• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

ไทยดึงความร่วมมือญี่ปุ่น เร่งขับเคลื่อนฟื้นฟูศก.ภาคอุตสาหกรรม

Started by Fern751, January 15, 2022, 09:25:23 PM

Previous topic - Next topic

Fern751

ไทยดึงความร่วมมือญี่ปุ่น เร่งขับเคลื่อนฟื้นฟูศก.ภาคอุตสาหกรรม คาดสร้างมูลค่ากว่าหมื่นลบ.

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้หารือแนวทางเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ร่วมกับ นายฮากิอูดะ โคอิจิ รมว.เศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) ประเทศญี่ปุ่น ในโอกาสมาเยือนประเทศไทย เพื่อหารือแนวทางการรองรับกับความเปลี่ยนแปลงและผันผวนที่เกิดขึ้น โดยการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG Model) ร่วมกับนโยบายการลงทุนเอเชีย-ญี่ปุ่นเพื่ออนาคต (ASIA-Japan Investing for the Future Initiative : AJIF) โดยกำหนดเป็นกรอบความร่วมมือภายใต้ชื่อ Framework Document on Co-Creation for Innovative and Sustainable Growth ที่มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี การสร้างขีดความสามารถในทุนมนุษย์ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการกระตุ้นการเติบโตให้กับ SME และการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่เข้มแข็ง เพื่อผลักดันการลงทุนจากภาคอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น ใช้ไทยเป็นฐานการลงทุน สร้างความเชื่อมโยง และพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับภูมิภาค รวมถึงแลกเปลี่ยนศักยภาพที่โดดเด่นของทั้งไทยและญี่ปุ่นเพื่อสร้างโอกาสการเติบโตในมิติต่าง ๆ ร่วมกัน

สำหรับแนวทางการดำเนินงานภายใต้กรอบความร่วมมือ Framework Document on Co-Creation for Innovative and Sustainable Growth จะมีใน 3 ด้าน ดังนี้

1. ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนและการสร้างขีดความสามารถในทุนมนุษย์เป็นการร่วมมือกันเพื่อพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การแปรรูปอาหาร หุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ การเดินอากาศ โลจิสติกส์ ดิจิทัล ศูนย์กลางด้านสุขภาพ อุตสาหกรรมชีวภาพ ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อส่งเสริมการร่วมกันสร้างเพื่อการพัฒนาเชิงนวัตกรรมอย่างยั่งยืนในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้สำหรับวิศวกรในโรงงานอัจฉริยะ

2.ด้านการเร่งพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นการร่วมมือกับศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคตสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทย ในการแนะนำการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการแก้ไขปัญหาหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ เชื่อมโยงวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมระหว่างไทยและญี่ปุ่นผ่านความร่วมมือต่าง ๆ เช่น การจับคู่ธุรกิจ และแพลตฟอร์มดิจิทัล เป็นต้น

3.ด้านการร่วมกันสร้างห่วงโซ่อุปทาน เป็นการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่นและมีความสามารถในการแข่งขันในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ปรับปรุงคุณภาพและมูลค่าของห่วงโซ่อุปทาน ด้วยการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมถึงการสร้างห่วงโซ่อุปทานหมุนเวียนและสีเขียว

"การดึงความร่วมมือจากประเทศที่มีความเชี่ยวชาญถือเป็นแนวทางที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับการแก้ปัญหาภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากสามารถหยิบยกสิ่งที่ประสบความสำเร็จ หรือจุดแข็งต่าง ๆ มาปรับใช้ได้อย่างทันท่วงที"
สำหรับในส่วนของประเทศญี่ปุ่นซึ่งถือเป็นพันธมิตรของไทยมาอย่างยาวนานนั้น ไทยมีความมุ่งหวังที่จะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ญี่ปุ่นมีการพัฒนามาสร้างขีดความสามารถให้อุตสาหกรรมเป้าหมายของไทยต่อเนื่องถึงระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว อีกทั้งยังต้องการที่จะยกระดับศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ทั้งที่เป็นแรงงาน กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในด้านเทคโนโลยี รวมทั้งผู้ประกอบการกลุ่ม SMEs ที่ญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้สามารถปรับตัวได้ทันกับบริบทโลกที่ปลี่ยนแปลง

ปัจจุบันกระทรวงอุตสาหกรรมได้มีโครงการความร่วมมือกับกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) ประเทศญี่ปุ่น อาทิ

โครงการจัดตั้งศูนย์ต้นแบบการจัดการซากยานยนต์แบบครบวงจรในประเทศไทย หรือ โครงการ "Establishment of Comprehensive End-of-Life Vehicles (ELVs) Management System in Thailand"การกำจัดขยะรถยนต์ไทยกำลังประสบปัญหาอย่างมาก โครงการ "การศึกษาเพื่อการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน" ร่วมกับการนิคมฯ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งจะช่วยตอบโจทย์นโยบาย BCG ของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี
โครงการ Lean Automation System Integrator LASI (ลาซี่), โครงการ Lean IoT Plant Management and Execution LIPE (หลีเป๊ะ) และโครงการ Smart Monosukuri (สมาร์ท โมโนซูกุริ) ที่เข้ามาพัฒนาศักยภาพบุคลากรยกระดับภาคอุตสาหกรรมให้เป็น SI (System Integrator) เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่โรงงานอัจฉริยะที่ทันสมัย ด้วยการใช้ระบบอัตโนมัติ AI IoT ซึ่งเป็นกลไกในการเพิ่มศักยภาพการผลิต
นายสุริยะ กล่าวว่า แม้ในปี 2564 ที่ผ่านมาจะเกิดภาวะวิกฤตที่อาจส่งผลกระทบในด้านความเชื่อมั่น แต่ญี่ปุ่นยังคงเป็นคู่ค้าทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย โดยจากการศึกษาข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) พบว่าแหล่งที่มาของมูลค่าเงินลงทุนในโครงการต่างชาติที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนมาจากญี่ปุ่นคิดเป็น 19% ของมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด

ทั้งนี้ มูลค่าเงินลงทุนส่วนใหญ่มาจากโครงการขนาดใหญ่ (เงินลงทุนตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป) อาทิ กิจการผลิตผลิตภัณฑ์ ปิโตรเคมี (PET Resin)มูลค่า 3,062 ล้านบาท กิจการผลิตด้ายหรือผ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษ มูลค่า 2,597 ล้านบาท กิจการวิจัยและพัฒนา (การผลิตที่ใช้เซลล์จุลินทรีย์ เซลล์พืช และเซลล์) มูลค่า 1,990 ล้านบาท กิจการผลิตตลับลูกปืนสำหรับยานพาหนะ มูลค่า 1,680 ล้านบาท และในช่วง 9 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมีจำนวนโครงการที่ยื่นขอรับ การส่งเสริมมากที่สุด 125 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 67,817 ล้านบาท

"ประเด็นสำคัญที่ทั้งสองประเทศจะมีการผลักดันร่วมกันมากขึ้น คือ เรื่องการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรอบของ BCG ซึ่งเป็นนโบายสำคัญของรัฐบาล โดยนักลงทุนมองการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ส่วนโครงการที่สำคัญที่สุด คือ กรอบความร่วมมือเรื่องการลดภาวะโลกร้อน เช่น การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลเองก็พยายามผลักดันภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายให้ร่วมมือกัน อย่างไรก็ดี ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว โดยวันนี้มีการลงนามระหว่างองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น และสถาบันยานยนต์ โดยมองว่าความร่วมมือทั้งหมดในครั้งนี้ จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท" นายสุริยะ กล่าว
ด้านนายฮากิอูดะ โคอิจิ รมว.เศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า การร่วมมือกับประเทศไทยเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) ถือเป็นการเสริมสร้างการลงทุน และความมั่นคงระหว่างทั้งสองประเทศ ในขณะเดียวกันกรอบการลงนามในครั้งนี้ ยังตรงกับเป้าหมายของรัฐบาลญี่ปุ่น คือ นโยบายการลงทุนเอเชีย-ญี่ปุ่นเพื่ออนาคต (ASIA-Japan Investing for the Future Initiative : AJIF) ด้วย