• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

TKC หุ้นเทคฯสื่อสารปูทางสู่รุ่นใหญ่ดิจิทัลโซลูชั่นเมืองไทย

Started by fairya, January 18, 2022, 04:30:09 AM

Previous topic - Next topic

fairya


ประเดิมหุ้นน้องใหม่เข้าตลาดหุ้นไทยตัวแรกของปี 65 สำหรับ บมจ.เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส (TKC) ล่าสุดประกาศความพร้อมเข้าซื้อขายผ่านกระดานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 17 ม.ค.นี้ ด้วยราคา IPO หุ้นละ 18 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 17.54 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (1 ต.ค.63-30 ก.ย.64)

นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ TKC เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า จากความเชื่อมั่นของการเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจให้บริการออกแบบ วางระบบ และบริการที่เกี่ยวข้องในงานวิศวกรรมสายงานระบบโทรคมนาคม ระบบสื่อสารข้อมูล และระบบความปลอดภัยสาธารณะที่มีทิศทางการเติบโตตามเมกะเทรนด์เทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้ได้รับกระแสการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนในช่วงเปิดจองซื้อหุ้นเมื่อวันที่ 7-11 ม.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงเป้าหมายการเติบโตในอนาคตมุ่งสู่การเป็นผู้นำเทคโนโลยี 5G สอดรับกับความต้องการใช้งานทางด้าน IoT AI ระบบคลาวด์ และโซลูชันอัจฉริยะต่างๆ

ตลอดหลายปีที่ผ่านมามูลค่างานระบบในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมสูงถึงหลักหมื่นล้านบาทต่อปี แม้ภายหลังจากที่มีการประมูลคลื่นความถี่จะมีการลงทุนอย่างมหาศาลในช่วงแรกๆ และลดลงในปีถัดมา แต่หากพิจารณางบลงทุนระบบสื่อสารแต่ละปีก็ยังมีมูลค่าในระดับหมื่นล้านบาทอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเติบโตขึ้นทุกๆปี

"ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 18 ปีและการเป็นผู้รับเหมามาก่อนทำให้บริหารต้นทุนได้ดีกว่าคู่แข่ง และการมีทีมวิศวกร In-House ที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญ ทำให้บริษัทสามารถแข่งขันได้ทั้งในแง่ความสามารถในการบริการและราคา รวมถึงมีการดูแลและการให้บริการหลังการขายที่สร้างความพึงพอใจและความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่น ไว้ใจและใช้บริการต่อเนื่อง"นายสยาม กล่าว
ส่วนอีกหนึ่งจุดแข็งของบริษัท คือ การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเจ้าของผลิตภัณฑ์โทรคมนาคม และเครือข่ายสารสนเทศชั้นนำระดับโลก เช่น Huawei, Nokia, Cisco, Verint, Oracle, Netka System, XOVIS, Fortinet เป็นต้น ให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรต่างๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประกอบกับ ประเทศไทยเรากำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคเทคโนโลยี ทำให้ธุรกิจอยู่ในเทรนด์การเติบโต

วัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขาย IPO ครั้งนี้ ประมาณ 1,404 ล้านบาท นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ เช่น โครงการเกี่ยวกับระบบโทรคมนาคม ระบบโครงข่ายสื่อสัญญาณ(Transmission Networks) ระบบศูนย์ข้อมูลหลัก ศูนย์ข้อมูลสำรอง ระบบคลาวด์ Smart Solutions ระบบวิทยุสื่อสารดิจิทัลและระบบตรวจสอบเฝ้าระวัง และการบริหารความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Security) รวมถึงงานบริการเพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่องเป็นต้นภายในปี 65-66

ด้านแผนขยายธุรกิจช่วงหลังจากนี้เมื่อบริษัทระดมทุนตามเป้าหมายแล้วก็จะสามารถเปิดโอกาสเข้าไปประมูลงานเป็นมูลค่าหลักหมื่นล้านบาทต่อปี เป็นส่วนสนับสนุนศักยภาพจากเดิมที่สามารถเข้าประมูลงาน 6-7 พันล้านบาทต่อปีเท่านั้น ประกอบกับยังช่วยเพิ่มศักยภาพทำกำไรที่ดีขึ้นในอนาคตอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันมีค่าเฉลี่ยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17-20% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 7-10% ต่อปี

ปัจจุบันโครงสร้างรายบริษัทมาจากงานโครงการมากกว่า 64% รายได้จากงานบริการและบำรุงรักษากว่า 35% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากงานจัดจำหน่าย

ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 64 มีรายได้รวม 1,835.38 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 20.06% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสัดส่วน 99.86% เป็นรายได้จากการขายและให้บริการ และ 0.14% เป็นรายได้อื่น มีกำไรสุทธิ 191.07 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 10.41%

สำหรับผลประกอบการช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (61-63) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,669.65 ล้านบาท 4,907.25 ล้านบาท และ 2,881.92 ล้านบาท ตามลำดับ มีกำไรสุทธิ 216.50 ล้านบาท 423.03 ล้านบาท และ 232.85 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 5.90% , 8.62% และ 8.09% ตามลำดับ อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากการบริหารต้นทุนที่ดีทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ประกอบกับความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ดีขึ้น

ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TKC คือ กลุ่มนายสยาม เตียวตรานนท์ สัดส่วนก่อน IPO 62.25% หลัง IPO 46.06% และบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) สัดส่วนก่อน IPO 34% หลัง IPO 25.16% สัดส่วนหุ้นของผู้มีส่วนร่วมในการบริหารที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 33,967,500 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 11.32% ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้