• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

ยิปซัมตราช้าง นำร่องติดฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ หนุนเทรนด์ Green Building รักษ์สิ่งแวดล้อม

Started by Ailie662, April 04, 2022, 12:09:59 PM

Previous topic - Next topic

Ailie662

ยิปซัมตราช้าง นำร่องติดฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ หนุนเทรนด์ Green Building รักษ์สิ่งแวดล้อม

ทุกวันนี้ภาคธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ต่างปล่อยคาร์บอนจากการผลิตรวมกันประมาณ 50 กิกะตันต่อปี ดังนั้น เป้าหมายการลดการปล่อย "ก๊าซเรือนกระจก" เพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน เป็นอีกหนึ่งหลักไมล์ของภาคธุรกิจหลายๆแห่งที่ตั้งเป้าสู่การเป็นองค์กร Zero Carbon หรือองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์

ปัจจุบันงานก่อสร้างโครงการ หรืองานออกแบบอาคาร จะมองแค่เรื่องนวัตกรรมและความสวยงามอย่างเดียวอาจไม่พอ แต่ต้องใส่ความยั่งยืนลงในงาน และคำนึงถึงปริมาณคาร์บอนของโครงการด้วย จากรายงานของ The International Finance Corporation (IFC) เกี่ยวกับอาคารสีเขียว เผยว่าใน 30 ปีข้างหน้านี้ การลงทุนภาคธุรกิจอาคารสีเขียว (Green Building) จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในตลาดเกิดใหม่ โดยพบว่า 2 ใน 3 อยู่ในเอเชียตะวันออกแปซิฟิกและเอเชียใต้ รวมถึงประเทศไทยเช่นกัน โดยมีการคาดการณ์การลงทุนถึง 24.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ[ Proptech paves the way for green building adoption in developing countries - Asia Property Awards] อีกทั้ง คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ยังได้ระบุว่า อาคารสีเขียวเป็นเรื่องสำคัญและจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ดังนั้น "อาคารเขียว" (Green Building) เป็นเรื่องที่เจ้าของโครงการ หรือผู้ที่อยู่ในธุรกิจก่อสร้างควรต้องตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกใช้วัสดุเพื่อโลก เพื่อความยั่งยืนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

อาคารเขียวไม่ใช่เรื่องสิ้นเปลือง แต่คือการต่อยอดมูลค่าทางธุรกิจ

หากเจ้าของอาคารมองว่าการสร้างอาคารเขียว คือ การลงทุนที่สูญเปล่า อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะอันที่จริงแล้วอาคารเขียว สามารถเพิ่มมูลค่าของอาคารสำนักงานที่สูงกว่าอาคารทั่วไป โดยเฉพาะการประเมินมาตรฐานอาคารเขียว หรือ LEED (Leadership in Energy & Environmental Design) ซึ่งเป็นระบบการรับรองอาคารที่ยั่งยืนและได้รับการยอมรับในระดับสากล ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ภาคธุรกิจ และสะท้อนกลับมาเป็นค่าเช่าพื้นที่โครงการ หรือสำนักงานที่สูงมากกว่าอาคารธรรมดาประมาณ 20%

นั่นหมายความว่าระยะเวลาในการคืนทุนของอาคารเขียวจะสั้นกว่าอาคารธรรมดา แม้ว่าการสร้างอาคารเขียวในประเทศไทยจะเน้นมาตรการส่งเสริมเป็นหลัก ยังไม่ถึงขั้นภาคบังคับ แต่หากหน่วยงานใด หรือโครงการใดที่เห็นโอกาสก็สามารถเตรียมพร้อมได้ก่อน ซึ่งย่อมได้เปรียบในเชิงธุรกิจอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาในการเตรียมตัว หรืองบประมาณต้นทุนก่อสร้างที่น้อยกว่าในอนาคต โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มของดีมานด์ที่อาจจะสูงขึ้นเพื่อเอื้อต่อการยื่นอาคารเขียว

นอกจากนี้ ยังมีผู้เช่าอาคารหรือลูกบ้านที่มองหาอาคารเขียว อันเนื่องมาจากนโยบายที่กำหนดมาจากต่างประเทศที่ต้องใช้อาคารเขียวในการดำเนินงานทางธุรกิจ เช่น อาคารสำนักงาน หรือคลังสินค้า โดยเฉพาะองค์กรที่มาจากสิงคโปร์มีนโยบายภาคบังคับในการมองหาอาคารที่ได้รับรองจาก LEED ในขณะที่ตลาดของอาคารเขียวในประเทศไทยในอนาคต อาจมีจำนวนไม่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เช่าที่กำลังเติบโตมากขึ้น ส่งผลให้อุปทานน้อย จึงเป็นไปได้ว่าอาคารที่ดำเนินการสร้างภายใต้แนวความคิดอาคารเขียว จะได้ค่าเช่าในสัดส่วนที่สูงขึ้น

ภาพลักษณ์องค์กรที่ยั่งยืน

ในยุคปัจจุบันนี้ เรามองเห็นแนวโน้มความต้องการของลูกค้าโครงการ หรือเจ้าของบ้านบางส่วน ที่คำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และแนวโน้มดังกล่าวมีอัตราที่เติบโตเพิ่มขึ้น ดังนั้นเจ้าของโครงการมีหน้าที่ที่จะตอบสนองให้ลูกค้ากลุ่มนั้นมั่นใจได้ว่าเขาอยู่ในอาคารหรือบ้านที่ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และต้องไม่ลืมว่าผู้บริโภคยุคนี้มองเรื่องแบรนด์ที่ให้ความใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และวิธีการหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมเรื่องดังกล่าวได้ คือ การพิจารณาเลือกวัสดุก่อสร้างที่ผ่านเกณฑ์สิ่งแวดล้อม ดังนั้น การลงทุนด้านอาคารเขียวจะกลายมาเป็นภาพลักษณ์ขององค์กร สะท้อนถึงมูลค่าแบรนด์ที่ประเมินราคาไม่ได้

ยิปซัมตราช้าง หนุนอาคารเขียวด้วยฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์

ยิปซัมตราช้าง เป็นผู้ผลิตในประเทศไทยรายแรกที่ผลิตแผ่นยิปซัมที่ได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ ซึ่งมั่นใจได้ว่าตัวผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต การใช้งาน ตลอดจนการกำจัดเศษซากจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์การประเมินอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้แก่ มาตรฐาน TREES (Thai's Rating of Energy and Environmental Sustainability) โดยสถาบันอาคารเขียวไทย (TGBI) รวมถึงการประเมินมาตรฐานอาคารเขียว หรือ LEED (Leadership in Energy & Environmental Design) ซึ่งเป็นระบบการรับรองอาคารที่ยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดย ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านเกณฑ์มี 3 รุ่น ได้แก่ แผ่นยิปซัมมาตรฐาน ตราช้าง พลัส ความหนา 9 มม. ได้ค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ 3.43 ในขณะที่แผ่นยิปซัมทนชื้น ตราช้าง พลัส ความหนา 9 มม. ได้ 3.35 และ แผ่นยิปซัมทนไฟ ตราช้าง ความหนา 15 มม. ได้ 7.98 ซึ่งถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ภาคธุรกิจอย่างยั่งยืน

สำหรับเจ้าของโครงการที่กำลังเริ่มดำเนินการโครงการ อย่าลืมนึกถึงเรื่องวัสดุก่อสร้างที่รักษ์โลก รักษ์อาคารอย่างยั่งยืนด้วยนะครับ