• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

โบรกฯเชียร์ ซื้อ MEGA รับผลบวกตามกระแสรักสุขภาพ

Started by Chigaru, January 30, 2022, 01:21:23 PM

Previous topic - Next topic

Chigaru

โบรกฯเชียร์"ซื้อ" MEGA รับผลบวกตามกระแสรักสุขภาพ-แบรนด์แข็งแกร่ง-ขยายธุรกิจกัญชง

โบรกเกอร์ ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA) มองสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายไม่กระทบการบริโภควิตามิน เชื่อว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะยังคงบริโภควิตามินอยู่ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในระยะยาว ในขณะเดียวกันหากสถานการณ์โควิด-19 ยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบเชิงบวกกับ MEGA ทั้งจากการบริโภควิตามินและยารักษาโรคที่เพิ่มขึ้นในปี 65

โดยผู้บริหารตั้งเป้าเพิ่มกำไรเป็นสองเท่าตั้งแต่ปี 62-68 มองว่าเป็นไปได้ จากความภักดีต่อแบรนด์ที่แข็งแกร่งในธุรกิจแบรนด์และเป็นผู้นำในธุรกิจการจัดจำหน่ายที่เติบโตอย่างรวดเร็วในเมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม

ทั้งนี้มองว่าราคาหุ้นได้สะท้อนอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลงในปี 65 ไปแล้ว จึงมองเป็นโอกาสในการเข้าทยอยสะสม โดย MEGA ซื้อขายในปี 65 ที่ PE ต่ำเพียง 21.5 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่ม Healthcare ในภูมิภาค (เฉลี่ย 32.1 เท่า) ราคาหุ้นที่มี 18% อัพไซด์ของการประเมินราคาหุ้น

นอกจากนี้ MEGA ได้เตรียมขยายธุรกิจปลายน้ำในกลุ่มกัญชง เพื่อเป็นการสร้าง New S-Curve แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องรอ Supply ในส่วนของ CBD และ น้ำมันจากเมล็ดกัญชง ที่มีคุณภาพระดับการแพทย์โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนของธุรกิจสินค้ากัญชงอย่างเร็วสุดในช่วงไตรมาส 3/65

ราคาหุ้น MEGA ปิดเช้าที่ 45.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+0.56%) ขณะที่ดัชนี SET ลบ 1.08%

          โบรกเกอร์                       คำแนะนำ                  ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เคทีบีเอสที                         ซื้อ                         60.00
          ฟินันเซีย ไซรัส                      ซื้อ                         63.00
          คันทรี่ กรุ๊ป                         ซื้อ                         56.00
          เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)              ซื้อ                         55.00
          นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเริ่มคลี่คลาย จะไม่กระทบกับการบริโภควิตามิน โดยเชื่อว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะยังคงบริโภควิตามินอยู่ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในระยะยาว โดยคาดว่ากำไรสุทธิในปี 65 จะสามารถเติบโตได้ 3% อย่างไรก็ตามมีโอกาสที่จะปรับประมาณการกำไรของปี 65 ขึ้น หากสถานการณ์โควิด-19 ยืดเยื้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงบวกกับ MEGA ทั้งจากการบริโภควิตามินและยารักษาโรคที่เพิ่มขึ้น
          นอกจากนี้ MEGA ได้เตียมขยายธุรกิจปลายน้ำในกลุ่มกัญชง เพื่อเป็นการสร้าง New S-Curve แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องรอ Supply ในส่วนของสารสกัด CBD และ น้ำมันจากเมล็ดกัญชง ที่มีคุณภาพระดับการแพทย์โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนของธุรกิจสินค้ากัญชงอย่างเร็วสุดในช่วงไตรมาส 3/65 จากข้อมูล Euromonitor ได้คาดการณ์มูลค่าตลาดกัญชงไทยในปี 68 ที่ 15,800 ล้านบาท โดยกลุ่มยาและอาหารเสริมจะมีมูลค่าตลาดที่ 1,240 ล้านบาท
          โดยแผนการรุกธุรกิจกัญชงของ MEGA มองว่ามีข้อได้เปรียบกว่าคู่แข่งทั้งจาก 1. มี Brand awareness และ Brand Loyalty ที่แข็งแกร่งจากความเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศและกลุ่ม CLMV, 2. มีโรงงานของบริษัททำให้มี flexibility ในการวางแผนการผลิตและปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค และ 3.มีโอกาสที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศอื่นๆซึ่งบริษัทมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว
          บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า คาดรายได้ในปี 65 จะเติบโตได้ 4% ต่ำกว่าปี 64 ที่มีการเติบโต 17% ผลจากความกังวลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ลดลง และฐานผลประกอบการที่สูง โดยราคาหุ้นได้สะท้อนอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลงไปแล้ว จึงมองเป็นโอกาสในการเข้าทยอยสะสม
          แต่อย่างไรก็ตามในปี 66 ทิศทางรายได้จะกลับมาเติบโตในระดับ 9% ใกล้เคียงกับตลาดอาหารเสริมทั่วโลกที่คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ 8.6% อิงข้อมูลจาก Grandview research โดย MEGA มีกลยุทธ์การขยายตลาดเกิดใหม่ที่มีการแข่งขันต่ำกว่าตลาดประเทศที่พัฒนาแล้ว
          ด้านบล. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ผู้บริหารตั้งเป้าเพิ่มกำไรเป็นสองเท่าตั้งแต่ปี 62-68 มองว่าเป็นไปได้ โดยคาดว่าในปี 68 กำไรจะเพิ่มขึ้นแตะ 2.6 พันล้านบาท จากปี 62 ที่มีกำไรสุทธิ 1.2 ล้านบาท เนื่องมาจากความภักดีต่อแบรนด์ที่แข็งแกร่งในธุรกิจแบรนด์และเป็นผู้นำในธุรกิจการจัดจำหน่ายที่เติบโตอย่างรวดเร็วในเมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม
          โดย MEGA ซื้อขายในปี 65 ที่ PE ต่ำเพียง 21.5 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่ม Healthcare ในภูมิภาค (เฉลี่ย 32.1 เท่า) ราคาหุ้นที่มี 18% อัพไซด์ของการประเมินราคาหุ้นแบบ DCF หมายถึง PE ที่ราคาเป้าหมาย 25.4 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน