• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

'เซ็นทรัลรีเทล' ชี้ทางรอดฝ่าวิกฤติโควิด ชู ‘10X DNA’ ตัวเปลี่ยนเกม!

Started by Chigaru, August 30, 2021, 05:38:49 PM

Previous topic - Next topic

Chigaru



ทุกประเทศไทยทั่วโลกและประเทศไทยเผชิญสถานการณ์ที่ท้าทายมากมาย โดยเฉพาะวิกฤติโควิด-19 หยุดโลกครั้งนี้ สร้างผลกระทบใหญ่หลวงและเร่งปฎิกิริยาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน สร้างแรงกระเพื่อมของผลกระทบในภาคเศรษฐกิจ การเมือง สังคม เทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้ามามีบทบาทเร็วเกินคาด! ดีมานด์เพิ่ม 10 เท่าจากเดิมในทันทีเมื่อธุรกรรมทางโลกออฟไลน์ต้องหยุดชะงัก

"โดมิโนเอฟเฟคต์" จากวิกฤติโควิด-19 ส่งผลกระทบลากยาวและไม่สามารถคาดเดาจุดสิ้นสุด! ว่าจะจบลงในอนาคตอันใกล้ หรือยังมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดรออยู่ข้างหน้า! 

ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวในเวที "Thailand Focus 2021 : Thriving in the Next Normal"  จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยฉายภาพช่วงกว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมาว่า  ประเทศไทยเผชิญสถานการณ์ที่ท้าทายรอบด้าน และส่งผลกระทบที่คาดไม่ถึงอย่างมากมาย แต่เทียบไม่ได้กับ "วิกฤติโควิด-19" ในครั้งนี้ที่ทำให้โลกต้องหยุดชะงักและพลิกผันในทุกประเทศ ทุกอุตสาหกรรม ทุกธุรกิจ หรือบุคคลใดก็ตาม ล้วนต้องเผชิญอุปสรรคและผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้ด้วยกันทั้งสิ้น

โดมิโนเอฟเฟคต์จากโควิด ทำให้ ประเทศไทยต้องเผชิญกับหลุมดำ สูญเสียรายได้กว่า 2.6 ล้านล้านบาท หนี้ภาคครัวเรือนและหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และอัตราการว่างงานที่อาจเพิ่มสูงขึ้นถึง 3.4 ล้านคนในสิ้นปีนี้ นี่เป็นเพียงบาดแผลส่วนหนึ่งของวิกฤติสุขภาพที่ทุกภาคส่วนต้องจัดการต่อไปอีกหลายปี!! 

ทั้งนี้ วิกฤติโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใน 2 มิติ 

มิติแรก คือ วิกฤติด้านสาธารณสุขที่ส่งผลแบบโดมิโนเอฟเฟคต์ไปยังภาคเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม 

มิติที่สอง คือ ตัวเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัลอย่างรวดเร็วเป็น 10 เท่าจากเดิม จึงเป็นทั้งวิกฤติและโอกาสไปพร้อมๆ กันสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบสำหรับผู้ที่ปรับตัวตั้งรับได้ทันสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสความพร้อมหรือศักยภาพทางธุรกิจที่มี


ภาคธุรกิจและองค์กรต่างๆ ต้องปรับแนวทางดำเนินงานให้สอดรับสถานการณ์โลกหลังโควิดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม รูปแบบการใช้ชีวิต แพลตฟอร์มธุรกิจ ดังนั้น "ผู้นำ และ "องค์กร" จะต้อง "รีเซ็ต" สร้างทางรอดใหม่ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคตที่จะให้ความสำคัญกับมิติใหม่ เช่น ด้านสุขภาพ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม คุณค่า และความยั่งยืน มากขึ้นกว่าเดิม

"ยังไม่แน่ชัดว่าหลังจากนี้ เราจะเผชิญโลกหลังโควิด หรือ จะต้องอยู่กับโควิดต่อไป แต่ชัดเจนว่าโควิดได้ส่งผลให้เกิดการรีเซ็ตเศรษฐกิจและธุรกิจ ที่ต้องมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับคุณค่า สุขภาพ ประสบการณ์ และ ความยั่งยืน"

"ธุรกิจค้าปลีก" จำเป็นต้องปรับสูตรการดำเนินธุรกิจใหม่ตั้งแต่ การปรับองค์กรให้อยู่รอดด้วยความฉลาด การปรับบิสสิเนสโมเดลใหม่เน้นความแตกต่าง การทำงานคิดใหม่ทำใหม่ ล้มเร็วลุกเร็ว มุ่งการทำงานเป็นทีมไม่ใช่วันแมนโชว์อีกต่อไป

อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ปี 2560 ประเทศไทยเผชิญกระแสเชี่ยวกรากของ "ดิจิทัลดิสรัปชัน"  เซ็นทรัลรีเทล เร่งปรับตัวมุ่งสู่ยุทธศาสตร์ "New Central New Retail"

"นับเป็นโชคดีของเซ็นทรัลรีเทลที่เริ่มต้นได้ทันเวลา การเข้ายุคดิจิทัลมุ่งสู่ Omnichannel Economy มีการทำตลาดแบบหลายช่องทางสอดรับพฤติกรรมลูกค้าที่หลากหลายในการใช้ช่องทางซื้อ แตกต่างในจากสหรัฐและจีนมองว่าการทำตลาดจะมุ่งสู่ออนไลน์เท่านั้น"

เทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้ามามีบทบาทเร็วเกินคาด!  ดีมานด์เพิ่ม 10 เท่าจากเดิมทันทีเมื่อธุรกรรมทางโลกออฟไลน์ต้องหยุดชะงัก

ขณะเดียวกัน แรงกระแทกต่อธุรกิจทุกๆ มิติ ทำให้ช่องว่างระหว่าง "ผู้นำ" กับ "ผู้ตาม" กว้างขึ้น แน่นอนว่า การปรับตัวได้ทันเวลา ตอบรับสถานการณ์ได้มากที่สุด จะเป็นตัวชี้วัดว่าใครจะอยู่หรือใครจะไป!!??   ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงแบบ "K-curve" นี้

จะเห็นว่า ในทุกห้วงวิกฤติธุรกิจต้องรับมือพร้อมๆ กัน 2 ด้าน คือ "การอยู่รอด" ที่จะต้องปรับตัวเร็วและมีความยืดหยุ่น ขณะที่ยัง "ต้องชนะ" ด้วย ความคิดที่แตกต่างและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ให้ธุรกิจคงอยู่ได้โควิดให้บทเรียนว่าเราไม่สามารถอยู่รอดได้คนเดียว แต่ทั้งซัพพลายเชนต้องรอดไปด้วยกัน ตั้งแต่ซัพพลายเออร์ ลูกค้า พนักงาน

ประการสำคัญ "วันนี้เราอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ฉะนั้น การตอบสนอง ปรับตัว ยืดหยุ่นอย่างว่องไว เพื่อวิ่งตามลูกค้าให้ทัน เพราะตอนนี้ลูกค้ามองหาสิ่งที่ 'มากกว่า' จากการลงทุนที่ 'น้อยกว่า' พวกเขามองหามูลค่าที่มากขึ้น ตัวเลือกที่มากขึ้น และความสะดวกสบายที่มากขึ้น ภายใต้ความเรียบง่าย อุปสรรค และข้อจำกัดที่น้อยลง เราต้องพร้อมที่จะนำเสนอรูปแบบธุรกิจที่จะตอบโจทย์ความไม่แน่นอนเหล่านั้น"

การปรับตัวอยู่ตลอดเวลาของ "เซ็นทรัล รีเทล" ซึ่งได้เริ่มพัฒนา "แพลตฟอร์มออมนิแชนแนล" เชื่อมโลกการค้าและประสบการณ์ชอปปิงแบบไร้รอยต่อของร้านค้าออฟไลน์และออนไลน์ มาตั้งแต่ปี 2560 ภายใต้ยุทธศาสตร์ "New Central, New Retail" เป็นโรดแมพในการดำเนินธุรกิจ และทำให้ เซ็นทรัล รีเทล ก้าวสู่การเป็นบริษัทค้าปลีกแบบออมนิแชนแนลที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Omnichannel customer-centric retailer) อย่างเต็มรูปแบบตอบโจทย์ยุคโควิดได้อย่างทันท่วงที  

ขณะเดียวกัน มุ่งสร้างประสบการณ์แบบ "Personalization" โดยนำเสนอรูปแบบการชอปปิงแบบ "เฉพาะเจาะจง" สำหรับแต่ละบุคคล และให้บริการที่สะดวก ตรงความต้องการ และรวดเร็วแก่ลูกค้า เช่น บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง บริการส่งสินค้าเร็วภายใน 3 ชั่วโมง พร้อม ๆ กับสร้างความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูล การขนส่ง และความรวดเร็ว รวมถึงการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ด้านสุขภาพ เช่น โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ โรงพยาบาลพญาไท และโรงพยาบาลเปาโล เพื่อให้บริการเข้าถึงลูกค้า ผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์ได้มากขึ้น และการจับมือกับพาร์ทเนอร์ควิกคอมเมิร์ซอย่าง แกร็บ ฟู๊ดแพนด้า และไลน์

ญนน์ ย้ำว่า ภาคธุรกิจจะต้องปรับตัวเข้าสู่ยุค "Next Normal" โดยโฟกัสที่เทรนด์ด้านสุขภาพ และประสบการณ์เป็นหลัก พร้อมยึดหลักการทำธุรกิจบนความเติบโตอย่างยั่งยืน เพราะผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเรื่องชุมชนและสิ่งแวดล้อม ให้คุณค่ากับจริยธรรมขององค์กร และคาดหวังให้แบรนด์เป็นผู้นำในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดี ดังนั้นแบรนด์จะต้องวางเป้าหมายให้ชัดเจน และแสดงให้เห็นถึงความยึดมั่นต่อเป้าหมาย โดยไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด แบรนด์ก็ยังต้องเน้นการให้คุณค่าและการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคในเชิงลึก 

"แม้ขณะนี้ ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในเรื่องการจับจ่ายมากขึ้น แต่ก็ให้ความสำคัญต่อสุขภาพ ผู้บริโภคยินดีใช้จ่ายในด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยมากขึ้น พร้อมทั้งมองหาประสบการณ์ที่จะช่วยเชื่อมต่อโลกเสมือนจริงกับโลกที่เป็นอยู่ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน"

เป้าหมายของ "เซ็นทรัล รีเทล" มุ่งรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีก โดยให้ความสำคัญกับเรื่องความหลากหลายของผู้คนในโลกแบบ "ไฮบริด" ทั้งลูกค้า พนักงานในองค์กร โดยวางกรอบแนวทางดำเนินงานต้องเป็นองค์กรที่รับฟังเข้าอกเข้าใจ มีการสื่อสารที่ชัดเจนกับกลุ่มคนทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย ต้อง "ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่" โดยโฟกัสไปที่จุดแข็ง เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับองค์กร เช่น

ด้านความเร็ว-กล้าตัดสินใจเพื่อตามการเปลี่ยนแปลงให้ทัน

ด้านสินทรัพย์-พยายามทำตัวให้เบา เลือกเก็บสิ่งที่มีค่า และกระจายความเสี่ยงออกไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน

ด้านการจ้างงานภายในและภายนอก-การมองหาพาร์ทเนอร์

ด้านการปรับทีมทำงาน-ทำให้องค์กรเคลื่อนตัวได้เร็ว และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเผชิญความท้าทายจากปัจจัยภายนอก

เซ็นทรัลรีเทล ยังมุ่งปรับเป้าหมายธุรกิจไม่ได้มุ่งเน้นแค่ยอดขายหรือกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้า และประสบการณ์ที่สร้างเสริมทักษะให้กับพนักงาน เพื่อเพิ่มคุณค่า และสร้างความจงรักภักดีต่อองค์กร อันจะนำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว

เมื่อเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปสู่สิ่งที่เคยเป็นได้ ต้องมองไปข้างหน้า และปรับเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจ เพื่อที่จะอยู่ร่วมกับโควิด-19 ไปอีกนาน!!

แน่นอนว่า การใช้ชีวิตแบบ "10X DNA" จะเข้ามาเป็นตัวเปลี่ยนเกม! และกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จที่มากขึ้น และยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วย D-Daring กล้าที่จะลอง N-Never Stop ไม่หยุดยั้ง และ A-Agile ยืดหยุ่น ปรับตัวเร็ว  

"เราต้องกล้าคิดการใหญ่ แต่ทำให้ใหญ่กว่าที่คิด" ญนน์ กล่าวย้ำ 

นอกจากนี้ ต้องยอมรับข้อผิดพลาดและพร้อมแก้ไขทันที กล้าที่จะล้มเพื่อเรียนรู้และทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม เราต้องไม่หยุดพัฒนา และไม่เดินหน้าเพียงคนเดียว การจับมือก้าวไปพร้อมกันทำให้เราไปได้ไกลกว่า และมั่นคงกว่า และนี่คือเวลาของการเริ่มต้นใหม่ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ในยุคที่จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป (Never-normal World)

ปัจจุบัน อาณาจักร "เซ็นทรัล รีเทล" เรือธงด้านค้าปลีกซึ่งเป็นรากฐานของกลุ่มเซ็นทรัล  ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย ครอบคลุม 54 จังหวัด เวียดนาม ขยายตลาดอยู่ใน 39 จังหวัด และ อิตาลี ปักหมุดเมืองท่องเที่ยวหลักทั่วประเทศ

โดย ณ 30 มิ.ย.2564  มีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,687 ร้านค้า นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท (Multi-category) ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format) อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มออมนิแชนแนล ครอบคลุม 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 

"กลุ่มแฟชั่น" เน้นสินค้าเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ภายใต้ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล,ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน,ซูเปอร์สปอร์ต,เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG)และรีนาเชนเต (Rinascente) 

"กลุ่มฮาร์ดไลน์" เน้นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าตกแต่งซ่อมแซมบ้าน ภายใต้ ไทวัสดุ,บ้านแอนด์บียอนด์,เพาเวอร์บาย,เหงียนคิม,ออฟฟิศเมท,บีทูเอส,และเมพ (e-book) 

"กลุ่มฟู้ด" เน้นสินค้าของสดและของใช้บริโภคในครัวเรือน ภายใต้ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์,ท็อปส์ มาร์เก็ต,ท็อปส์ เดลี่,แฟมิลี่มาร์ท,บิ๊กซี/โก! และลานชี มาร์ท 

"กลุ่มพร้อพเพอร์ตี้" เน้นให้เช่าพื้นที่ค้าปลีกแก่บุคคลภายนอกและร้านค้าในเครือฯ ภายใต้ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์,ท็อปส์ พลาซ่า,และบิ๊กซี/โก!