• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Naprapats

#3721
ขายเหล็กเกรดบีมหาชัย-สมุทรสาคร ท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร ทุกท่อน ราคาถูกพิเศษ ถูกกว่าทั่วไป


ขายเหล็กเกรดบีมหาชัย-สมุทรสาคร ท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร ทุกท่อน ราคาถูกพิเศษ ถูกกว่าทั่วไป นัดดูของได้ที่มหาชัย บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน)

ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย สมุทรสาคร ขายท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร
ขายเหล็กเกรดบีมหาชัย ขายเหล็กรูปพรรณเกรดบี ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย ท่อดำกลมเกรดบีราคาโรงงาน ราคาถูกพิเศษ
1. 60ตันขึ้นไป – กิโลละ 21บาท
2. 30ตัน-59ตัน – กิโลละ 23บาท
3. ตํ่ากว่า30ตัน – กิโลละ 25บาท
เหล็กขนาด ยาว6เมตรทุกท่อน

ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย, ขายเหล็กเกรดบี-สมุทรสาคร, โรงานขายเหล็กเกรดบีมหาชัย. ขายเหล็กเกรดบีถูกพิเศษ, ขายท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร
ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย

สนใจติดต่อ
บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน)

นัดดูของได้ที่นี่
คุณแป๊ป เบอร์ 0819196666 line ID varoonchai_papp
Email varoonchai@gmail.com


รายละเอียดเพิ่มเติม
https://pantipmarket.online/ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย/


ขายเหล็กเกรดบี-มหาชัย
คำค้น
ขายเหล็กเกรดบีมหาชัย,ขายเหล็กเกรดบี-สมุทรสาคร,โรงงานขายเหล็กเกรดบีมหาชัย. ขายเหล็กเกรดบีถูกพิเศษ, ขายท่อดำกลมเกรดบี-ยาว6เมตร
#3722


อาร์เดิร์น ได้รับการชื่นชมจากประชาคมโลกในฐานะที่ประสบความสำเร็จในการใช้กลยุทธต่างๆควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศอย่างได้ผล ซึ่งรวมถึงการการล็อกดาวน์และปิดพรมแดนระหว่างประเทศตั้งแต่เดือนมี.ค.ปี 2563 แต่กลยุทธดังกล่าวเริ่มมีปัญหาเพราะเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ต้องพึ่งพาแรงงานอพยพอย่างมาก เมื่อไม่มีแรงงานต่างชาติ ทำให้ต้นทุนในการผลิตในภาคอุตสาหกรรมสูงขึ้นและผลผลิตทางด้านอุตสาหกรรมตกต่ำลง

ปัญหาขาดแคลนแรงงานในนิวซีแลนด์เกิดขึ้นกับทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมทั้ง อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นม พืชสวน ที่อยู่อาศัย การบริการ สุขภาพ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกัับสาธารณ ทำให้มีเสียงเรียกร้องจากผู้ประกอบการในทุกภาคอุตสาหกรรมขอให้รัฐบาลเปิดพรมแดนระหว่างประเทศอีกครั้ง

แรงกดดันเกี่ยวกับเรื่องนี้รุนแรงขึ้นเมื่อวันจันทร์(9ส.ค.)เมื่อพยาบาลผดุงครรภ์ประมาณ 1,500 คนผละงานประท้วงโดยให้เหตุผลว่าทำงานหนักเกินไปเพราะปัญหาขาดแคลนบุคลากรด้านนี้ ขณะที่พยาบาลจำนวนกว่า 30,000 คนชุมนุมประท้วงเป็นครั้งที่2ในเดือนนี้นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นมา เพื่อเรียกร้องให้ทางการปรับขึ้นเงินเดือนและปรับปรุงสวัสดิการให้ดีขึ้น

"เราพึ่งพาพยาบาลที่มีคุณสมบัติจากต่างประเทศเพื่อเข้ามาช่วยเติมเต็มปัญหาขาดแคลนพยาบาลแต่ถ้าพรมแดนประเทศของเรายังคงปิดอยู่ เราก็ไม่สามารถรับสมัครพยาบาลจากต่างประเทศได้ เกลนดา อเล็กแซนเดอร์ ผู้จัดการแผนกการบริการด้านอุตสาหกรรมขององค์การพยาบาลแห่งนิวซีแลนด์ กล่าว

อเล็กแซนเดอร์ กล่าวเสริมว่า ชาวนิวซีแลนด์ไม่นิยมมาเป็นพยาบาลเพราะเห็นว่าเป็นงานหนักและได้ค่าเหนื่อยน้อย ประกอบกับวิตกกังวลว่าจะทำงานได้ไม่ดีหรือผิดพลาดจนส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย


เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลนิวซีแลนด์ยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ เกือบทั้งหมดที่เคยประกาศใช้เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากไม่พบผู้ป่วยโรคนี้ติดต่อกันนาน 2 สัปดาห์ ส่งผลให้ชาวนิวซีแลนด์ไม่ต้องทำตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และสามารถออกไปรวมตัวกันในที่สาธารณะได้โดยไม่มีข้อจำกัด แต่นิวซีแลนด์ก็ยังไม่เปิดด่านพรมแดนสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ

นิวซีแลนด์กำหนดให้ชาวนิวซีแลนด์ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศต้องกักตัวหรือเข้ารับการควบคุมโรคเป็นเวลา 14 วัน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาร์เดิร์น เปิดรับแรงงานตามฤดูกาลจากซามัว ทองกา และวานูอาตู ซึ่งประเทศเหล่านี้ไม่มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมด้านการเกษตร

ขณะที่ทางการนิว ซีแลนด์ระบุว่ามีผู้ป่วยโรคโควิด-19สะสมประมาณ 2,500 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดนี้จำนวน 26 ราย ถือเป็นตัวเลขต่ำที่สุดในโลก

ปัญหาขาดแคลนแรงงานในนิวซีแลนด์กำลังเพิ่มต้นทุนทางธุรกิจแก่บรรดาผู้ประกอบการ เพราะต้องจ่ายค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นแรงจูงใจให้พนักงานทำงานกับบริษัทต่อไป ขณะที่อัตราเงินเฟ้อรายปีของประเทศเพิ่มขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสสอง อยู่ที่ 3.3% สูงกว่าที่ธนาคารกลางของนิวซีแลนด์คาดการณ์ไว้

บรรดานักเศรษฐศาสตร์ คาดการณ์ว่าแรงกดดันจากปัญหาขาดแคลนแรงงานจะบังคับให้ธนาคารกลางแห่งนิวซีแลนด์(อาร์บีเอ็นซี)ดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดในสัปดาห์หน้าเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศร้อนแรงเกินไป

อย่างไรก็ตาม ข้อกังวลหลักของอาร์เดิร์นและบรรดาผู้กำหนดนโยบายคือการระบาดของโรคโควิด-19สายพันธุ์เดลตา ซึ่งขณะนี้กำลังสร้างปัญหาให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างออสเตรเลียและประเทศอื่นๆทั่วโลก

การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาทั่วออสเตรเลีย ทำให้เมื่อเดือนที่แล้ว อาร์เดิร์นตัดสินใจระงับโครงการ"ทราเวล บับเบิล"ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เดินทางไปมาระหว่างกันได้โดยไม่ต้องกักตัว

บรรดาผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในนิวซีแลนด์จะส่งผลให้มีการล็อกดาวน์ยาวนานขึ้น เพราะขณะนี้ประชาชนในนิวซีแลนด์ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเพียง 21% เท่านั้น

"สายพันธุ์เดลตามีอันตรายกว่าโควิด-19สายพันธุ์อื่นๆ และโควิด-19สายพันธุ์นี้จะเปลี่ยนแปลงการคำนวณหรือประเมินความเสี่ยงในชีวิตของประชาชนทุกคนอย่างสิ้นเชิง"อาร์เดิร์น กล่าว
#3723


เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เปิดรับลงทะเบียนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับผู้ป่วยโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (มีเลขบัตรประจำตัวผู้ป่วยของโรงพยาบาล) ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป หรือผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเสี่ยง (เฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนและไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีน เท่านั้น)

สำหรับการเปิดรับลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด "แอสตร้าเซนเนก้า" เนื่องจากทางโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้รับการจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติม สำหรับผู้ป่วยของโรงพยาบาล ในกลุ่มอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป หรือผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเสี่ยง และมีประวัติการรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (มีเลขบัตรประจำตัวผู้ป่วยของโรงพยาบาล) ดังนี้

โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
โรคหลอดเลือดสมอง
โรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคเบาหวาน
โรคไตเรื้อรัง 
โรคอ้วน
โรคมะเร็งทุกชนิด
โดยจะได้รับฉีดวัคซีนระหว่างวันที่ 16 - 20 สิงหาคม 2564 ณ คลินิกบริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชั้น 13 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ (รับจำนวนจำกัด)

สมัครผ่อนของ 0% 40 เดือนกับ Citi คลิกเลย

เงื่อนไขลงทะเบียน

เป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (มีเลขที่บัตรโรงพยาบาล/HN)
อายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป
ต้องไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาก่อน
หลังจากได้ลงทะเบียน เลือกวันและเวลาเรียบร้อยแล้ว จะได้รับการยืนยันการจองฉีดวัคซีน ขอให้ท่านบันทึกหน้าจอไว้เป็นหลักฐาน โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลการลงทะเบียนได้ผ่านทาง Chula Care Application ภายใน 3 วัน หลังจากที่ท่านลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว

'ขั้นตอนการลงทะเบียนฉีดวัคซีน

สแกนคิวอาร์โค้ด เข้าเว็บไซต์ www.chulaprom.kcmh.or.th เพื่อลงทะเบียนและเลือกวันเวลาเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19
เปิดลงทะเบียนวันที่ 10 สิงหาคม 2564 เวลา 15.00 น. (ทางโรงพยาบาลจะปิดลงทะเบียนเมื่อมีผู้จองฉีดวัคซีนครบตามจำนวนวัคซีนที่ได้รับการจัดสรร)
ผู้ที่ผ่ามการลงทะเบียน สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีน ที่คลินิกบริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด ชั้น 13 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ในระหว่างวันที่ 16-20 สิงหาคม 2564 (ตามวันเวลาที่ลงทะเบียนไว้ เท่านั้น)
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ขอสงวนสิทธิ์งดให้บริการสำหรับผู้ที่วอล์กอิน หรือไม่ได้ลงทะเบียนนัดหมายผ่านะบบฯ

คำแนะนำการรับบริการฉีดวัคซีนที่คลินิกบริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชั้น 13 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์

กรุณามารับบริการฉีดวัคซีนตามวันและเวลาที่นัดหมายเท่านั้น เพื่อกระจายความหนาแน่นของประชาชนผู้มารับบริการ
ในวันที่มารับบริการ เตรียมบัตรประชาชน ปากกา โทรศัพท์มือถือเครื่องที่ลงทะเบียนหมอพร้อม (หากมี) และสวมเสื้อที่สามารถฉีดวัคซีนได้ง่าย
ก่อนมารับบริการฉีดวัคซีน สามารถรับประทานอาหารและยาสำหรับโรคประจำตัวได้ตามปกติ ไม่จำเป็นต้องหยุดยาก่อนรับวัคซีน
หากท่านอยู่ระหว่างการกักตัว รอผลการตรวจเชื้อโรคโควิด-19 หรือมีอาการทางเดินหายใจ เช่น ไข้ ไอ เสมหะ หรือ น้ำมูก ในวันนัดฉีดวัคซีน ขอให้ท่านงดการมารับฉีดวัคซีน
#3724


เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 64 ที่สโมสรทหารราบที่ 23 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กองทัพภาคที่ 2 อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา พล.ต.ไพวัลย์ จุ้ยเจริญ ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 พร้อมด้วย นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ร่วมกันตรวจความพร้อมและเปิดสถานกักกันโรคแห่งรัฐ ตำบลโพธิ์กลาง State Quarantine เพื่อใช้เป็นสถานที่กักตัวกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ที่รอผลการตรวจหาเชื้อวิด-19


พล.ต.ไพวัลย์ จุ้ยเจริญ ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 กล่าวว่า ทางกองทัพภาคที่ 2 มีนโยบายสนับสนุนงานด้านสาธารณสุขในแต่ละจังหวัด ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งกองบัญชาการกองพลพัฒนาที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ มีความพร้อมที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งด้านแพทย์ พยาบาล และกำลังพล ที่จะช่วยเหลือประชาชน จึงได้ร่วมกับทางสาธารณสุขจังหวัด เทศบาลตำบลโพธิ์กลาง เปิดสถานกักกันโรคแห่งรัฐ ตำบลโพธิ์กลาง State Quarantine ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์คัดกรอง ช่วยเหลือด้านสาธารณสุข แบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลหลัก ทั้งแพทย์ พยาบาล และระบบสาธารณสุข ซึ่งสถานกักกันโรคแห่งรัฐ ตำบลโพธิ์กลาง แห่งนี้สามารถรองรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ต้องกักตัว ได้จำนวน 50 เตียง

ด้าน นพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดล่าสุดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 488 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต แยกเป็นติดเชื้อนอกจังหวัด 311 ราย ติดเชื้อในจังหวัด 177 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่ พบในพื้นที่ อ.สูงเนิน 119 ราย อ.โนนไทย 52 ราย อ.ประทาย 49 ราย อ.สีคิ้ว 32 ราย อ.ครบุรี 30 ราย อ.เสิงสาง 26 ราย อ.เมือง 23 ราย อ.ห้วยแถลง 21 ราย อ.พิมาย 18 ราย อ.ขามสะแกแสง 16 ราย อ.โนนสูง 16 ราย อ.บัวใหญ่ 16 ราย อ.ด่านขุนทด 11 ราย อ.วังน้ำเขียว 11 ราย อ.ปักธงชัย 8 ราย อ.บ้านเหลื่อม 7 ราย อ.พระทองคำ 7 ราย อ.ชุมพวง 6 ราย อ.ลำทะเมนชัย 6 ราย อ.สีดา 5 ราย อ.จักราช 4 ราย อ.บัวลาย 3 ราย และ อ.ขามทะเลสอ 2 ราย
#3725


หมู่บ้านของสาวน้อยมหัศจรรย์ 'ฉวน หงฉาน' แชมป์กระโดดน้ำเหรียญทองโอลิมปิกชาวจีนวัย 14 ปี ถูกปิดห้ามบุคคลภายนอกเข้าเป็นการชั่วคราว หลังมีนักท่องเที่ยวและชาวเน็ตแห่กันไปเช็กอินแน่นขนัด จนเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19

หนังสือพิมพ์โกล.ไทม์สของจีนรายงานว่า มาตรการปิดหมู่บ้านมีขึ้นหลังจากที่มีชาวจีนจากทั่วทุกสารทิศแห่แหนไปเยี่ยมเยียนบ้านของ ฉวน จนเกิดความแออัด ซึ่งขัดต่อมาตรการควบคุมโรคในช่วงนี้

รายงานยังระบุด้วยว่า ชาวเน็ตบางคนถึงขั้นปีนต้นไม้ในบ้านของ ฉวน และขโมย "ขนุน" ไปเป็นของที่ระลึก ขณะที่ชาวบ้านอีกคนเล่าว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไลฟ์สดที่หมู่บ้านไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าจะเป็นเวลาดึกดื่นเที่ยงคืน หรือแม้แต่ตอนฝนตก

แฟนคลับยังขนเอาขนมนมเนย เครื่องเล่นเกม และหยูกยาสารพัดเอาไปให้ที่บ้านของ ฉวน หลังจากที่ทราบข่าวว่า สาวน้อยคนนี้ตั้งใจคว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันกระโดดน้ำที่ "โตเกียวเกมส์" เพื่อนำเงินไปรักษาแม่ที่กำลังป่วย

ด้วยวัยเพียง 14 ปี ฉวน ถือเป็นนักกีฬาทีมชาติอายุน้อยที่สุดของจีนในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้ แต่เธอกลับทำผลงานได้อย่างสุดยอด โดยเฉพาะจากการแข่งขันกระโดดน้ำ 10 เมตรหญิงรอบสุดท้ายด้วยการทำคะแนน perfect tens (10/10/10) ถึง 2 รอบจากการกระโดด 5 ครั้ง ทำคะแนนรวม 466.20

หลังจากที่คว้าเหรียญทองได้สมความตั้งใจ ฉวน ให้สัมภาษณ์ว่าเธอ "อยากหาเงินให้ได้มากๆ" เพื่อเอาไปรักษาแม่ที่กำลังป่วย และอยากจะไปเที่ยวสวนสนุกซึ่งเธอเองไม่เคยมีโอกาสได้ไป เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน

โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองจานเจียง (Zhanjiang) มณฑลกว่างตง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ ฉวน ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 ส.ค.) ว่าจะมอบการรักษาพยาบาลฟรีให้แก่แม่ของ ฉวน รวมถึงคุณตาของเธอที่กำลังป่วยอยู่เช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบอกว่า พวกเขาภาคภูมิใจในผลงานของ ฉวน ที่โอลิมปิก และเต็มใจจะช่วยเหลือครอบครัวของเธอ

บริษัท 3 แห่งในเมืองจานเจียงเสนอที่จะสร้างบ้านใหม่ให้ ฉวน เปิดร้านขายอาหารและขนมขบเคี้ยว (tuck shop) รวมถึงมอบเงินอัดฉีดพิเศษให้ด้วย ขณะที่นักธุรกิจท้องถิ่นคนหนึ่งเสนอมอบเงิน 200,000 หยวนให้แก่บิดาของ ฉวน ทว่าเขาได้ปฏิเสธไป

สวนสนุก สวนสัตว์ และรีสอร์ตหลายแห่งในจีนยังประกาศจะมอบแพกเกจ "เที่ยวฟรีตลอดชีวิต" ให้แก่ ฉวน และครอบครัวด้วย

ที่มา : Malay Mail, Global Times
#3727


"RentSpree (เรนท์สพรี)" แพลตฟอร์มช่วยเหลือการเช่าบ้านแบบครบวงจร ก่อตั้งโดย "เอกบุตร สิริศุภางค์" และเพื่อนในขณะที่ศึกษาอยู่ที่สหรัฐ มุ่งแก้ปัญหาและเปลี่ยนแปลงระบบการเช่าบ้านให้รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น โดยนำทุกขั้นตอนไปไว้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมด


เรนท์สพรี ช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินการปล่อยเช่าหรือเช่าบ้านในสหรัฐอเมริกาให้ง่ายขึ้น โดยเปรียบเสมือนตัวกลางระหว่างผู้เช่า เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ และนายหน้า ลดกระบวนการคัดกรอง ตรวจสอบและเช็คข้อมูลต่างๆ การประเมินค่าเช่า ที่นำมาใช้ในการพิจารณาและตัดสินใจ จนถึงการทำสัญญาเช่า และการซื้อประกันการเช่าบ้านด้วยเพื่อความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

'ฮับ' แห่งวงการเช่าบ้าน

เอกบุตร ซีโอโอ และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เรนท์สพรี จำกัด กล่าวว่า "เรนท์สพรี" เวอร์ชั่นแรกได้เจาะจงไปที่ผู้ต้องการเช่าบ้าน โดยช่วยส่งเอกสารแบบฟอร์มการเช่าบ้านและการเช็คเครดิต ให้กระบวนการทุกอย่างเสร็จภายในระยะเวลาไม่กี่นาที แต่ทั้งนี้ในมุมของเจ้าของบ้านหากไม่รู้จักก็จะไม่เกิดการใช้งานและยอมรับในระบบ เนื่องจากผู้เช่าไม่มีอำนาจในการตัดสินใจในกระบวนการสมัครเช่าบ้าน ทำให้ในระยะแรกเจอกับปัญหาตรงจุดนี้

เขาและทีมงานจึงมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนแผนการตลาดใหม่ทั้งหมด โดยการหันไปเจาะกลุ่มนายหน้าแทนรายบุคคล นั่นจึงเป็นจุดเปลี่ยนของเรนท์สพรีจากบิซิเนสโมเดล B2C สู่ B2B2C คือการพาร์ทเนอร์กับสมาคมต่างๆ โดยในสหรัฐจะมีสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่ส่วนใหญ่จะมีระบบ Multiple Listing Service หรือ MLS ที่ใช้ตรวจสอบและอัพเดทข้อมูล ทำให้การคัดกรองทางการเงินเป็นไปได้โดยง่าย และเกิดการช่วยโปรโมทเครื่องมือของเรนท์สพรีให้กับเมมเบอร์ขององค์กรอีกทางหนึ่ง


ปัจจุบันเรนท์สพรีมีอัตราการเติบโตมากกว่า 2-3 เท่าทุกปี และถือเป็นสตาร์ทอัพด้านอสังหาที่มาแรงในสหรัฐ มีผู้ใช้บริการมากกว่า 6 แสนราย ทั้งช่วยเหลือเจ้าของบ้านและเอเย่นต์ไปกว่า 1 แสนราย ผ่านการทำธุรกรรมการเช่าบ้านกว่า 5 แสนรายการ โดยได้ขยายไปยังรัฐต่างๆ เช่น เท็กซัส ฟลอริดา จอร์เจีย จากเดิมที่ให้บริการเฉพาะในแคลิฟอร์เนียเท่านั้น 

"แม้ว่าเรนท์สพรีจะเป็นที่นิยมใช้ในตลาดอเมริกา แต่กลับมีทีมพัฒนาทั้งหมดอยู่ที่ประเทศไทย ซึ่งแสดงถึงศักยภาพของคนไทยในการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อตอบโจทย์ตลาดต่างประเทศได้อย่างตรงจุด"


ปั้นซิลิคอนวัลเลย์ขนาดย่อม

ปัจจัยที่เป็นแรงผลักดันให้เรนท์สพรีประสบความสำเร็จ คือ 1.ทีมพัฒนาที่เป็นคนไทยที่มีความเชี่ยวชาญสูง โดยแบ่งออกเป็น 2 ทีมหลักๆ คือ วิศวกรซอฟต์แวร์ นักออกแบบผลิตภัณฑ์ 2.ความเชื่อมั่นในตัวทีมและให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมในองค์กร 3.ในส่วนของกระบวนการทำงานเป็นการย้อนรอยจากสตาร์ทอัพที่สหรัฐ

นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการเติบโตในสายงานของพนักงาน โดยนำระบบเลเวลเข้ามาใช้กับทุกตำแหน่ง อีกทั้งมีงบเทรนนิ่งให้กับพนักงานทุกคน การให้อิสระในการทำงานและจัดการสิ่งที่ได้รับมอบหมายด้วยตนเอง ทำให้กล้าตัดสินใจ กล้าลองผิดลองถูก สิ่งเหล่านี้ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และทำให้แต่ละคนมี Ownership กับงานมากขึ้นเรียกได้ว่าเป็นซิลิคอนวัลเลย์ขนาดย่อมนั่นเอง

สำหรับความท้าทาย เอกบุตร ชี้ว่า ย้อนไปช่วงแรกของธุรกิจ คือเรื่องของการหาคนมาร่วมทีม อีกทั้งในขณะที่เป็นเทคสตาร์ทอัพมือใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ จึงต้องหาข้อมูลจากหนังสือและทดลองทำทุกอย่างเองทั้งหมด และเมื่อระดมทุนจึงยากที่จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุน เพราะไม่มีประวัติความสำเร็จ จนต้องใช้ความพยายามกว่า 4 ปี จึงจะสามารถระดมทุนก้อนแรกได้เมื่อปลายปี 2563 ในรอบ Seed Fund เป็นมูลค่า 2.3 ล้านดอลลาร์

"สิ่งที่ทำให้เรนท์สพรีเป็นที่สนใจของนักลงทุน คือ การที่บริษัทมีข้อมูลที่บันทึกไว้ตลอดว่าบริษัทเติบโตได้ 2-4 เท่าต่อปี ทำให้นักลงทุนเกิดความสนใจ บวกกับบริษัทมีศักยภาพในการเติบโตที่สูง อีกทั้งเป้าหมายของบริษัทเป็นไปได้จริง และบิซิเนสโมเดลมีความยั่งยืน ทำให้ความเสี่ยงในการลงทุนกับเรนท์สพรีน้อยกว่าการลงทุนอื่นๆ"

ณะที่ภาพรวมการแข่งขันของตลาด Prop-Tech Startup ในสหรัฐมีผู้เล่นจำนวนมาก หลายส่วนเป็นองค์กรใหญ่ที่พัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับอพาร์ตเมนต์หรืออาคารขนาด 500 ยูนิตขึ้นไป ตลาดจึงเป็น Red Ocean การแข่งขันสูง ส่วนตลาดที่เป็นเจ้าของบ้านรายย่อย 1-5 ยูนิตยังไม่ค่อยมีผู้เล่นมากนัก แต่เรนท์สพรียังสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาพัฒนาระบบให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เร่งขยายทีมรองรับเต็มสูบ

เอกบุตร กล่าวต่อไปว่า ภาพรวมตลาดและการเติบโตของอุตสาหกรรมอสังหาฯ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีผู้เช่าเพิ่มขึ้น ราคาบ้านสูงขึ้น และคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มที่จะย้ายงานไปต่างรัฐมากขึ้น จึงไม่อยากซื้อบ้านแต่ต้องการเช่าแทน ตลาดจึงกลายเป็นของผู้เช่า

ส่วนแผนการดำเนินงานในอนาคต ในแง่การตลาดมีแพลนที่จะเจาะตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ด้วยความที่เซอร์วิสของเรนท์สพรียังเป็นแค่ 1 ใน 10 อย่างที่เกี่ยวกับการเช่าบ้าน จึงวางแผนดำเนินการส่วนที่เหลือให้ครบวงจรในส่วนของการเช่าบ้านทั้งหมด อาทิ การชำระเงินค่าเช่า การซ่อมแซมบ้าน รวมทั้งเครื่องมือสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างผู้เช่าและนายหน้า

หลังจากที่สามารถคว้าเงินทุน รอบ Series A มูลค่ากว่า 8 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 250 ล้านบาทไปหมาดๆ กลยุทธ์หลังจากนี้ตั้งเป้าที่จะต่อยอดธุรกิจผ่านการขยายทีมพัฒนาคนไทยเพิ่มขึ้น 3 เท่า จากเดิม 55 คน เป็น 300 คนภายในปี 2565 พร้อมทั้งในส่วนของรายได้ตั้งเป้าที่จะแตะ 1 พันล้านบาทภายในสิ้นปีหน้าเช่นกัน
#3728


GPSC สุดแกร่งผลประกอบการไตรมาส 2/2564 คว้ากำไร 2,302 ล้านบาท โต 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โชว์ศักยภาพแผนการดำเนินงานครึ่งปีหลัง เดินหน้านวัตกรรมพลังงานเต็มสูบ รับรู้ผลการดำเนินงานจากพอร์ตพลังงานสะอาดในต่างประเทศทั้งอินเดีย และไต้หวัน พร้อมยกระดับมาตราการคุมเข้มป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ดูแลความมั่นคงระบบการผลิต ป้อนไฟฟ้าได้ต่อเนื่อง

นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทโกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2564 มีรายได้ทั้งสิ้น 18,234 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2563 โดยมีกำไรสุทธิ 2,302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2563 (YoY) โดยสาเหตุหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี การรับรู้รายได้จากเงินชดเชย ค่าประกันภัยของโรงไฟฟ้าโกลว์พลังงานระยะที่ 5 ปัจจัยบวกจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงของก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้การดำเนินงานของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) มีกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น แม้ว่ากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) จะลดลงในส่วนของโรงไฟฟ้าเก็คโค่วัน ที่มีแผนหยุดซ่อมบำรุงในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของไตรมาส 2/2564 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2564 (QoQ) มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 329 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% เป็นผลการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเงินชดเชยจากค่าประกันโรงไฟฟ้าโกลว์ พลังงานระยะที่ 5 และมีกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้า IPP ถึงแม้ว่า กำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า SPP ลดลง เนื่องจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะเดียวบริษัทฯ ยังรับรู้มูลค่า Synergy ร่วมกับ GLOW จากการควบรวมกิจการสุทธิหลังภาษี จำนวน 436 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ รวมถึงการใช้โครงข่ายไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน ทั้งยังสามารถลดต้นทุนจัดซื้อจัดจ้าง และงานซ่อมบำรุงได้ตามเป้าหมาย

สำหรับภาพรวมของผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 4,276 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23% โดยมีรายได้ทั้งสิ้น 34,858 ล้านบาท หรือลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม แผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงแสวงหาโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านพลังงาน จากกลยุทธ์หลักในการร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ที่ประสบความสำเร็จในช่วงเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ได้แก่ วันที่ 13 ก.ค. 2564 บริษัท โกล. รีนิวเอเบิล ซินเนอร์ยี่ จำกัด (GRSC) ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 100% ได้บรรลุข้อตกลงในการเข้าลงทุนในบริษัท Avaada Energy Private Limited (Avaada) สัดส่วนประมาณ 41.6% คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 14,825 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ประเทศอินเดีย กำลังผลิตรวม 3,744 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เรียบร้อยแล้วประมาณ 1,392 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวนประมาณ 2,352 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอย COD ในปี 2564-2565 ทำให้สามารถรับรู้รายได้ทันที นอกจากนี้ วันที่ 14 ก.ค. 2564 GRSC ยังได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับกองทุน CI-II และ CI-III ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท Copenhagen Infrastructure Partners (CIP) เพื่อเข้าลงทุนในสัดส่วน 25% ในโครงการ Changfang และ โครงการ Xidao (CFXD) ซึ่งเป็นโครงการการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่ง (Offshore wind) ในไต้หวัน กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมจำนวน 595 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอย COD ในช่วงปี 2565-2567 CFXD มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ บริษัท Taiwan Power Company โดยคาดว่าการดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับก่อนดังกล่าวจะแล้วเสร็จและสามารถดำเนินการโอนหุ้นได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565

พร้อมกับความสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมพลังงาน โดย GPSC ได้เปิดโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงานด้วยเทคโนโลยี SemiSolid กำลังการผลิตเริ่มต้น 30 MWh ต่อปี ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เป็นการผลิตแบตเตอรี่ G-Cell ที่ใช้เทคโนโลยี 24M เป็นแบตเตอรี่ชนิดกึ่งแข็ง ที่มีความปลอดภัยสูง มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นหน่วยงานกักเก็บพลังงานจากพลังงานหมุนเวียนในการเพิ่มประสิทธิภาพจ่ายไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถรองรับอุตสาหกรรมไฟฟ้ายานยนต์แห่งอนาคต (EV)

"แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ทำให้หลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน มีมาตรการต่างๆ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด โดย GPSC ในฐานะผู้ผลิตสาธารณูปโภคในการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจและสังคม ได้ยกระดับมาตรการป้องกันเข้มข้นสูงสุด ผ่านการดำเนินงานโดยศูนย์เฝ้าระวังและติดตามการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส (GPSC G-COVID Center) ของบริษัทฯ โดยกำหนดให้พื้นที่กระบวนการผลิตเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ ตั้งทีมปฏิบัติการเฉพาะกิจของแต่ละโรงไฟฟ้า ห้ามบุคคลภายนอกเข้าพื้นที่สำนักงานและพื้นที่ปฏิบัติการอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง เพื่อให้การผลิตไฟฟ้า ไอน้ำและสาธารณูปโภคเป็นไปมีเสถียรภาพและความมั่นคง ตอบสนองความต้องการใช้ของกลุ่มลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง" นายวรวัฒน์กล่าว
#3729


นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (8 สิงหาคม 2564) ธอส. ได้จัดงาน "8/8 GHBank NPA Double Sale" ประมูลบ้านมือสองออนไลน์ (Stay Home Online Auction) ผ่าน Application : GH Bank Smart NPA เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยคัดทรัพย์เด่นทั่วประเทศมาเปิดประมูลระหว่างเวลา 10.00-10.30 น. ปรากฏว่าสามารถขายได้ถึง 43 รายการ คิดเป็นมูลค่ารวม 47 ล้านบาท แบ่งเป็นทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 8 รายการ และทรัพย์ในส่วนภูมิภาค 35 รายการ

โดยทรัพย์ที่มีราคาประมูลต่ำสุดที่มีผู้ประมูลซื้อได้ในครั้งนี้ คือ ทรัพย์ประเภทห้องชุด ชั้น 5 ขนาดเนื้อที่ 22.75 ตารางเมตร ในโครงการพรอนันต์ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ปิดประมูลขายได้ในราคาเพียง 65,000 บาทเท่านั้น ส่วนทรัพย์ที่ประมูลขายได้ในราคาสูงที่สุด คือ ทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดเนื้อที่ 52 ตารางวา ในโครงการ Glory House อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปิดประมูลในราคา 2,920,000 บาท

ส่วนทรัพย์รายการเด่นที่ขายได้ในครั้งนี้ เช่น คอนโดมิเนียม ขนาด 29.95 ตารางเมตร ชั้นที่ 3 ในโครงการอัสสกาญจน์เพลส รามคำแหง-วงแหวน ซอยรามคำแหง 147/2 กรุงเทพฯ และทรัพย์ประเภทบ้านแฝด 1 ชั้น ขนาด 35.40 ตารางวา ในหมู่บ้านเทพบุรี (รัษฎานุสรณ์) อำเภอเมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ปิดประมูลในราคาตั้งต้นที่ 2,680,000 บาท  

ทั้งนี้ สำหรับลูกค้า 8 ลำดับแรกของรายการทรัพย์ใน กทม. และปริมณฑล รวมถึง 8 ลำดับแรกของลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ในภูมิภาคที่เสนอราคา และชนะประมูล หากทำสัญญาจะซื้อจะขายภายในวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ได้รับฟรี!! สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดเกล็ดดาว มูลค่า 5,000 บาท ซึ่งสามารถลุ้นรับรางวัลมูลค่าสูงสุดถึง 1 ล้านบาททุกเดือน รวมถึงหากโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันที่ 29 ตุลาคม 2564 จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 10% จากราคาที่ปิดประมูลและเลือกใช้โปรโมชั่นผ่อนดาวน์ดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 4 ปี หรือ 48 เดือนได้อีกด้วย 

สำหรับการประมูลครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 9/9 หรือวันที่ 9 กันยายน 2564 สอบถามรายละเอียดและดูข้อมูลทรัพย์ NPA ของธนาคารได้ที่ www.ghbhomecenter.com กรณีทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โทร 0-2202-1016, 0-202-1582 ส่วนทรัพย์ในภูมิภาค โทร 0-202-1170 หรือ 0-202-2036 และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์
#3730


รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยและอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต กล่าวว่า ทิศทางค่าเงินบาทอาจอ่อนค่าทะลุระดับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ในช่วงไตรมาสสี่ปีนี้ จากดุลบัญชีเดินสะพัดที่มีแนวโน้มอาจติดลบในปีนี้ โดยในไตรมาสแรกปี 2564 ดุลบัญชีเงินสะพัดขาดดุลแล้ว 2.6 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าในไตรมาสสองและสามจะยังคงขาดดุลต่อเนื่อง ดุลการค้าเกินดุลลดลง คาดว่าปีนี้ดุลบัญชีเงินทุนมีเงินไหลออกสุทธิไม่ต่ำกว่า 3-4 พันล้านดอลลาร์ โดยมีทั้งการไหลออกของเงินลงทุนโดยตรงและการลงทุนในหลักทรัพย์ในตลาดการเงิน ปีที่แล้วเงินทุนไหลออกสุทธิประมาณ 3.59 พันล้านดอลลาร์ อัตราการค้าปรับตัวลดลงเป็นผลมาจากราคานำเข้าสินค้าเพิ่มสูงกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาส่งออก

ทางด้านเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกามีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทั้งตัวเลขการเพิ่มขึ้นของการจ้างงาน ตัวเลขตำแหน่งงานเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นถึง 943,000 ตำแหน่ง อัตราการว่างงานลดลงต่อเนื่อง การกระเตื้องขึ้นของดัชนีภาคการผลิตและการบริการ ดัชนีค้าปลีกและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาท นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐอาจทยอยลดวงเงินในการทำ QE ลงในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า           

แม้นการอ่อนค่าของเงินบาทเป็นภาพสะท้อนของภาวะเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอลงอย่างมาก แต่ผลของการอ่อนค่าของเงินบาทเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจโดยรวม จะช่วยกระตุ้นภาคส่งออก การจ้างงานและรายได้จากการท่องเที่ยวหากสามารถเปิดประเทศได้ ผลกระทบในทางลบที่มีต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจและแรงกดดันเงินเฟ้อจะไม่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีกำลังการผลิตส่วนเกินอยู่จำนวนมาก และอัตราการใช้กำลังการผลิตโดยรวมยังต่ำอยู่เฉลี่ยอยู่ที่ 66-67% ไม่ว่าพิจารณาปัจจัยทางด้านอุปสงค์หรืออุปทานไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นมาก

ขณะที่การระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ในสหรัฐ ยุโรป หรือญี่ปุ่น จะทำให้ธนาคารกลางของประเทศเหล่านี้จะใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำพิเศษไปอีกอย่างน้อยหนึ่งถึงสองปี ความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย การเร่งตัวของเงินเฟ้อและเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงินบรรเทาลง อัตราดอกเบี้ยจะต่ำไปอีกนาน จึงขอให้ "คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน" ของธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาอย่างจริงจังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เหลือ 0% หรืออย่างน้อยต้องลดลงให้เหลือ 0.10% ในการประชุมครั้งต่อไปเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจที่จะทรุดตัวลงในปลายไตรมาสสามต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2565 หากตัดสินใจช้าจะไม่สามารถประคับประคองเศรษฐกิจได้ทันการณ์ และดูเหมือนว่าประเทศคงจำเป็นต้องมีการล็อกดาวน์อยู่เป็นระยะๆ และคาดว่ามาตรการคลังมีข้อจำกัดจากเพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพีที่น่าจะทะลุเพดาน 60% อย่างแน่นอน

ส่วนการปรับลดความคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมายคุ้มครองเงินฝาก ในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อสถาบันการเงิน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.นี้นั้นจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจและระบบสถาบันการเงินมีเสถียรภาพและมีความมั่นคงมากขึ้น รวมทั้งลดภาระต่อเงินสาธารณะในกรณีเกิดปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินขึ้นในอนาคตหรือธนาคารถูกเพิกถอนใบอนุญาต อัตราขยายตัวของการฝากเงินของประชาชนและกิจการต่างๆ ก็ปรับตัวลงอย่างมากในช่วงวิกฤตการณ์เศรษฐกิจโควิด-19 คนฝากเงินในระบบสถาบันการเงินที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาทในแต่ละธนาคารมีอยู่ประมาณ 2% ของทั้งระบบ 97-98% ของผู้ฝากเงินมีเงินฝากต่ำกว่า 1 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ใช้บริการเงินฝาก e-money มากขึ้นตามลำดับ จึงควรขยายวงเงินฝากให้ครอบคลุมเงินฝาก e-money และควรขยายวงเงินคุ้มครองเงินฝากจาก 1 ล้านเป็น 2-3 ล้านบาทเมื่อบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองวงเงิน 1 ล้านไปเป็นระยะ 1-2 ปีแล้ว เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมทางการเงินอาจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม


นอกจากนี้ เขา มองว่า การขยายเวลาและขยายพื้นที่ล็อกดาวน์ไม่ได้ผลในการลดการติดเชื้อ และจำนวนผู้เสียชีวิตมากนัก ควรเปลี่ยนวิธีการให้ดำเนินชีวิตได้ตามปรกติมากที่สุดและเดินหน้าเปิดประเทศหลังจากระบบสาธารณสุขสามารถรองรับผู้ป่วยหนักได้เต็มที่แล้ว จุดประสงค์ของการล็อกดาวน์ คือ ป้องกันไม่ให้ระบบสาธารณสุขล่มสลาย ไม่ให้จำนวนผู้ป่วยล้นเกินไป เพราะล็อกดาวน์ไม่ได้ทำให้โรคหายไป เราจะต้องอยู่กับโควิด-19 ไปอีกนาน ฉะนั้นเราต้องมีวิธีการจัดการใหม่ คือ อยู่กับมันเหมือนเราอยู่กับโรคไข้หวัดใหญ่ หรือ โรคเอดส์ โดยเน้นให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรฐานสาธารณสุขเคร่งครัด ฉีดวัคซีนในอัตราเร่งเดือนละ 10 ล้านโดสเป็นอย่างต่ำ หรือ วันละสามแสนสามหมื่นสี่พันโดสเป็นอย่างน้อย เป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ 50 ล้านคน (70% ของประชากร) ได้ฉีดเข็มแรกภายในเดือนตุลาคมก็จะบรรลุผลและเดินหน้าเปิดประเทศได้ รวมทั้งต้องเน้นฉีดกลุ่มคนทำงานที่ต้องสัมผัสกับผู้คนมากๆ ก่อนเพื่อลดการแพร่ระบาด เช่น บุคลากรทางการแพทย์ ตำรวจ รปภ กลุ่มวินมอเตอร์ไซด์ กลุ่มคนขับรถเมล์ คนขับแท็กซี่ พนักงานบริการต่างๆ เป็นต้น การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันมีต้นทุนที่ถูกกว่าการปล่อยให้คนติดเชื้อแล้วค่อยรักษามาก หากปล่อยให้คนติดเชื้อและอยู่ในระหว่างการรักษาเกิน 400,000 คนในแต่ละช่วงเวลา ต้นทุนทางเศรษฐกิจจะสูงมากและอัตราการเสียชีวิตจะเพิ่มเฉลี่ยเกิน 200 คนต่อวันได้

การควบคุมการระบาดในระยะนี้ต้องเน้นไปที่มิติความสัมพันธ์ของคนมากกว่าคุมพื้นที่ เช่น คนงานติดเชื้อที่โรงงาน ไม่ใช่เน้นไปคุมพื้นที่โดยรอบโรงงานหรือปิดโรงงาน ต้องเอา "คนติดเชื้อ" ออกมา แล้วให้โรงงานเปิดการทำงานได้ตามปรกติ แล้วเน้นไปควบคุมว่าคนงานติดเชื้อนั้นไปมีปฏิสัมพันธ์กับใครบ้างมากกว่า การดำเนินการแบบนี้จึงไม่ทำให้เศรษฐกิจเสียหายไปมากกว่านี้ สิงคโปร์ ไต้หวัน ก็ทำแบบนี้ นอกจากนี้ยังต้องจัดสรรงบประมาณให้ระบบสาธารณสุขมีความเพียงพอต่อการรองรับผู้ป่วยหนัก
#3731


"สสจ.นครสวรรค์" แจงปมป้าย"อนุทิน"มอบไฟเซอร์" ยืนยันไม่เคยใช้งาน สั่งเก็บก่อนรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ขอความเป็นธรรมให้ทุกฝ่าย อย่ามองเป็นการเมือง ถามเจตนาคนนำภาพไปแชร์ต้องการอะไรทั้งที่รู้แก่ใจ
ภายหลังมีภาพสาธารณสุข จ.นครสวรรค์ เตรียมต้อนรับนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อมอบวัคซีนไฟเซอร์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์

 

ล่าสุด นายแพทย์อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวกรณีมีภาพข่าวเรื่อง "ป้ายมอบวัคซีนไฟเซอร์" บนเวทีขณะนายอนุทิน มาตรวจเยี่ยมแผนการควบคุมโรคระบาด และให้กำลังใจคนทำงานเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องของการเข้าใจที่คาดเคลื่อนของผู้ร่วมงาน และนำภาพที่ไม่เป้นความจริงทั้งหมดไปเผยแพร่ จนกลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นและเป็นการเมืองเกินไป เนื่องจากป้ายดังกล่าวไม่ได้ใช้งานบนเวทีเลย

"เห็นว่าหากนำป้ายดังกล่าวมาติดบนเวที จะกลายเป็นประเด็นทางการเมือง จึงสั่งเก็บป้ายก่อนที่รัฐมนตรีจะเดินทางมาเป็นชั่วโมง และก็เป็นเรื่องจริงๆซึ่งหมายความว่าตนที่อยู่ในงาน นำภาพป้ายออกไปเผยแพร่ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าป้ายไม่ได้ใช้ ซึ่งไม่ทราบว่าเจตนาเพื่ออะไร บุคลากรสาธารณะสุขไม่ใช่นักการเมือง แต่ถูกดึงเข้าไปยุ่งกับการเมืองด้วย"

นายแพทย์อดิสรณ์ กล่าวต่อว่า ตนไม่เคยตำหนิเจ้าหน้าที่ซึ่งทำป้ายดังกล่าวมาหวังให้กำลังใจ และสร้างสีสันบนเวทเข้าใจเจตนาดีว่าต้องการให้กำลังใจ รัฐมนตรีฯและรองนายกฯ เพราะคิดว่าคนระดับรองนายกฯเดินทางมาเยี่ยมเยือน ก็น่าจะให้กำลังใจกันแต่เมื่อทีมงานเห็นป้ายบนเวทีข้อความดังกล่าว

 

"เกรงว่าจะเป็นประเด็นการเมืองจึงสั่งปลดป้ายทันที ก่อนที่รัฐมนตรีจะเดินทางมานานนับชั่วโมงและไม่เคยใช้ป้ายนั้นอีกเลย ต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐมนตรีฯ คือท่านไม่ทราบเรื่องอะไรเลย ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกัน บุคลากรทางการแพทย์ไม่ใช่นักการเมือง เราไม่ยุ่งกับการเมืองแต่อย่างใด"

ขณะนี้บุคคลากรทางการแพทย์ของจังหวัดนครสวรรค์มีขวัญกำลังใจดี ไม่เสียกำลังใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจะขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะว่าแพทย์ พยาบาล จะเสียกำลังใจไม่ได้ เนื่องจากคนไข้เข้ามารักษากันวันละ200-300 คน ทุกคนต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ขอสังคมอย่ามองเป็นเรื่องการเมืองจนเกินพอดี

 

"ยืนยันไม่เคยใช้งาน สั่งเก็บก่อนรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ขอความเป็นธรรมให้ทุกฝ่าย อย่ามองเป็นการเมืองเกินไป ถามเจตนาคนนำภาพไปแชร์ต้องการอะไรทั้งที่รู้แก่ใจ"
#3732


สธ.วัคซีนไฟเซอร์สำหรับบุคลากรฯด่านหน้า ฉีดแล้ว 5.7 หมื่นโดส  กระจายไปแล้ว 4.46 แสนกว่าโดส รอส่งรอบ2อีกกว่า 2.5 แสนโดส สัปดาห์นี้เริ่มฉีดกลุ่ม ผู้สูงอายุ-โรคเรี้อรังตั้งแต่ 12 ปี –หญิงตั้งครรภ์ ใน 13 จังหวัด จัดส่งไปที่รพ.ประจำจังหวัด เน้นกลุ่มเป้าหมายที่ไม่เคยได้รับวัคซีนชนิดใดมาก่อน   

           เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 8 สิงหาคม 2564 ในการแถลงสถานการณ์โควิด 19 ของกระทรวงสาธารณสุข ในประเด็น "การกระจายวัคซีนไฟเซอร์"นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า วัคซีนไฟเซอร์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาบริจาคให้ประเทศไทยจำนวน  1.5 ล้านโดสนั้น  ซึ่งปกติวัคซีนทุกชนิดที่ได้รับมาจะมีการตรวจสอบและเตรียมการก่อนการกระจายและการฉีดราว 1 สัปดาห์ แต่เนื่องจากวัคซีนไฟเซอร์นี้มีการเรียกร้องต้องการ จึงมีการกระจายและเริ่มการฉีดเร็วกว่าเดิมที่กำหนดไว้วันที่ 9 ส.ค. โดยตั้งแต่ 4-6ส.ค. มีการจัดส่งไปถึงโรงพยาบาลแล้ว 170 แห่งใน 77 จังหวัด  และช่วง 4-7 ส.ค.มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าแล้วจำนวน 5.7 หมื่นคน

        "การกระจายวัคซีนไฟเซอร์นั้น เพื่อให้ใช้เป็นการฉีดเข็มกระตุ้นในผู้ที่ฉีดครบ 2 เข็มแล้ว รวมถึงคนที่ฉีดวัคซีนเป็นเข็มแรกและฉีดเข็ม 2 อีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า โดยส่วนี้จะเป็นรบุคลากรที่เพิ่งจบใหม่และกลุ่มที่รอวัคซีน  อย่างไรก็ตาม บุคลากรฯด่านหน้าที่ฉีด 2 เข็มแรกไปแล้วหลายคนเลือกฉีดวีคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มกระตุ้นไปแล้วเมื่อช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีผู้ที่ฉีดเข็มกระตุ้นไปแล้ว   20 % เหลือรอฉีดวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มกระตุ้นประมาณ 70 % และอีกส่วนเป็นผู้ที่ไม่ต้องฉีดเข็มกระตุ้นในช่วงเวลานี้ โดยได้รับวัคซีนแอสตร้าฯไปครบ 2 เข็ม เพราะคณะผู้เชี่ยชาญยังไม่แนะนำให้ฉีดเข็ม 3 เพราะยังมีภูมิคุ้มกันที่สูงอยู่สู้กับเดลตาได้"นพ.โสภณกล่าว  

       นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า การจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ไปยังรพ.จึงส่งไปรพ. 50-75 % โดยดูข้อมูลจากระบบหมอพร้อม ว่าจำนวนผู้ที่ฉีดเข็ม 3 ด้วยแอสตร้าฯแล้วจำนวนเท่าไหร่ ร่วมกับข้อมูลที่รพ.สำรวจบุคลากร ก็จัดสรรไป 50-70  % แต่บางรพ.มีการส่งชื่อแบบเผื่อไว้ก่อนเมื่อมีการสอบทานใหม่พบว่าบางส่วนฉีดแอสตร้าฯไปแล้ว จึงต้องมีการสำรวจจำนวนดีๆ เนื่องจากขณะนี้หลายจังหวัดเริ่มมีการระบาดใหม่ ทำให้มีบุคลากร เช่น พยาบาลบางส่วนที่เดิมอาจจะเป็นพยาบาลด่านหลัง จะต้องมีช่วยดูแลผู้ป่วยโควิด 19ด้วยจึงกลายเป็นพยาบาลด่านหน้าใหม่ทันที  ก็ต้องสำรองวัคซีนไว้ให้กลุ่มนี้ด้วย 

 
  "วัคซีนไฟเซอร์สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่มีการจัดสรรไว้ราว 7 แสนโดส มีการจัดส่งรอบแรกประมาณ 446,000 กว่าโดส เหลืออีกประมาณกว่า 250,000 จะกระจายส่งไปอีกเพื่อเป็นการฉีดเข็ม 2 สำหรับผู้ที่เพิ่งฉีดวัคซีนเข็ม 1 และสำหรับคนที่ยังลังเลในการตัดสินใจฉีดบูสเตอรอยู่ช่วงแรก   ยืนยันบุคลากรด่านหน้าได้ฉีดทุกคน เพียงแต่วัคซีนทยอยไปล็อตแรก และครั้งที่  2 จะทยอยไปต่อ เพราะถ้าส่งทั้งหมดไปตั้งแต่แรกจะเกิดปัญหา บางแห่งเกินเพราะมีบุคลากรที่ฉีดแอสตร้าฯหกระตุ้นไปแล้ว แต่บางที่ขาด และถ้าขาดจะไปเอาจากที่เกินยากแล้ว รวมถึง ต้องพิจารณากรณีมีบุคลากรจบใหม่ หรือจากด่านหลังมาเป็นด่านหน้าด้วย"นพ.โสภณกล่าว  

       นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มเป้าหมายอื่นที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ในล็อตบริจาคนี้ด้วย คือ กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคเรื้อรังตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป โดยกลุ่มผู้ที่มีอายุ 12 ขึ้นไปนั้น จะฉีดเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวบางโรค เช่น โรคหัวใจ ไต โรคอ้วน เบาหวานและมะเร็ง เป็นต้น และหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ใน 13 จังหวัดที่เป็นพื้นทึ่ควบคุมสูงสุดและเข็มงวดก่อนหน้านี้ ประมาณ 650,000 โดสนั้น จะมีการทยอยส่งวัคซีนออกไปตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.นี้และคาดว่าน่าจะเริ่มฉีดได้ในช่วงกลางสัปดาห์ เช่นเดียวกับกลุ่มที่เป็นชาวต่างประเทศที่เป็นผู้สูงอายุ มีโรคเรื้อรังและตั้งครรภ์ และคนไทยที่จะเดินทางไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ที่มีการจัดสรรไว้ 1.5 แสนโดส ก็คาดว่าจะเริ่มฉีดได้ในช่วงกลางสัปดาห์เช่นกัน 
นพ.โสภณ กล่าวด้วยว่า การกระจายวัคซีนไฟเซอร์สำหรับฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปและหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปนั้น  จะจัดส่งไปที่รพ.ในแต่ละจังหวัด ซึ่งหลักๆจะเป็นรพ.ประจำจังหวัด เพื่อให้สามารถจัดบริการได้อย่างมีคุณภาพ  โดยการให้วัคซีนไฟเซอร์จะเน้นคนที่ไม่เคยได้รับวัคซีนชนิดใดมาก่อนเลย และอยู่ในกลุ่มเป้าหมาย ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปและหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและอีก 3 สัปดาห์ก็ฉีดเข็ม 2

เหล่านี้เป็นหลักเกณฑ์ที่จะให้จังหวัดพิจารณาดำเนินการ เพราะวัคซีนนี้เมื่อไปถึงพื้นที่จะต้องฉีดให้หมดภายใน 31 วัน ก็ฉีดให้คนที่มาเร็วและได้ฉีดเร็ว เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงได้รับการป้องกันและลดการเสียชีวิต  โดยจะมีการจัดสรรไปใน  13 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดก่อนหน้านี้ก่อน ส่วนอีก 16 จังหวัดที่เพิ่มขึ้นมากนั้นจะมีการพิจารณาจัดสรรวัคซีนที่จะเข้ามาในล็อตต่อไป 
#3733


ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดวันพฤหัสบดี (5ส.ค.)ร่วงลง 5.60 ดอลลาร์ หลังจากที่นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 5.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,808.90 ดอลลาร์/ออนซ์

ทั้งนี้ นายแคลริดา กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟดภายในปลายปีหน้า ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

"ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะบรรลุเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปลายปีหน้า และการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติในปี 2566 จะสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยแบบยืดหยุ่นของเฟด" นายแคลริดากล่าว

"หากการคาดการณ์ของผมเป็นจริง ก็คาดว่าเฟดจะประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้" เขากล่าว

คำกล่าวของนายแคลริดาสอดคล้องกับถ้อยแถลงก่อนหน้านี้ของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด โดยนายวอลเลอร์ ระบุว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีภายในเดือนต.ค.

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นตัวเลขจ้างงานตัวสุดท้าย ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในวันพรุ่งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 926,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่เพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.

หากตัวเลขการจ้างงานออกมาแข็งแกร่ง ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดเริ่มปรับลดวงเงินคิวอี

นักลงทุนคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอีในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล
#3734


จากสถานการณ์วิกฤตภัยร้าย "โควิด-19" ที่ทำให้เกิดสถานการณ์ที่ต้องหยุดชะงักหลายคนต้องตกงาน และขาดรายได้หลักจากการทำงานในวิชาชีพ ในช่วงสถานการณ์เช่นนี้เราทุกคนจะได้เห็นอีกแง่มุมกับน้ำใจของคนไทยและของเหล่าคนบันเทิงทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลังที่ได้เข้ามาหยิบยื่นความช่วยเหลือ แบ่งปันน้ำใจ ด้วยบริจาคเงินและสิ่งของจำเป็นที่ขาดแคลนต่อบุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาล ไม่เว้นแม้แต่นักร้องหนุ่ม "ป๊อบ ปองกูล สืบซึ้ง" ที่ล่าสุดเจ้าตัวก็ส่งมอบเครื่องผลิตออกซิเจนเพิ่มอีก 73 เครื่อง ให้โรงพยาบาล และอาสา

โดยหนุ่ม "ป๊อบ ปองกูล" ได้โพสต์ภาพลงอินสตาแกรม พร้อมเขียนข้อความว่า "ตอนนี้ถึงไทยทั้งหมด 73เครื่องแล้วครับ ทยอย ส่งต่อถึงอาสาสมัคร แพทย์ พยาบาล และ โรงพยาบาล ที่เราติดต่อไว้ครับ ขอบคุณภูมิและหยี ที่ไปช่วยขนของ และคุณกานและแฟน ที่เป็นธุระให้ทุกอย่างนะครับ" งานนี้ก็มีแฟนคลับเข้ามาส่งอิโมจิรูปหัวใจให้รัวๆ กันเลยทีเดียว
#3735


วันนี้ (6 ส.ค.) เมื่อเวลา 01.30 น. ร.ต.ท.ปฎิญญา จิรันดอน รองสว.(สอบสวน) สน.คันนายาว รับแจ้งเหตุหญิงถูกมีดแทงเสียชีวิต ที่บ้านพักหลังหนึ่ง ถ.เลียบคลอง 2 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม.จึงไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.วาสุเทพ คงกล่อม ผกก.สน.คันนายาว พ.ต.ท.ยงค์ยุทธ์ ประเสริฐผล รอง ผกก.ป.สน.คันนายาว พ.ต.ท.พงษ์สิทธิ์ ปาลาพงศ์ รองผกก.สส.สน.คันนายาว ฝ่ายสืบสวน กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น เนื้อที่ 32 ตร.ว. ที่ห้องนอนชั้น 2 พบร่าง น.ส.พิม อายุ 25 ปี นอนหงายอยู่ข้างเตียงนอน พบมีแผลกว่า 20 จุดตามร่างกาย ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นแฟนหนุ่มของผู้เสียชีวิตคือ นายธนภัทร หรือ ทอยทอย อายุ 21 ปี นักแสดงหนุ่มในละครซีรีส์ ทางช่องทีวีดังช่องหนึ่ง รับบทเป็นพระเอกในเรื่อง กำลังยืนรอมอบตัวกับตำรวจด้วยสีหน้าตื่นตกใจ โดยข้างลำตัวพบมีดปอกผลไม้ ปลายแหลมความยาวประมาณ 5 นิ้ว ตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนนายธนภัทร ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับแฟนสาว นั่งดื่มเบียร์กันอยู่ที่ห้องด้านล่าง กระทั่งช่วงเวลา 22.00 น. ตนกับแฟนสาวก็ได้ขึ้นห้องนอน สักครู่ก็เกิดมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องที่ตนต้องทำงานในวงการบันเทิง ก่อนที่แฟนสาวจะพูดขึ้นมาในทำนองว่าให้ตนเก็บสิ่งของออกไปจากบ้าน จากนั้นตนจึงได้เก็บสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัว

แต่ น.ส.ชัชสรัญ ก็ยังไม่หยุดพูดก่อนเดินลงชั้นล่างไปหยิบมีดปลอกผลไม้ที่ห้องครัวแล้วกลับเดินขึ้นมาที่ห้องนอน จากนั้นก็มีปากเสียงกันรุนแรงมีการยื้อแย่งมีดกัน จึงเป็นเหตุให้แฟนสาวถูกแทงเข้าที่หน้าอกหลายครั้งจนเสียชีวิต เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เชื่อคำให้การของนายธนภัทร ซึ่งหลังจากนี้จะทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนแจ้งดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนร่างของน.ส.พิม ส่งไปชันสูตรศพที่ รพ.ตำรวจ ก่อนติดต่อให้ญาติมารับไปบำเพ็ญกุศลต่อไป

นอกจากยังพบว่า ผู้เสียชีวิตเคยโพสต์ภาพใบรับรองแพทย์เป็นโรคซึมเศร้าเมื่อปี 2562 โดยระบุด้วยว่า ส่วนหนึ่งมาจากการที่โดนทำร้ายจากคนที่รักทั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน และเป็นจุดเริ่มต้นในการป่วยซึมเศร้าและไบโพล่า มาเป็นเวลา 2 ปีกว่า และยังพบอีกว่า เจ้าตัวได้โพสต์ภาพขับรถเบนซ์หรู ไม่ทราบรุ่นและทะเบียน สีขาว ชนท้ายรถกู้ภัยขณะกำลังจอดปฏิบัติหน้าที่ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับบาดเจ็บเหตุ ตรงแยกพระราม 9-ประดิษฐมนูธรรม เมื่อช่วงเช้ามืดเดือน ก.พ.2564
#3736


รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ได้รับรายงานการจำหน่าย หุ้นของ บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR โดยนายศึกษิต เพชรอำไพ ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2564จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย คิดเป็น 9.189% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย คิดเป็น 0% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

ส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย ของกลุ่มคิดเป็น 9.189% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย ของกลุ่มคิดเป็น 0% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

ทั้งนี้เป็นการทำธุรกรรมผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และยื่นแบบรายงานต่อ ก.ล.ต.วันที่ 5 ส.ค. จำนวนหุ้นที่จำหน่าย 50 ล้านหุ้น หรือ 9.189%

นอกจากนี้ ก.ล.ต.ยังได้รับรายงานการจำหน่าย หุ้นของ บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) โดยนายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2564 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย คิดเป็น 5.5134% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย คิดเป็น 0.0029% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

ส่วนจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย ของกลุ่มคิดเป็น 5.5134% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย ของกลุ่มคิดเป็น 0.0029% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
#3737


แม้ไลน์ (LINE) แอปพลิเคชันส่งข้อความแชตยอดฮิตจะไม่ได้ประกาศตรงไปตรงมาว่า วางเป้าหมายของธุรกิจ LINE for Business ปี 2564-2565 ไว้ที่การผลักดันตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศไทย แต่ LINE ก็มั่นใจว่าทิศทางธุรกิจที่จะเกิดในปีนี้ จะเป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยเข้าใจ และเห็นเทรนด์ที่ 'มากพอ' จนให้ธุรกิจไทยเข้ามาประสานพลังเป็นองค์รวม ติดปีกให้ไทยสามารถแข่งขันได้ดีขึ้นในยุคนิวนอร์มัล

ถามว่าทำได้อย่างไร? เรื่องนี้ประเมินเบื้องต้นได้จากกองทัพแบรนด์และหน่วยงานที่มาเปิดบัญชีทางการบน LINE หรือที่เรียกว่า LINE OA (LINE Official Account) LINE เชื่อว่าด้วยศักยภาพของแพลตฟอร์ม LINE ที่เข้าถึงคนไทยกว่า 49 ล้านคน บริการ LINE OA จึงมีโอกาสกลายเป็นตัวกลางสำคัญให้บริษัทและองค์กรภาครัฐสามารถให้ข้อมูลหรือให้บริการบางส่วนได้โดยที่คนไทยไม่ต้องเดินทางมายังสถานที่ให้บริการ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโลกธุรกิจวันนี้

LINE ยืนยันว่า LINE OA มียอดใช้งานสูงผิดปกติ ย้อนไปช่วง พ.ค. ปีที่แล้ว LINE ประกาศว่าจำนวนหน่วยงานที่มาเปิดบัญชีทางการเป็น LINE OA เพิ่มขึ้นมาเป็น 4 ล้านราย ขยายขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มี 3 ล้านราย มาปี 64 ดาวรุ่งอย่าง LINE ยังคงยึดตัวเลขเดิมคือ 4 ล้านรายไว้ พร้อมกับย้ำว่าในสถานการณ์ที่ไม่มีโควิด-19 ยอด LINE OA ไม่ได้เติบโตปีละ 1 ล้านราย แต่มักต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะทำได้

ภาวะนี้สะท้อนโอกาสของ LINE OA โดยเฉพาะปี 64-65 ที่ LINE วางโฟกัสไปที่ธุรกิจร้านอาหารและค้าปลีก ผ่านบริการชื่อมายช็อป (MyShop) และมายเรสเตอรอง (MyRestaurant) ที่เปิดพื้นที่ให้ร้านค้ารับออเดอร์และบริการลูกค้าได้ฟรีในขณะนี้ ก่อนที่จะมีการออกแบบให้บริการมีความคุ้มค่าต่อธุรกิจมากขึ้น เพื่อปูทางสู่การพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่จะเริ่มเก็บค่าบริการในช่วงปี 65

***ไม่ใช่เก็บเงินจากของที่เคยฟรี

นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ LINE ประเทศไทย กล่าวถึงแนวทางพัฒนาบริการ MyShop และ MyRestaurant ในปีหน้าว่าจะไม่มีการเปลี่ยนฟีเจอร์ให้บริการฟรีมาเป็นเก็บค่าบริการ แต่ LINE จะมีคุณสมบัติที่ดีขึ้นกว่าเดิมแล้วจึงค่อยเก็บค่าบริการ 

'เราอาจจะต้องขอเงินเป็นรายได้เราด้วย' นรสิทธิ์ระบุ 'เป้าหมายของ LINE คือการพัฒนาโซลูชันให้ใช้ง่าย เน้นให้ธุรกิจใช้ LINE OA ในการบริหารธุรกิจได้มากขึ้น ปัจจุบัน LINE ทำงานร่วมกับพันธมิตรหลายราย มีการเอา API มาปรับใช้เพื่อให้ธุรกิจใช้ LINE เป็นหน้าร้านได้ง่ายขึ้น เจาะกลุ่มคนไทยได้ทุกอายุ เรียกว่าถ้าใครหรือแบรนด์ใด ต้องการเข้าถึงคนไทยมากขึ้น ก็จะมาที่ LINE OA เชื่อว่าจะเป็นก้าวที่พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ'

ผลดีของเศรษฐกิจ จะไปอยู่ที่กระเป๋าเงินของ LINE ด้วย
ผลดีของเศรษฐกิจ จะไปอยู่ที่กระเป๋าเงินของ LINE ด้วย

LINE OA เป็นโซลูชันหลักที่ LINE ให้บริการลูกค้าธุรกิจและ SME ภายใต้แบรนด์ LINE for Business ธุรกิจนี้ต่อยอดไปมากจากที่ LINE เคยเป็นเพียงแอปพลิเคชันแชตที่ใช้เพื่อรับส่งความช่วยเหลือในช่วงวิกฤตแผ่นดินไหวใหญ่ที่ญี่ปุ่นเมื่อปี 2554 แล้วจึงเข้าสู่เมืองไทยช่วง 9 ปีที่แล้วที่โซเชียลมีเดียกำลังบูม สำหรับไทย เชื่อกันว่าคนไทยเริ่มทดลองใช้ LINE เพราะว่ามีสติกเกอร์น่ารัก ปูทางให้ LINE เริ่มพาธุรกิจมาสู่บริการ LINE OA ซึ่งกลืน 'LINE@' ที่ให้บริการ SME ก่อนหน้านี้เอาไว้ด้วย

LINE เปิดให้บริการ LINE Pay ในช่วง 2 ปีหลังจากนั้น พร้อมกับเริ่มทำธุรกิจคอนเทนต์ เช่น LINE Today จนมีการเปิดบริการ LINE MAN ราว 2-3 ปีต่อมามีการผลักดันธุรกิจ LINE ไปสู่วงการดิจิทัลไฟแนนซ์ มีการร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยเปิดเป็น LINE BK แล้วขยายไปเปิดธุรกิจอีคอมเมิร์ซผ่าน LINE Shopping ที่เข้าถึงผู้บริโภคตรงๆ ร่วมกับการขยายธุรกิจสติกเกอร์ให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น และการทำโอเพ่นแชต ซึ่งสร้างเป็นชุมชนที่สมาชิกสามารถพูดคุยได้แบบไม่เปิดเผยตัวตน

สิ่งที่ไลน์มองต่อจากนี้คือการปิดช่องว่าง LINE มองตัวเองเป็นแพลตฟอร์มที่ปิดช่องว่างระหว่างวัยหรือ generation จากตอนนี้ที่คิดว่ามีแต่ผู้ใช้วัยรุ่น แต่ขณะนี้ย่ายายก็หันมาใช้งาน LINE ทุกคนสามารถมาพบเจอกันบน LINE

'วันนี้ทุกคนมีกลุ่ม LINE ครอบครัว, LINE หมู่บ้านและ LINE เครือญาติ ภารกิจที่มองก็คือการทำให้ LINE ใช้งานง่ายมากขึ้นและดีมากขึ้น เราต้องรับผิดชอบมากขึ้น เพราะว่าประเทศไทยใช้ social ไม่เหมือนตะวันตก คนประเทศอื่นไม่ให้แชตส่วนตัวในการทำงาน แต่คนไทยไม่ถือสา และใช้ LINE ส่วนตัวในการทำงาน'

ในเมื่อทุกคนใช้ชีวิตบน LINE บริษัทจึงวางแผนใหม่ต่อยอดจากปีที่ผ่านมา LINE มองตัวเองเป็น Mass adapter enabler เพราะทั้งกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มผู้สูงวัยทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัดล้วนสามารถใช้งานได้เร็วเมื่อมี LINE เป็นสื่อกลาง เรียกว่าเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงผู้บริโภคได้เร็วขึ้น และเข้าใจการใช้งานได้มากขึ้น

ปีนี้ เชื่อว่าจะมีการใช้บริการการเงินใน LINE มากขึ้น ทะลุ 1 พันล้านทรานเซกชัน
ปีนี้ เชื่อว่าจะมีการใช้บริการการเงินใน LINE มากขึ้น ทะลุ 1 พันล้านทรานเซกชัน

LINE อธิบายว่าที่ผ่านมา บริษัทเน้นให้หน่วยงานที่ต้องการเข้าถึงคอนซูเมอร์มากขึ้น ได้ใช้งาน open API ซึ่งเป็นเหมือนปลั๊กที่เชื่อมทุกเทคโนโลยีให้ต่อติดกับ LINE และสามารถใช้ LINE เป็นหน้าบ้านให้คนทั้งประเทศใช้งานได้

ปรากฏว่าปีที่ผ่านมา หลายธนาคารไทยหันมาใช้งาน LINE มากขึ้น และในขณะที่แบรนด์ทั่วไปมักใช้ LINE แค่สื่อสารกับลูกค้า แต่กลุ่มธนาคารเป็นเซกเมนต์แรกที่ให้บริการ 'ง่ายๆ' บน LINE เลย ผลคือ LINE พบยอดเติบโตของการใช้งาน Digital Banking ผ่าน LINE API ตั้งแต่ปี 2562 มาจนถึงต้นปี 2564 ในรายเดือน (Monthly API Message) เพิ่มขึ้นถึง 80% การให้บริการ Digital Banking service ก้าวกระโดดมากขึ้นถึง 2.8 เท่า แปลว่ามีผู้เข้ามาใช้งานบริการการเงินจริงจังบน LINE ไม่ใช่แค่รับข่าวสารเท่านั้น

ตัวอย่างน่าสนใจคือ ธนาคารกสิกรไทยเปิดให้ผู้ใช้ LINE เปลี่ยนวงเงินบัตรโดยไม่ต้องไปที่สาขา สามารถยืนยันตัวตนได้โดยไม่ต้องโทรศัพท์ติดต่อเจ้าหน้าที่ ขณะที่ธนาคารกรุงไทยเปิดให้เช็คยอดเงินในบัญชีได้เลย ด้านธนาคารกรุงศรีอยุธยาก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิดให้เลือกวางแผนการลงทุนและซื้อกองทุนได้บน LINE เช่นเดียวกับธนาคารไทยพาณิชย์ที่เป็นเจ้าแรกซึ่งใช้ API ของ LINE ยังมี ธกส. ที่ตรวจผลสลากผ่าน LINE ได้เลย

'ในขณะที่ทั่วโลกพบว่าประชากรไทยใช้ mobile banking มากที่สุดในโลก ปีนี้เชื่อว่าจะมีการใช้บริการการเงินใน LINE มากขึ้น ทะลุ 1 พันล้านทรานเซกชัน'

***ปี 65 ขอเป็นส่วนเสริม

จาก Mass adapter enabler บทบาทของ LINE จะถูกเปลี่ยนเป็นส่วนเสริมเพื่อให้ประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น โดย LINE มองว่าจะรองรับทั้งส่วนเวิร์กฟอร์มโฮม การประชุมออนไลน์ และการรับวัคซีน

นรสิทธิ์อธิบายว่าการแพร่ระบาดทำให้เกิดวิกฤตจริง แต่ก็มีโอกาสแฝงอยู่ เบื้องต้นพบว่าแบรนด์หรูที่เป็น luxury segment ซึ่งมีมานานแต่ไม่ได้เร่งการขายบนออนไลน์มาก เพราะสินค้ากลุ่มนี้คือกลุ่มที่ลูกค้ามักไปซื้อที่ต่างประเทศหรือร้าน duty free แต่เมื่อการท่องเที่ยวหยุดชะงัก แบรนด์กลุ่มนี้จึงมองว่าเป็นโอกาสที่จะขายบนออนไลน์ โดยตั้งแต่ปี 62 พบว่าใน luxury segment มี LINE OA เพิ่มขึ้น 60% ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเครื่องสำอาง รองลงมาเป็นแฟชั่น และกลุ่มยานยนต์

'จุดที่น่าแปลกใจ คือก่อนนี้กลุ่ม luxury ยังไม่กล้าลองขายออนไลน์ แต่ตอนนี้ทุกแบรนด์มี LINE OA กันหมด ตรงนี้ไทยถือเป็นประเทศแรกที่มีการขายสินค้ากลุ่มนี้ผ่านแชต ที่น่าสนใจคือคนไทยแชตเพื่อซื้อสินค้า luxury จริงจัง พบว่าคนไทยมากกว่า 8 แสนคนเป็นเพื่อนผู้ติดตามแบรนด์เครื่องสำอาง ขณะที่ 2 แสนคนเป็นเพื่อนกับค่ายรถ และ 9 หมื่นคนเป็นเพื่อนกับแบรนด์แฟชั่นหรูอย่างชาแนลและดิออร์ จำนวนการแชตแบบ 1 ต่อ 1 มีมากกว่า 5,000 แชตต่อวัน เชื่อว่ากลางปี 65 แบรนด์หรูจะขยับมาให้บริการลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1 บนออนไลน์ได้สมบูรณ์'

ธุรกิจร้านอาหาร และค้าปลีก เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีจำนวนมากซึ่งได้รับผลกระทบหนักและมีส่งผลต่อ GDP ค่อนข้างสูง ในปีนี้ถึงปีหน้า LINE ตั้งเป้าผลักดัน 2 กลุ่มนี้เพื่อสนับสนุน GDP ไทยให้ไปต่อได้ในช่วงวิกฤต
ธุรกิจร้านอาหาร และค้าปลีก เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีจำนวนมากซึ่งได้รับผลกระทบหนักและมีส่งผลต่อ GDP ค่อนข้างสูง ในปีนี้ถึงปีหน้า LINE ตั้งเป้าผลักดัน 2 กลุ่มนี้เพื่อสนับสนุน GDP ไทยให้ไปต่อได้ในช่วงวิกฤต

ในภาพรวม LINE ย้ำว่าต้องการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยผ่านการระบาดไปได้ และสามารถปรับตัวเรียนรู้เพื่อแข่งขันได้บนเวทีโลกในช่วงหลังโควิด-19 ปัญหาคือขณะนี้ไทยกำลังอยู่ในวิกฤตสูญเสียตำแหน่งผู้นำตลาดโลกในหลายด้าน

'ขณะนี้ไทยต้องรู้ตัวและปรับตัวเอง ศักยภาพคนไทยมีมาก SME ไทยก็ไม่ธรรมดา มีการใช้เทคโนโลยีปรับตัวดีกว่าหลายประเทศ แต่ไทยก็ยังต้องทำหลายเรื่องในปีนี้'

ผู้บริหารย้ำว่า SME ไทยเป็นส่วนสำคัญเพราะเป็นเซกเมนต์ที่มีผลกับ GDP ไทยสูงมากคิดเป็นสัดส่วน 45% ในกลุ่มนี้ LINE พบว่ากลุ่มธุรกิจ SME ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดในช่วงวิกฤตโควิด-19 คือ ธุรกิจอาหาร ซึ่งส่งผลต่อ GDP ลดลงถึง 37% รองลงมาคือ ธุรกิจขนส่ง และค้าปลีก ในอัตราส่วนที่ลดลง 21% และ 3.7% ตามลำดับ

ท่ามกลางวิกฤตนี้ LINE พบว่าอัตราการเติบโตของ LINE OA โดยธุรกิจกลุ่มร้านอาหารมีอัตราการเปิดใช้งาน LINE OA เพิ่มขึ้น (YoY) สูงสุดถึง 212% รองลงมาคือธุรกิจกลุ่มค้าปลีกที่ 191% ดังนั้น LINE จึงเน้นเรื่องการเปลี่ยนเพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้
'LINE มีวิศวกรไทย 100% ไม่มีคนต่างชาติ ทุกคนพัฒนาโซลูชันจากสิ่งที่คนไทยต้องการ วันนี้ LINE มองเห็นว่าอุตสาหกรรมที่เดือดร้อนมากที่สุดคืออาหาร จึงพัฒนาเป็นบริการที่ตอบโจทย์เมืองไทยโดยเฉพาะ'

ตัวอย่างบริการสำหรับประเทศไทยคือ LINE MyShop ซึ่งผู้บริหารการันตีว่าเป็นบริการที่เปิดให้คนไทยสามารถเปิดหน้าร้านออนไลน์ได้ง่ายที่สุดเมื่อเทียบกับค่ายโซเชียลมีเดียอื่น เช่นเดียวกับ MyRestaurant ที่ง่ายและมีการปรับเปลี่ยนตลอดเพื่อให้ธุรกิจก้าวทัน จุดนี้เป็นผลจากความร่วมมือกับ 'LINE วงใน' ที่เปิดการสื่อสารให้ลูกค้าและร้านติดต่อกันได้ง่ายขึ้น และลูกค้าไม่จำเป็นต้องเข้าไปหารายการอาหารในแอป LINE MAN แก้ปัญหาค้นร้านไม่พบ ซึ่งไทยมีร้านอาหารจำนวนมากติดอันดับโลก
'การที่ร้านอาหารสามารถเปิดขายผ่าน LINE OA จะทำให้สามารถบอกต่อลูกค้าย่านใกล้เคียง สามารถนำ LINE OA ไปเผยแพร่เพื่อให้คนในชุมชนได้รู้ ซึ่งง่ายกว่าในการเข้าไปหาใน LINE MAN'

นอกเหนือจากนี้ ผู้บริหารมองว่าการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทยมีหลากหลาย แต่การใช้ดิจิทัลที่มีมูลค่ากลับไปที่ GDP ของประเทศไทยนั้นยังมีไม่มาก จุดนี้ LINE จึงวางบทบาทว่าต้องให้ความรู้ ให้ร้านทราบว่าไม่ใช่แค่การให้ความสำคัญกับความสะอาดหรืออร่อย แต่แท้จริงแล้ว จะต้องใช้ข้อมูล

'การจัดการร้านที่ดีควรให้ความสำคัญเรื่องการจัดการเวลา ต้นทุน และสินค้าคงคลัง จุดนี้หลายร้านในเมืองไทยยังไม่รู้ LINE จึงหวังว่าจะเพิ่มช่องทางเพื่อให้ร้านค้าสามารถคลิกอ่านเพิ่มความรู้ว่าการจัดการร้านแบบครบวงจรด้วยข้อมูลในระดับสากลนั้นเป็นอย่างไร หากทำได้สิ่งนี้จะกระทบไปที่ GDP' นรสิทธิ์ระบุ 'ไม่ใช่แค่ว่า คนไทยใช้งานอินเทอร์เน็ตมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่เรายังพัฒนาได้อีกมากในเรื่องของเศรษฐกิจ เราอยากให้ทุกคนได้รู้ว่า จะใช้บริการนี้ได้อย่างไร'

LINE มีแผนจะเน้นที่ผู้ค้าที่เป็นแบรนด์ เหตุผลคือร้านค้ากลุ่มที่อยู่ในประเภท 'ซื้อมาขายไป' เป็นธุรกิจที่ไม่มีผลต่อ GDP มากนัก เนื่องจากจะต้องซื้อสินค้าราคาต่ำกว่า เพื่อนำมาขายในราคาสูง ทำให้เกิดภาวะที่สินค้าเหมือนกันต้องตัดราคากัน สุดท้ายลูกค้าก็ต้องหาสินค้าที่ถูกกว่าแม้จะคุณภาพไม่เท่ากัน

นอกจากภาคธุรกิจแล้ว กลุ่มองค์กรที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศไทย คือ กลุ่มบริการสาธารณะต่างๆ Public sector เหล่านี้ใช้ LINE OA ในอัตราเติบโต 30% สถิติชี้ว่ามีผู้ติดตามหน่วยงานอย่างการไฟฟ้านครหลวงจำนวนมากเกิน 1.7 ล้านคน

เชื่อว่ากลางปี 65 แบรนด์หรูจะขยับมาให้บริการลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1 บนออนไลน์ได้สมบูรณ์
เชื่อว่ากลางปี 65 แบรนด์หรูจะขยับมาให้บริการลูกค้าแบบ 1 ต่อ 1 บนออนไลน์ได้สมบูรณ์

ที่สุดแล้ว นรสิทธิ์ไม่มองว่าการเน้นที่อาหารและค้าปลีกจะเป็นนโยบายเดิมที่ทำให้ LINE ย่ำอยู่กับที่ เพราะธุรกิจร้านอาหาร และค้าปลีก เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีจำนวนมากซึ่งได้รับผลกระทบหนักและมีส่งผลต่อ GDP ค่อนข้างสูง ในปีนี้ LINE จึงคิดว่า 2 กลุ่มธุรกิจนี้แม้จะไม่ใช่กลุ่มเซกเมนต์ใหม่ แต่ยังคงมีน้ำหนักความสำคัญต่อภาพเศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่มาก การผลักดัน 2 กลุ่มนี้จึงเป็นการผลักดันและสนับสนุน GDP ให้ไปต่อได้ในช่วงวิกฤตนี้

'สิ่งที่จะมาเปลี่ยนการใช้งานอินเทอร์เน็ตหลายด้านของคนไทยให้มีผลต่อ GDP คือการแก้ปัญหาผู้ประกอบการที่วันนี้ไม่ได้รับข้อมูลเพียงพอ หลายคนเข้าใจว่าแค่โพสต์-เปิดร้าน หรือซื้อโฆษณาก็สามารถทำ e-commerce ได้แล้ว หลายคนบ่นว่าทำไมขายไม่ได้ แต่วันนี้ LINE มีการพูดคุยมากขึ้น ทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น เชื่อว่าจะเป็นไกด์ไลน์ให้คนไทย ผู้ประกอบการไทยมีข้อมูล และมีมุมมองการใช้ออนไลน์ให้ประสิทธิภาพกับธุรกิจ และธุรกิจมีกำไรมากขึ้น จุดนี้จะสำคัญมากกว่า GDP และจะสู้กับสินค้าระดับโลกได้'

ปัญหานี้ถือว่าสำคัญ นรสิทธิ์อธิบายว่าเพราะขณะนี้ทุกคนสามารถซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้เลยโดยตรง ไม่ต้องผ่านคนไทย มีเพียงกำแพงภาษีที่กั้นไว้ จุดนี้คนไทยจึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือและได้รับการผลักดัน แม้จะยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมมากนักในปี 65 เนื่องจากวิกฤติกำลังซื้อไทยหดตัว อุตสาหกรรมได้รับผลกระทบทั้งหมด

'สิ่งที่หวังว่าจะเกิดในปีนี้คือ การเป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยเข้าใจ และเห็นเทรนด์ที่มากพอ ให้ธุรกิจเข้ามาร่วมกัน ประสานกันเป็นองค์รวม จะได้สามารถแข่งขันได้มากขึ้น'

แน่นอนว่าผลดีจะไปอยู่ที่กระเป๋าเงินของ LINE ด้วย ในขณะที่หลายธุรกิจติดลบ สถิติรายได้ของ LINE Corp. ย้อนหลัง 5 ไตรมาสถือว่าน่าประทับใจ ด้วยอายุ 10 ขวบ ปัจจุบัน LINE มีผู้ใช้งานมากกว่า 186 ล้านคนต่อเดือนทั่วโลก (สถิติธันวาคม 2020)

ในภาพรวม LINE Corp. ทำรายได้รวม 62,900 ล้านเยน (18,861 ล้านบาท) ในไตรมาส 3 ปี 63 เพิ่มขึ้นเกิน 12.4% รายได้จากธุรกิจหลักมาจากการแสดงโฆษณาผ่านบริการบนแอปโดยเฉพาะ LINE OA และ Sponsored Stickers รวมถึงการโฆษณาบน LINE Part Time Job ขณะที่รายได้จากธุรกิจสื่อสารมาจากธุรกิจสติกเกอร์ และธุรกิจคอนเทนต์มีแหล่งรายได้สำคัญคือบริการ LINE Game

ไฮไลท์ของ LINE ยังอยู่ที่รายได้ในธุรกิจเสริม หรือที่ LINE เรียกเป็นธุรกิจกลยุทธ์ (strategy) ธุรกิจนี้ประกอบด้วยบริการฟินเทคเช่น LINE Pay รวมถึงบริการ AI, LINE Friends และ e-commerce ธุรกิจส่วนนี้เองที่มีอัตราเติบโตเป็นเลข 2 หลักทุกปี สวนทางกับธุรกิจหลักที่เติบโต 1 หลักเท่านั้น

LINE มองไกลแล้ว ขอให้คนไทย (และ GDP ไทย) ไปได้ไกลด้วยเช่นกัน.
#3738


เป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้ว ที่เหล่าเซเลบริตีซึ่งมีธุรกิจของครอบครัวและต่างสืบทอดธุรกิจกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่จะมีบางบ้านที่อาจจะมีลูกหลายคน และอาจจะมีบางคนไม่อยากทำธุรกิจของครอบครัว แต่อยากที่จะทำตามฝันสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง และมีอีกหลายคนที่จำเป็นต้องช่วยทำธุรกิจของครอบครัวบ้าง แต่มุ่งเดินหน้าธุรกิจของตัวเองอย่างสุดกำลัง ซึ่งจะมีใครบ้างนั้นตามมาดูกัน

อุณาวรรณ ตั้งคารวคุณ
"ยูกิ-อุณาวรรณ ตั้งคารวคุณ" ทายาทคนโตของ อรสา ตั้งคารวคุณ หนึ่งในเจ้าของธุรกิจสี TOA ภายใต้บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยูกิเป็นทายาททางธุรกิจที่ไม่ประสงค์จะสืบสานธุรกิจของครอบครัว แต่รักที่จะเดินทางตามฝันของตัวเองซึ่งชอบแฟชั่นและรักการแต่งตัวมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยการสร้างแบรนด์ "ยูนา" (YUNA) แบรนด์เสื้อผ้าที่เธอปลุกปั้นมากับมือ จนเข้าสู่ปีที่ 10 แล้ว นอกจากนี้ เธอยังนำร้านชานมไข่มุก The Alley จากไต้หวันมาเปิดในไทย จนเป็นที่นิยมของสาวกชานม และขยายสาขาไปกว่า 20 แห่ง โดยเธอนั่งบริหารในตำแหน่งเอ็มดีของบริษัท มิลลาร์รี่ กับธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่เธอหมายมั่นปั้นมือมาจนสำเร็จสมใจ



กรัชเพชร อิสสระ
รายนี้เป็นทายาทของอาณาจักรใหญ่แห่งไขมุกอันดามัน "ปลาเข็ม-กรัชเพชร อิสสระ" ลูกสาวคนเล็กของ สงกรานต์ กับศรีวรา อิสสระ แห่งศรีพันวา ภูเก็ต ที่พี่ชายทั้งสองคน ปลาวาฬ-วรสิทธิ์ และปลาทู-ดิฐวัฒน์ ต่างก็มุ่งมั่นสืบทอดธุรกิจของครอบครัว มีแต่ตัวเธอเท่านั้นที่แม้จะช่วยธุรกิจของที่บ้านอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีธุรกิจในฝันของตัวเอง ที่ไม่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ นั่นก็คือ แบรนด์ KEMISSARA ซึ่งเป็นแบรนด์แฟชั่นที่เธอภาคภูมิใจ สมกับที่เธอร่ำเรียนทางด้านแฟชั่นมาจากอังกฤษ



มธุนาฏ ซอโสตถิกุล
สาวเก่งร่างเล็กแต่ใจใหญ่ ทายาทธุรกิจห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์, รองเท้านันยาง และผงชูรสตราชฎา "ผึ้ง-มธุนาฏ ซอโสตถิกุล" เป็นลูกสาวของ ธีระ และบุศรา ซอโสตถิกุล หลานสาวของคุณปู่กอบชัย ซอโสตถิกุล หลังจบการศึกษาระดับปริญญาโท เธอก็มุ่งหน้าทำงานด้านศิลปะที่เธอรัก ด้วยการเป็นศิลปินอิสระเจ้าของ "มธุนาฏดีไซน์" ที่มีผลงานเพนต์กำแพงร้านอาหารจนเป็นที่ยอมรับ แม้กระทั่ง ร้านอาหารในสหรัฐอเมริกา ยังต้องใช้บริการฝีมือเพนต์กำแพงของเธอมาแล้วหลายแห่ง จึงทำให้เป็นกำลังใจให้เธอมุมานะที่จะสร้างผลงานของตัวเอง ให้คนจดจำเธอได้ในฐานะมธุนาฏดีไซน์ ไม่ใช่เพราะเธอเป็นทายาทธุรกิจใหญ่



สุวดี พึ่งบุญพระ
ประธานกรรมการบริษัท PP Group Thailand ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นสุดหรูชื่อดังระดับโลก Givenchy, Loewe, Tory Burch, Longchamp, Roger Vivier, MCM, Off White, Maison Kitsune และ Palm Angels แม้ว่า "ปิ่น-สุวดี พึ่งบุญพระ" จะเติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจด้านการสื่อสารมวลชนและสิ่งพิมพ์ ของคุณพ่อสวาสดิ์ และคุณแม่ประพีร์ ปุ้ยพันธวงศ์ แต่ตัวเธอกลับมาบริหารจัดการในเรื่องเกี่ยวกับแบรนด์สินค้าที่หลากหลายรวมทั้งแบรนด์สตรีทแวร์ ร่วมกับน้องชาย "โอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์" จนเป็นที่ยอมรับของหนุ่มสาวในแวดวงสังคม



อภินรา ศรีกาญจนา
"ปรางค์-อภินรา ศรีกาญจนา" ทายาทนักธุรกิจพันล้านแห่งเอเชียประภันภัย ลูกสาวคนโตของ คุณพ่อจุลพยัพ ศรีกาญจนา เจ้าของบริษัท เอเชียประกันภัย กับคุณแม่ยูกิ-นราวดี ผู้บริหารบริษัท เพนดูลัม จำกัด (Pendulum) ที่นอกจากจะช่วยคุณแม่ดูแลร้านธุรกิจร้านอาหาร NARA ร่วมกับน้องๆ แล้ว เธอยังทำธุรกิจสตาร์ทอัพเพื่อสังคมของตัวเองในชื่อ U Drink I Drive ให้บริการส่งคนขับรถรับส่งบุคคลที่ไปดื่มในงานสังสรรค์กลับบ้านอย่างปลอดภัย เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุเมาแล้วขับ ล่าสุด เธอได้ร่วมแรงร่วมใจกับเพื่อนสาวรุ่นพี่ ทำธุรกิจใหม่ ONNA ที่แปล "ผู้หญิง ผู้หญิง" ในภาษาญี่ปุ่น เพราะทั้งคู่เรียนจบจากญี่ปุ่น และสาวปรางค์ก็ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากญี่ปุ่นมาโดยตลอด จึงตกลงกันว่าควรที่จะแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับผู้ที่รักสวยรักงามได้ดูแลตัวเอง จึงเป็นที่มาของ @onnaonna2021 นับเป็นธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจของสาวปรางค์



วารีนิธิ-วาริธร กันท์ไพบูลย์
ดีไซเนอร์สาวสวย "บูบี-วารีนิธิ กันท์ไพบูลย์" ผู้ก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้า Varithorn Boutique ร่วมกับพี่สาว "เปเป้-วาริธร กันท์ไพบูลย์" ทั้งสองเป็นลูกสาวของนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชาวฮ่องกง คุณพ่อไกรวุฒิ กับคุณแม่ศศิ กันท์ไพบูลย์ และสร้างแบรนด์เสื้อผ้าให้เป็นที่รู้จักมาได้ถึง 9 ปีแล้ว ไม่เพียงฮอตฮิตในประเทศไทยเท่านั้น ยังส่งออกไปจำหน่ายในหลายประเทศอีกด้วย และด้วยความที่สาวบูบีรักและหลงเสน่ห์ในซูเปอร์คาร์ ปัจจุบันสาวบูบียังทำธุรกิจ The Ultimate Rides ซึ่งเป็นตัวกลางในการซื้อขายรถยนต์ระดับลักชัวรีอีกด้วย ขณะที่ เปเป้ พี่สาวก็มีธุรกิจแบรนด์น้ำตาลโตนด "ตาลสยาม" (Tansiam), ร้านชานมไข่มุก "ราก" (Raak) และคลินิกเสริมความงาม "Infinity Clinic"



ระริน ธรรมวัฒนะ
แม้ว่าจะเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ ผู้ทำธุรกิจตลาดยิ่งเจริญอันโด่งดังแห่งหนึ่งของเมืองไทย แต่สาวระรินเธอกลับมาปลุกปั้นแบรนด์ไอศกรีมฝีมือคนไทย Guss Damn Good ร่วมกับเพื่อนสนิท นที จรัสสุริยงค์ ซึ่งเป็นคราฟต์ไอศกรีมที่มีคาแรกเตอร์ของตัวเองมาได้ 7 ปี จนเป็นที่ถูกอกถูกใจเหล่าไอศกรีมเลิฟเวอร์



ชยพล หลีระพันธ์
ลูกหลานตระกูลธรรมวัฒนะอีกหนึ่งคน โดยปอนด์เป็นลูกชายคนโตของ อ.มัลลิการ์ (ธรรมวัฒนะ) หลีระพันธ์ แต่เขากลับมุ่งเดินหน้าทำธุรกิจของตัวเอง ไม่ได้สนใจในธุรกิจใหญ่โตของตระกูล ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่าเขาจะเป็นผู้สืบทอดธุรกิจร้านอาหาร มัลลิการ์ ต่อจากคุณแม่ของเขา แต่เขากลับทำให้ธุรกิจนี้โด่งดังและเป็นที่จดจำด้วยตัวของเขาเอง ด้วยไอเดียที่สร้างสรรค์ ไม่ซ้ำใครของเขานั่นเอง



วฤธ หงสนันทน์
คุ้นหน้าคุ้นตากันดีทางหน้าจอทีวี ในบทบาทนักแสดงหนุ่ม "เป๋า-วฤธ หงสนันทน์ บุตรชายคนเล็กของ ศักดิ์ชัย หงสนันทน์ ประธานกรรมการ บริษัท สุปรีมทรัค จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถบรรทุกยี่ห้อ FAW ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ กับวิสาขา หงสนันทน์ น้องชายของพ่อหนุ่มกล้ามล่ำ ปาล์ม-ฐณส หงสนันทน์ ที่ปล่อยให้คุณพี่ชายสุดหล่อลุยธุรกิจของครอบครัวไปอย่างเต็มตัว ส่วนตัวเองหันมาเอาดีด้านการแสดงและนายแบบไปพลางๆ เพราะความที่รักทางด้านแฟชั่นและศิลปะ หล่อเลือกได้ของจริงคร่า



ฐิติกุล อยู่วิทยา
"พลอย-ฐิติกุล อยู่วิทยา" หนึ่งในทายาทผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มกระทิงแดง หลานสาวของคุณปู่เฉลียว อยู่วิทยา ที่เธอฉีกแนวมาทำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร "พอว์พาลส์" นับเป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของครอบครัวอย่างสิ้นเชิง แต่เป็นธุรกิจที่สาวพลอยทำเพราะใจรักอย่างแท้จริง จากพื้นฐานที่เป็นคนรักสุนัขมาก จึงอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับน้องหมา ปัจจุบันสาวพลอยทำธุรกิจในฝันของตัวเองมาได้ถึง 8 ปีแล้ว
#3739


อุตสาหกรรมอาหารของไทยนอกจากเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในพื้นที่ EEC เพราะเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายในกลุ่ม First S-Curve แล้ว ยังสร้างรายได้ให้กับประเทศจากการส่งออกถึงกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี แต่จากแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของอาหาร สุขภาพ สวัสดิภาพแรงงาน และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงต้องการรู้ที่มาที่ไปของอาหาร ขณะที่เทคโนโลยีการตรวจสอบย้อนกลับอาหารมีความก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยี Blockchain ที่ได้รับการจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ และถูกคาดหมายว่าจะพลิกโฉมระบบการตรวจสอบย้อนกลับอาหารในอนาคต

หลายท่านอาจสงสัยว่าเทคโนโลยี Blockchain ช่วยในการตรวจสอบย้อนกลับอาหารได้อย่างไร แต่ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ ผู้อ่านคงต้องเข้าใจก่อนว่า ความท้าทายจากความต้องการรู้ที่มาที่ไปของอาหารของผู้บริโภคจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอาหารในรูปแบบใด

ในระยะข้างหน้าความต้องการรู้ที่มาที่ไปของอาหารจะมาในรูปแบบมาตรฐานและกฎระเบียบทางการค้าที่จะเป็นอุปสรรคสำหรับ

ผู้ส่งออกอาหารของไทย อาทิ นโยบาย Farm to Fork ของสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นมาตรการทางการค้าที่กำหนดให้อาหารจะต้องตรวจสอบย้อนกลับได้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงผู้บริโภค หรือมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาที่กำหนดให้การตรวจสอบย้อนกลับอาหารเป็นในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาที่ไปของอาหารได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2023

กลับมาคำถามที่ว่า เทคโนโลยี Blockchain ช่วยในการตรวจสอบย้อนกลับอาหารได้อย่างไร?

Blockchain ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลที่จำเป็นตลอดห่วงโซ่การผลิต เช่น ข้อมูลแหล่งผลิตฟาร์มและเพาะเลี้ยง ชนิดพันธุ์พืชหรือพันธุ์สัตว์ ปริมาณการใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลง ข้อมูลการแปรรูป เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับอาหารได้แบบเรียลไทม์ จึงทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในคุณภาพของอาหารมากยิ่งขึ้น สำหรับตัวอย่างผู้ประกอบการในต่างประเทศที่น่าสนใจซึ่งใช้เทคโนโลยี Blockchain มาช่วยในการตรวจสอบย้อนกลับอาหาร ได้แก่ บริษัทสตาร์ทอัพที่ชื่อว่า Beefchain ของสหรัฐอเมริกา ที่นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้เก็บข้อมูลตั้งแต่กระบวนการเลี้ยงสัตว์ไปจนถึงผู้บริโภค เพื่อให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้า ซึ่งในกรณีที่มีการระบาดของโรคในสัตว์ Beefchain ช่วยลดเวลาที่ต้องใช้ในการติดตามสต็อกที่ติดเชื้อ โดยข้อมูลที่ได้รับการบันทึกในระบบแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จึงทำให้เกิดความน่าเชื่อถือของข้อมูล

อีกตัวอย่างที่น่าสนใจ ได้แก่ Walmart บริษัทยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของโลกในสหรัฐอเมริกา ได้นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการติดตามการขนส่งกุ้งมาจากประเทศคู่ค้าอย่างอินเดีย โดยใช้แพลตฟอร์ม IBM Food Trust ทำงานร่วมกับบริษัทสัญชาติอินเดียอย่าง Sandhya Aqua เพื่อบริหารจัดการกับระบบสต็อกสินค้าและการจัดเก็บอาหารทะเล 

นอกจากนี้ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่ากุ้งได้ถูกส่งมาจากที่ไหน ช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันการส่งออกสินค้าทางการเกษตรของอินเดีย

โดยสรุปแล้ว ไทยซึ่งเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสินค้าในกลุ่มอาหารจะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรฐานและกฎระเบียบทางการค้าในด้านการตรวจสอบย้อนกลับ รวมถึงผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่การผลิต โดย Quick Win ที่จะทำให้ผู้ประกอบการไทยรับมือกับความท้าทายดังกล่าว คือ การร่วมมือกันทั้ง Ecosystem ตั้งแต่เกษตรกร ผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีด้านการตรวจสอบย้อนกลับอาหาร รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐที่ให้การรับรองมาตรฐานและให้คำปรึกษาด้านมาตรฐานอาหาร
#3740


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. แจ้งให้ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) และนายบุญ วนาสิน ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการเซ็นสัญญากับกระทรวงกลาโหมเพื่อนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ รวมถึงการเสียเงินมัดจำจำนวน 500-600 ล้านบาท จากการผิดเงื่อนไขของสัญญา

สืบเนื่องจากนายบุญ ในฐานะประธานกรรมการ THG ให้ข่าวผ่านสื่อเมื่อวันที่ 3 ส.ค.2564 ว่า ภายในสัปดาห์นี้จะมีการเซ็นสัญญากับกระทรวงกลาโหมที่เป็นหน่วยงานนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ ต่อมาในวันเดียวกัน โฆษกกระทรวงกลาโหมได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวและยืนยันว่า ขณะนี้กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในสังกัดยังไม่มีแผนหรือความตกลงร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชนใดๆ ในการสั่งซื้อหรือนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์แต่อย่างใด นอกจากนี้ นายบุญ ยังกล่าวถึงการที่ต้องเสียเงินมัดจำเป็นจำนวน 500-600 ล้านบาท เนื่องจากผิดเงื่อนไขของสัญญาด้วย

ก.ล.ต. เห็นว่าเนื่องจากข้อเท็จจริงดังกล่าวมีความขัดแย้งกัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิด และอาจมีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นหรือต่อการตัดสินใจลงทุนหรือต่อการเปลี่ยนแปลงในราคาหลักทรัพย์ ก.ล.ต. จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 58 (1) และ (2) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ให้ THG และนายบุญ ชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวข้องภายใน 7 วันนับแต่วันที่ 4 ส.ค.2564 พร้อมทั้งให้ THG เปิดเผยคำชี้แจงผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วย

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้มีหนังสือ 2 ฉบับถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ THG และนายบุญ วนาสิน ในฐานะประธานกรรมการของ THG ให้ชี้แจงกรณีดังกล่าว เมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 ส.ค.2564

ด้านราคาหุ้น THG เมื่อเวลา 10.14 น. อยู่ที่ระดับ 28.50 บาท ลดลง 2.25 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 7.32% มูลค่าการซื้อขาย 76.8 ล้านบาท