• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

AP ปีนี้ลุยเปิด 65 โครงการใหม่รวม 7.8 หมื่นลบ.ทุบสถิติ

Started by Cindy700, January 30, 2022, 11:12:09 PM

Previous topic - Next topic

Cindy700

AP ปีนี้ลุยเปิด 65 โครงการใหม่รวม 7.8 หมื่นลบ.ทุบสถิติ เป้ายอดขาย 5 หมื่นลบ.

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 65 ที่ 5 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นกว่าปีก่อนที่ทำยอดขายได้ 3.5 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท

ในปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท และมากที่สุดอุตสาหกรรม โดยจะเปิดตัวรวม 65 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7.8 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์โฮม 29 โครงการ มูลค่า 2.52 หมื่นล้านบาท บ้านเดี่ยวจำนวน 26 โครงการ มูลค่า 3.56 หมื่นล้านบาท คอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4.2 พันล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปี AP จะมีโครงการพร้อมขายทั้ง กทม.และ ต่างจังหวัดมากกว่าถึง 182 โครงการ มูลค่ากว่า 1.49 แสนล้านบาท

"การเปิดตัวโครงการใหม่ในปริมาณที่มากขนาดนี้ ถ้าระบบหลังบ้านไม่พร้อมก็ยากที่จะเป็นจริงได้ ซึ่งตลอด 2 ปีของการเผชิญวิกฤตได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของทีม AP ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดโครงสร้างองค์กรภายในให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว โดยคีย์สำคัญคือ การให้อำนาจการตัดสินใจแก่คนที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ และปีนี้เราพร้อมก้าวข้อจำกัดไปอีกขั้น ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มากขึ้นกว่าที่ผ่านมาหลายเท่า" นายวิทการ กล่าว
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 65 ยังมองว่ามความท้าทายเริ่มมาตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา จากการที่การแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน มีการแพร่รบาดในประเทศ แต่มองว่าปัจจัยดังกล่าวสามารถควบคุมได้ และไม่มีการกลับมาล็อกดาวน์เหมือนในอดีตทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงเดินหน้าต่อได้

โดยที่มองว่าตลาดแนวราบยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการซื้อบ้านที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดบ้านแฝดที่บริษัทมองว่าในปี 65 จะเก็นการเติบโตมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับคนที่มองหาบ้านที่ใกล้เคียงกับบ้านเดี่ยว แต่อยู่ในระดับราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

ขณะที่ตลาดคอนโดถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว แต่ยังคงต้องรอดูในปีหน้าว่าจะกลับมาเติบโตมากน้อยเพียงใด โดยเชื่อว่าปี 65 จะเริ่มเห็นบางเซกเมนต์ของคอนโดมิเนียมที่ดีขึ้น อย่างโครงการระดับราคากลางถึงกลางล่าง และถ้ากิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับสู่ปกติ การจราจรกลับมาติดขัดเหมือนเดิม น่าเป็นโอกาสที่ดีที่มีต่อตลาดคอนโดมิเนียมที่จะมีคนเริ่มกลับมาซื้อมากขึ้นอีกครั้ง

"บทเรียนที่เราเรียนรู้มาตลอด 2 ปีของการแพร่ระบาดโควิด วิธีการทุกอย่างที่เราเคยทำและเรียนรู้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วทั้งสิ้น เรายังคงต้องเผชิญอยู่กับความท้าทายใหม่ๆ โรคระบาดยังคงอยู่กับเราอย่างเลี่ยงไม่ได้ คาดว่าครึ่งปีแรกของปี 65 น่าจะยังคงไม่ต่างจากปีนี้ แต่เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังปี 65 ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่หวัง โลกรับมือกับโอมิครอนได้ดีขึ้น ยารักษาผลิตออกมาใช้งานได้จริง ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจทั่วโลกน่าจะดีขึ้นเป็นลำดับ" นายวิทการ กล่าว
นายวิทการ กล่าวอีกว่า ในช่วงเดือนม.ค. 65 ที่ผ่านมาบริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้วกว่า 4 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ยอดขายยังคงมาจากการขายโครงการแนวราบที่ลูกค้ายังคงมีการเข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แต่ในภาพรวมของการขายยังสามารถทำยอดขายได้ค่อนข้างดีกว่าที่บริษัทคาดไว้ เชื่อว่าคนยังคงมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง จากความมั่นใจที่กลับมามากขึ้น หลังจากเริ่มเห็นทิศทางของเศรษฐกิจไทยค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมา

ขณะที่ในปี 65 บริษัทจะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท มูลค่า 3.2 พันล้านบาท โครงการ LIFE สาทร เซียร์ร่า มูลค่า 6.3 พันล้านบาท จะทยอยส่งมอบในช่วงไตรมาส 2/65 โดยที่ทั้ง 2 โครงการมียอดขายแล้วมากกว่า 50% และโครงการ ASPIRE เอราวัณ ไพร์ม มูลค่า 3.2 พันล้านบาท จะทยอยส่งมอบในช่วงไตรมาส 2/65 เช่นเดียวกัน โดยมียอดขายแล้ว 34% โดยบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 3.83 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาต่อเนื่อง

ส่วนงบซื้อที่ดินในปี 65 บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาทเพื่อรองรับการซื้อที่ดินในการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 65 บางส่วนและในปีต่อๆไป สูงกว่าปีก่อนที่ใช้งบซื้อที่ดินไป 1.26 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทมองว่าการซื้อที่ดินมากขึ้นเพื่อนำมารองรับโอกาสในการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต ทำให้บริษัทมีโอกาสในการนำเสนอสินค้าที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าได้อย่างทันท่วงที และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน หลังจากในช่วงที่ผ่านมาได้ระบายสต็อกออกไปมากแล้ว