเอาผ้าไปตากกับแสงแดด ไม่ต้องสิ้นเปลืองไฟ สิ้นเปลืองเงิน เอาเป็นว่าท่านใดที่กำลังสับสนเช่นนี้ อยากให้ลองมาศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับข้อดี - ข้อเสีย ของการใช้เครื่องอบ VS ตากกับแสงแดดที่เราจะพูดถึงนี้ดู รับประกันว่าการตัดสินใจจะง่ายขึ้น
ข้อดี - จุดอ่อนของเครื่องอบผ้า VS ตากกับแสงแดด 
1. การตากกับแสงแดด
ข้อดี
ขอเริ่มต้นกันที่การตากกับแสงแดด แน่นอนว่าหากเราตากกับแสงแดดที่จัดก็จะทำให้เสื้อผ้าแห้งเร็วมาก แถมยังได้กลิ่นหอมธรรมชาติของแดดเพิ่มเติม ช่วยให้แขนได้ออกกำลังกาย รวมถึงประหยัดพลังงาน ไม่สิ้นเปลืองค่าไฟฟ้า 
ข้อเสีย
แต่เสื้อผ้าที่มีสีสันมาก ๆ เมื่อถูกแสงอาทิตย์จัดก็จะทำให้เนื้อสีซีดลง ผ้ากรอบ รีดยาก ทั้งนี้เพราะสีและเนื้อผ้าด้านนอกถูกทำลาย ที่สำคัญฝนตกก็ต้องีรบวิ่งมาเก็บ แถมยังเจอกับฝุ่น ควัน แฝงในเส้นใยผ้า ใครอยู่คอนโดมีเนียมพื้นที่น้อยก็คงทำให้การอยู่อาศัยแคบลงไปอีก 
2. การใช้เครื่องอบผ้า
ข้อดี
เมื่อใช้เครื่องประเภทนี้ก็หมดกังวลกับสภาพอากาศที่ 1 วันเปลี่ยนแปลงบ่อย เช้าแดดออก บ่ายฝนตก สามารถวางแผนการซักได้ ไม่ต้องรอแสงแดด นอกจากนี้ยังเหมาะสมกับบ้านไม่มีพื้นที่ตาก รวมถึงช่วยให้เสื้อผ้าไม่กักเก็บฝุ่น ควัน มลพิษทางอากาศ บ้านไหนมีคนที่เป็นภูมิแพ้ เด็กเล็กตอบโจทย์มาก ลดเสี่ยงผ้าเกิดเชื้อรา หรือสะสมเชื้อแบคทีเรีย ไม่ต้องเปลืองแรงแขน ได้เสื้อผ้าที่นุ่มกว่าตากแสงแดด แถมปัจจุบันมีให้เลือกหลายแบรนด์ หลายรุ่น ฟีเจอร์ครบครัน ดังเช่น เครื่องอบผ้า Electrolux ไม่ต้องรอนานใช้เวลา 1 - 2 ชั่วโมง ก็พร้อมใส่ทันที 
ข้อเสีย
อย่างไรก็ตามการเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้ต้องเปลืองค่าไฟฟ้าอยู่บ้าง และเครื่องอบผ้า ราคาค่อนข้างสูง (แต่ถ้าเทียบกับความคุ้มค่าก็ได้อยู่เหมือนกันนะ)
สำหรับเครื่องอบผ้ายุคใหม่มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องเป่าร้อน และระบบควบแน่น หลายรุ่นก็มีฟีเจอร์พิเศษ ได้แก่ เครื่องอบผ้า Electrolux ที่สามารถตั้งเวลาล่วงหน้าได้, ระบบตรวจวัดความชื้นผ้า, ระบบการหมุนสลับไปมาช่วยถนอมเนื้อผ้า, ไม่ทำให้เสียทรง, ลดรอยยับ, มีสัญญาณเตือนทำความสะอาดตัวกรอง ฯลฯ สามารถใช้งานในพื้นที่แคบอย่าง คอนโดมีเนียม ทาวน์เฮาส์ ได้ดี
มาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่าทั้งการตากกับแสงแดด และใช้เครื่องช่วยอบผ้ามีความแตกต่างกันอยู่ ท่านสามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการและความเหมาะสมจากปัจจัยต่าง ๆ โดยใครที่สนอกสนใจเลือกใช้เครื่องช่วยอบผ้า อยากทราบว่าเครื่องอบผ้า ราคาเป็นอย่างไร จริง ๆ แล้วราคาจะแตกต่างกันไปตามฟีเจอร์ ขนาดถัง ความจุรอบผ้า ฯลฯ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ
ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP1302
 
#56


ต้องมีบ้างที่ลูก ๆ หรือตนเองเผลอติดสติ๊กเกอร์ที่ลิ้นชักพลาสติก และเมื่อติดไว้นาน ๆ วันดีคืนดีอยากแกะออก แต่เจ้ากรรมสิ่งที่หลงเหลือคือคราบเหนียวพาให้ดูสกปรกมากขึ้นไปกว่าเดิม ท่านใดเป็นแบบนี้คงอยากจะแก้ไข จึงไม่ทำให้ผิดหวังมีวิธีการทำความสะอาดเอาคราบเหนียวหลุดออก ได้ตู้กลับมาสวยเหมือนใหม่อีกครั้ง
จัดการคราบเหนียวที่ลิ้นชักพลาสติก พาตู้กลับมาสวยเหมือนใหม่
1. จัดการด้วยน้ำยาล้างจาน + น้ำ
เป็นวิธีจัดการที่ง่ายมาก เริ่มต้นด้วยผสมน้ำยาล้างจานที่มีฤทธิ์อ่อน ๆ 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำอุ่นแล้วคนจนเกิดฟอง ใช้ผ้าสะอาด (แนะนำเป็นผ้าไมโครไฟเบอร์) พันนิ้วข้างที่ถนัด จุ่มที่น้ำยาล้างจานแบบเร็ว ๆ แล้วเช็ดคราบให้ทั่ว หลังจากเช็ดเสร็จให้ใช้ผ้าสะอาดมาเช็ดซ้ำจนตู้ลิ้นชักแห้ง
2. จัดการด้วยครีมเบกกิ้งโซดา
ต่อมาเลือกใช้ครีมมเบกกิ้งโซดาโดยเอาไปผสมกับน้ำในสัดส่วนที่เท่ากันให้เกิดความเหนียวข้นขึ้น สัดส่วนขึ้นอยู่ขนาดคราบที่จะเช็ดทำความสะอาด ต่อไปให้แต้มหยดเบกกิ้งโซดาที่ปลายนิ้ว แล้วไปถูคราบที่ตู้ลิ้นชักพลาสติก ไม่แนะนำให้ใช้พื้นสัมผัสหยาบ อย่างสก็อตไบรท์มาขัด เนื่องมาจากจะเกิดรอยได้ สุดท้ายให้ใช้ผ้านุ่ม ๆ ที่ชุบน้ำบิดจนแห้งหมาดมาเช็ดเอาครีมเบกกิ้งโซดาออกไป แล้วผึ่งจนแห้ง
3. จัดการด้วยแอลกอฮอล์
ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการจัดการด้วยแอลกอฮอล์ เริ่มต้นโดยให้นำผ้าสะอาด ๆ มาพับเป็นสี่เหลี่ยม หรือถ้าไม่มีผ้าจริง ๆ ให้ใช้ทิชชูแบบธรรมดาหรือซับน้ำมันได้หมด หงายผ้าในมือข้างที่ถนัด แล้วเทแอลกอฮอล์ใส่ผ้าให้ไว พอผ้าเปียกได้หมาด ๆ ก็รีบนำไปเช็ดคราบที่ติดอยู่ตู้ลิ้นชักได้
4. จัดการด้วยเทป
สุดท้ายนี้เป็นวิธีการที่ง่ายดาย ไม่ต้องผสมอะไรทั้งสิ้น แค่มีเทปก็เพียงพอแล้ว จะเป็นเทปใส เทปพันสายไฟฟ้าสีดำ หรือเทปน้ำตาลได้หมด โดยให้ตัดเทปออกมาตามขนาดของคราบที่จะจัดการ ต่อจากนั้นก็นำเทปไปแตะ ๆ ตรงคราบย้ำซ้ำ ๆ เอาออกจนหมด ซึ่งความเหนียวเจอความเหนียวจึงช่วยให้คราบหลุดออกจากตู้ลิ้นชักพลาสติกได้ดี
สิ่งที่อยากฝากไว้เลยก็คือหากคุณเลือกใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดต้องทดสอบแค่จุดเล็ก ๆ ก่อนเพื่อดูว่าทำลายสีของลิ้นชักพลาสติกหรือไม่ เนื่องด้วยพลาสติกบางแบบไม่ถูกกับสิ่งนี้ รวมไปถึงหลังการทำความสะอาดไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม ห้ามนำความร้อนจากไดร์เป่าผมมาเป่าหวังทำให้แห้งไวโดยเด็ดขาด เนื่องมาจากจะทำให้สีตู้เปลี่ยนไป อย่างที่บอกให้เช็ดจนแห้ง หรือผึ่งลมเท่านั้น แล้วคราบจากตู้จะหลุดออกหายห่วงไปโดยปริยาย ติดกี่ชิ้น คราบใหญ่แค่ไหนก็ไม่หวั่น
สามารถรับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP1207
#57


ตัวปัญหาดาดฟ้ารั่วคงต้องเลือกซื้อเลือกหาวัสดุกันซึมมาใช้งาน ซึ่งหากลองค้นหาข้อมูลจะพบว่ามีให้เลือกเยอะแยะ อาทิเช่น โพลียูริเทน และหนึ่งในนั้นคืออะคริลิค ที่ได้รับการันตีว่าดีจริง แต่ถึงอย่างไรอย่าเพิ่ง่รีบปักใจเชื่อทันที จึงขอรวบรวมข้อมูลมาให้ทำความเข้าใจอย่างเต็มที่ ไขข้อกังขาต้องการมีระบบกันซึมดาดฟ้าเต็มประสิทธิภาพ ควรเลือกใช้จริงหรือ?
อะคริลิคช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับดาดฟ้าได้ดี
ต้องบอกเลยว่าสิ่งนี้เป็นน้ำยากันซึมที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ปกป้องการแตกร้าวของตัวดาดฟ้าได้ดี แต่ต้องมีการใช้งานร่วมกับเส้นใยอย่าง Fiberglass ที่ถูกถักทอเป็นเส้นใยแก้วเชื่อมไขว้กันแน่นหนา และ Polyester Mat ที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาทางเคมี ช่วยให้ทนความร้อนและมีความเหนียวคงทน เมื่อนำเส้นใยทั้ง 2 ชนิดที่อยู่ในน้ำยากันซึมแล้วใช้ทาเคลือบดาดฟ้า ก็จะได้รับการปกป้องอย่างดี ไม่มีเกิดรอยแตกให้เห็น
อย่างไรแล้วให้โพลียูรีเทรนช่วยอีกแรงได้นะ
อย่างที่บอกให้ทราบว่ามีให้เลือกเป็นตัวนี้ด้วย ดังนั้นอาจเลือกเพิ่มประสิทธิภาพอีกแรงได้ โดยโพลียูรีเทรน หรือกันซึมพียู สามารถใช้เคลือบคอนกรีตโดยเฉพาะอย่างยิ่งดาดฟ้าได้ดีเยี่ยม ไม่ทำให้ผิวคอนกรีตถูกน้ำไหลรั่วซึม พร้อมมีความยืดหยุ่นอยู่ที่ 300 - 500% ถือว่าความยืดหยุ่นเยอะมาก ๆ เจอแดดแรงมากขนาดไหน หรือโครงสร้างอาคารจะสั่นสะเทือนเช่นไร ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากสิ่งนี้จะช่วยยึดการขยายตัว ปกปิดรอยร้าวได้ดีเหมือนใหม่ ข้อสำคัญไม่ว่าจะเจอน้ำท่วมขังสูงมากแค่ไหนก็สบาย ๆ หรือขังนาน 10 วันก็ไม่หวั่น ทั้งนี้เพราะจะช่วยรองรับน้ำฝน พร้อมป้องกันผิวดาดฟ้าปราศจากน้ำไหลรั่วซึม
แนะนำวิธีการทากันซึมให้เกิดประสิทธิภาพที่สุด
- เริ่มต้นสำรวจบริเวณดาดฟ้าที่เกิดปัญหารั่วซึม เป็นแอ่ง หรือมีรอยแตกร้าวตรงไหนบ้าง
- ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงมาล้างทำความสะอาดดาดฟ้า
- อุดโป๊วบริเวณที่มีปัญหาแตกร้าว ซึ่งให้ขยายร่องรอยร้าวให้กว้าง 2 - 3 มิลลิเมตร 
- ทำการทาสีรองพื้นโดยเลือกสีรองพื้นปูนเก่าเอามาทาผิวดาดฟ้าให้ชุ่ม 1 ครั้ง แล้วทิ้งให้แห้งราว 2 - 3 ชั่วโมง
- ในขั้นตอนสุดท้ายให้ทาน้ำยากันซึมของพวกเราลงไปได้เลย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทุกท่านสามารถเลือกซื้ออะคริลิคได้ผ่านออนไลน์แล้ว ซึ่งหากมองมุมบวกนี่เป็นเรื่องที่ดีเพราะว่าสะดวกสบาย ไม่ต้องออกไปไหน รอของส่งถึงหน้าบ้าน ฯลฯ กระนั้นก็ควรเลือกร้านมีมาตรฐาน คุณภาพดี น่าเชื่อถือที่สุด ระบุรายละเอียดต่าง ๆ ได้ครบถ้วน สามารถเปรียบเทียบตกลงใจซื้ออย่างเหมาะสม การันตีได้ดาดฟ้าเหมือนใหม่ ไม่มีรั่วซึมให้กวนใจอีกต่อไป
สามารถรับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/CON0305
 
 
#58

"หม้อทอดไร้น้ำมัน" จัดเป็นอีกไอเท็มเด็ดในครัวไปโดยปริยาย เนื่องมาจากใช้งานง่ายมาก ๆ แถมช่วยให้สุขภาพดีขึ้น ห่างไกลจากโรคภัยอันตรายหลากหลายแบบ ด้วยมีนวัตกรรมดูดซับเอาน้ำมันออกจากอาหาร ลดระดับไขมันเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งใครที่ไม่รู้ว่าจะทำเมนูอะไรดีแต่มีหม้อทอดแล้ว ไม่ต้องไปหาสูตรที่ไหนไกล เพราะขอบอกต่อกับ 4 เมนูง่าย ๆ แค่จับใส่หม้อ ตั้งไฟ ก็อิ่มอร่อยได้สบาย
4 เมนูทำง่าย ๆ อิ่มอร่อยสบายท้องเพียงใช้หม้อทอดไร้น้ำมัน
1. อิ่มอร่อยกับเฟรนช์ฟรายทอด
ทุกคนสามารถทอดได้ทั้งแบบไร้น้ำมัน หรือมีน้ำมันคลุกเล็กน้อยตามความชอบ ซึ่งหากเป็นแบบไร้น้ำมันเลยก็จะต้องวอร์มหม้อรอก่อนทอด ด้วยอุณหภูมิที่ 200 องศาฯ ประมาณ 3 นาที ต่อจากนั้นจึงใส่เฟรนช์ฟรายลงไปในอุณหภูมิเดิม คือ 200 องศาฯ แต่ให้เวลานานขึ้นคือ 12 นาที กรณีทอดแบบมีน้ำมันคลุกเล็กน้อยให้วอร์มหม้อในอุณหภูมิและระยะเวลาเดียวกัน แล้วใส่เฟรนช์ฟรายลงไปโดยใช้ความร้อนที่ 180 องศาฯ พอ ทิ้งไว้ 18 นาที
2. เกี๊ยวซ่าไส้หมู สไตล์ญี่ปุ่น
ปัจจุบันมีหม้อทอดให้เลือกหลากยี่ห้อ หลายการทำงาน ไม่ว่าจะ หม้อทอดไร้น้ำมัน tefal หม้อทอดไร้น้ำมัน Philips หรืออื่น ๆ แต่กระนั้นไม่ว่าจะแบรนด์ไหนก็สามารถทำเมนูเกี๊ยวซ่าไส้หมูได้หมด โดยวิธีการไม่ว่าต้องการทอดแบบไร้น้ำมัน หรือแบบมีน้ำมันคลุกเล็กน้อยให้วอร์มหม้อด้วยอุณหภูมิที่ 200 องศาฯ ราว 3 นาที แล้วใส่อาหารลงไปจากนั้นตั้งอุณหภูมิที่ 180 องศาเซลเซียส ใช้เวลาทอดราว 5 นาที 
3. ไก่ป๊อป กรุบกรอบยวนใจ
สำหรับใครที่ซื้อไก่ป๊อปมาแล้วเก็บไว้ค้างคืน สามารถหยิบเอามาอุ่นในหม้อทอดได้สบาย ๆ ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำของหม้อทอดไร้น้ำมัน tefal ไม่ต้องหมุนหาความร้อน แค่กดเพิ่มความร้อน และเลือกประเภทอาหารที่อุ่นก็เสร็จสรรพแล้ว โดยให้วอร์มหม้อด้วยอุณหภูมิที่ 200 องศาฯ ราวๆ 3 นาที แล้วใส่ไก่ป๊อปลงไป ก่อนตั้งไฟที่ 180 องศาฯ
4. น่องไก่ทอดก็อร่อยไม่แพ้กัน
ปิดท้ายที่น่องไก่เมนูง่าย ๆ ที่ไม่ว่าจะอุ่นหรือทำสดใหม่แค่ใส่น่องเรียงกันให้สวยงามก็เพียงพอ ไม่ต้องกลัวน้ำมันกระเด็น เริ่มต้นให้วอร์มหม้อในอุณหภูมิที่ 200 องศาเซลเซียส ระยะเวลา 3 นาที แล้วนำน่องไก่ใส่เรียงไว้ อย่าทับกัน ต่อจากนั้นก็ทอดอุณหภูมิที่ 180 องศาฯ ใช้เวลา 5 นาที กลับด้านน่องไก่ ใส่เข้าหม้อใหม่อีกรอบใช้อุณหภูมิที่ 180 องศาเซลเซียส เวลา 5 นาที จะหม้อทอดไร้น้ำมัน Philips หรือยี่ห้อไหนก็ใช้งานง่าย อร่อยชัวร์
เป็นยังไงกันบ้างกับเมนูอาหารต่าง ๆ ที่ใช้หม้อทอดไร้น้ำมันทำได้ง่าย ๆ พร้อมอิ่มอร่อยสบายท้อง สุขภาพดีไม่มีไขมันส่วนเกิน หลังจากนี้คงไม่มีใครบ่นเรื่องเมนูอาหารทำเองที่บ้านอีกต่อไป ส่วนท่านไหนยังไม่มีก็รีบหาซื้อมาใช้งานด่วน ๆ เลย
เข้ารับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP080503
 
 
#59


เมื่อซื้อเครื่องใช้ในครัวเรือนก็อยากจะให้แข็งแรงทนทาน ใช้กันไปนาน ๆ อย่างชุดโต๊ะกินข้าวเองก็เช่นกัน ซึ่งอันที่จริงเฟอร์นิเจอร์นี้สามารถดูแลรักษาได้ เพียงแค่ต้องเข้าอกเข้าใจหลักการที่เหมาะสม คำถามคือจะดูแลเช่นใด? นี่คงเป็นสิ่งที่เพื่อน ๆต้องการหาคำตอบ และเราอยากบอกว่าที่นี่มีข้อมูลมาให้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว
4 ทริคดูแลชุดโต๊ะกินข้าว ยืดอายุการใช้งานยาวนาน
1. กำจัดทุกสิ่งสกปกและวางของให้เป็นระเบียบ
การดูแลทริคแรกไม่ว่าจะเป็นโต๊ะกินข้าวไม้ หรือโต๊ะใดก็ตาม ควรกำจัดทุกสิ่งสกปรกให้ออกไป ทั้งเศษขยะที่แกะเปลือกแล้ววางทิ้งไว้ เศษขนมที่หก หรือที่ยังไม่แกะแต่ดูแล้วรกหูรกตา เอาออกไปให้หมดเลย ทั้งนี้ ควรจัดวางสิ่งของอย่างเป็นระเบียบ บางบ้านมีการวางจาน ชาม หรือตะกร้าเก็บช้อนส้อมชิดมุมใดมุมหนึ่ง เพื่อให้ยังมีที่พอกินข้าว
2. ใช้ผ้าชุบน้ำแล้วเช็ดทุกครั้งหลังกินเสร็จ
เมื่อเราทานข้าวร่วมกันบนโต๊ะกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นำผ้าชุบน้ำ บิดจนแห้งหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดโต๊ะให้เรียบร้อย เอาสิ่งสกปรก คราบใหม่ออกให้หมด แนะนำว่าเช็ดไปทิศทางเดียวแล้วเช็ดซ้ำ ต่อไปก็ปล่อยทิ้งไว้จนแห้งเอง ไม่ทำให้เกิดคราบแน่นฝังลึกไปได้ 
3. ใช้แปรงสีฟันมาขัดจุดที่เป็นคราบฝังลึก
แต่หากบ้านไหนโต๊ะกินข้าวเกิดเป็นคราบฝังลึกเรียบร้อยแล้วล่ะก็ แนะนำแปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้วมาจุ่มน้ำให้ชุ่มขัดถูจุดที่เป็นคราบฝังลึกออกจนหมด ช่วยให้คราบออกหมดเกลี้ยงถาวร แล้วก็ระวังอย่าเกิดคราบฝังลึกอีก อย่างไรก็ดี วิธีนี้ไม่แนะนำให้ใช้กับโต๊ะที่เป็นไม้เด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้
4. ใช้สบู่กับโต๊ะกินข้าวไม้
โต๊ะกินข้าวไม้ไม่สามารถใช้ได้กับแปรงสีฟังมาขัด หรือน้ำยาทำความสะอาด เนื่องมาจากจะทำให้เกิดรอยข่วน สีจางซีด แนะนำว่าเลือกใช้สบู่แทน โดยการนำผ้าไปชุบน้ำสบู่แล้วถูขัดคราบอาหารต่าง ๆ ออก บอกเลยว่าหลุดออกไปอย่างง่ายมาก ไม่มีให้เห็นรำคาญตา
ชุดโต๊ะกินข้าวเปรียบเหมือนจุดพักผ่อน เพิ่มพลังให้กับตนเองและคนในครอบครัว ฉะนั้น การดูแลรักษาความสะอาดจุดสร้างความสุขแบบนี้จึงสำคัญ และหวังว่าทริคทั้ง 4 จะช่วยให้โต๊ะของท่านสะอาดเรียบร้อย ยืดอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้น ไม่ต้องเสียเงินเสียทองซื้อใหม่อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งหากต้องการบอกต่อทริคเหล่านี้ท่านสามารถทำได้ทันที เรายินดีอย่างมาก แล้วเรามามีโต๊ะที่ใช้งานได้ยาวนานไปด้วยกันนะ
สามารถชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/FUR0403
#60

ยุคปัจจุบันหลาย ๆ ท่านมีความสนอกสนใจอยากใช้งานถุงมือกันเนื่องด้วยการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด - 19 ที่มือเป็นปัจจัยการนำไปสู่การติดเชื้อจากการสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ได้ แต่กระนั้นหากพิจารณาให้ดีจะพบว่ามีทั้งชนิดมีแป้ง และไม่มีแป้ง ซึ่งเชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยเกิดความสงสัยอยากทราบถึงความแตกต่าง จึงได้รวบรวมมาบอกต่อ เพื่อการเลือกใช้งานเหมาะสม
ทำความรู้จักถุงมือธรรมชาติแบบมีแป้งและไม่มีแป้ง
ถุงมือยางแบบมีแป้งนั้นต้องบอกว่าแป้งทีสัมผัสคือแป้งข้าวโพด มีความปลอดภัยต่อร่างกาย เหตุผลที่ต้องใส่เหตุเพราะเวลาที่มือเข้าไปอาจมีความเหนียวติด เกิดความรำคาญ จึงต้องใส่แป้งไว้หล่อลื่น สวมมือเข้าไปได้สะดวกสบาย แต่จะใส่ปริมาณน้อย หากใครแพ้แป้งอยู่แล้วไม่แนะนำก็เพราะว่าจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ 
ส่วนชนิดที่ไม่มีแป้งจะมีราคาแพงกว่า จุดดีคือไม่มีแป้งอยู่ด้านใน ทำให้คนมีปัญหาแพ้แป้งใช้งานได้ดี ไม่ต้องกลัวมีผงแป้งเลอะเปื้อน หรือหล่นออกมาข้างนอก แต่ก็อาจเหนียวติดมือทั้งนี้เพราะเหงื่อที่ออก
ความแตกต่างของทั้งแบบมีแป้งและแบบไม่มีแป้ง
1. ถุงมือยางแบบมีแป้งจะมีผงแป้งขาว ๆ อยู่ด้านใน เวลาถอดออกหรือสวมเข้าไปจะเห็นผงขาว ๆ ติดมือ กลับกันแบบไม่มีแป้งก็จะไม่มีผงขาวติดมือ 
2. การสวมใส่ของแบบมีแป้งอย่างที่บอกคอยหล่อลื่นทำให้มือที่สวมใส่มีความสบายมากกว่า แป้งช่วยซับเหงื่อได้ดีกว่า ขณะที่แบบไม่มีแป้งถอดเข้า - ออกยากด้วยเหตุว่าเหงื่อเหนียวติด
3. การใช้งานแบบที่มีแป้งจะเสี่ยงต่อผงที่ร่วงออกมาขณะทำงาน จึงไม่เหมาะกับการใส่ทำอาหาร ขณะที่แบบไม่มีแป้งจะสะอาดกว่า ไม่มีอะไรหล่นร่วง ใส่ทำอาหารได้สบาย
4. ราคามีความแตกต่างกันซึ่งแบบมีแป้งจะถูกกว่า เหตุเพราะแบบไม่มีแป้งมีกระบวนการผลิตที่ยาก ซับซ้อนกว่านั่นเอง
แต่ถึงอย่างไร อย่าลืมว่ายังมีถุงมือพลาสติกให้เลือกใช้งานอยู่อีก สวมง่ายดาย สบาย แต่อาจหยิบจับวัตถุอื่น ๆ ยากเพราะว่ามีความลื่นไหลง่าย หาซื้อสะดวก มีราคาที่ถูกกว่าทั้งแบบมีแป้ง - ไม่มีแป้งด้วย ไม่ต้องห่วงว่าใส่แล้วจะเกิดอาการแพ้
ถุงมือแบบมีแป้งและไม่มีแป้ง คือความแตกต่างทั้งด้านการใช้งาน การสวมใส่ ราคา ไปจนถึงอาการแพ้ง่าย ซึ่งหากใครกลัวว่าจะมีปัญหาก็อาจเลือกใช้ถุงมือพลาสติกแทนก็ได้ อยู่ที่ความพึงพอใจของตัวเอง พิจารณาเยอะ ๆ ก่อนตกลงใจใช้งานดีที่สุด
เข้ารับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0211