• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

'เอกชน' มั่นใจไทยกลับมาเข้มแข็ง เตรียมประเทศให้พร้อมหลัง 'วิกฤติ'

Started by luktan1479, July 17, 2021, 09:18:17 AM

Previous topic - Next topic

luktan1479



การสัมมนา "Restart เศรษฐกิจไทยฝ่าภัยโควิด" จัดโดย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ กรุงเทพธุรกิจ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2564 ผ่านระบบซูมได้ระดมความเห็นภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อกำหนดแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบจากโควิด-19

ส.อ.ท.แนะรีบตรวจเชื้อแยกผู้ป่วย 

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า การรีสตาร์ทประเทศต้องพูดได้ว่าเครื่องยนต์ของเราหลวมหมดแล้ว การติดเครื่องอีกครั้งคงทำได้ลำบาก เพราะอุตสาหกรรมค้าปลีกและการท่องเที่ยวยังไม่ดี แม้ว่าการส่งออกไปได้

ดังนั้น ส.อ.ท. มองว่า การมีเครื่องตรวจเชื้อโควิดแบบ "แรบิดแอนติเจน เทสต์" ก็เป็นตัวช่วยที่ดี และรัฐจะต้องรีบจัดการในเรื่องนี้ ซึ่ง ส.อ.ท.เองก็เตรียมสั่งซื้อเพื่อนำมาใช้ในกลุ่มภาคอุตสาหกรรมได้มีโอกาสตรวจเชื้อ และจะส่งมอบให้กับโรงพยาบาลด้วย เพราะหากพบว่ามีการติดเชื้อก็จะส่งผลให้เกิดการกักตัวในภาคการผลิตทำให้การทำงานของภาคอุตสาหกรรมสะดุดลง และเท่าที่หารือกันในอุตสาหกรรมต่างๆปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมแล้ว

เตรียมประเทศให้พร้อมรับลงทุน

นายสุพันธุ์ กล่าวว่า การที่หลายประเทศเริ่มฟื้นตัว ซึ่งหากวันนี้ ไทยไม่มีโควิดเชื่อว่า การลงทุนจะเข้าสู่ไทยจำนวนมาก ซึ่งจำเป็นที่ไทยจะต้องเร่งแก้ความยาก–ง่ายในการทำธุรกิจ (อีส ออฟ ดูอิ่ง บิสซิเนส) โดยปรับกฎเกณฑ์ภาครัฐจากการกำกับดูแลมาเป็นการอำนวยความสะดวกให้มากขึ้น โดยเฉพาะการตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร การนำเข้า-ส่งออก ควรแก้ไขให้ทันสมัย


อย่างก็ตาม ขณะนี้ ส.อ.ท. ได้ตั้งทีมงาน 5 คณะ เพื่อมาร่วมแก้ไขปัญหากับภาครัฐทั้งเรื่องรักษาด้านเยียวยาและป้องกัน ซึ่งเตรียมพร้อมแก้ไขปัญหาในอนาคต เพราะมองว่าเรื่องของวัคซีนและการระบาดยังอีกยาวต้องเตรียมพร้อมอยู่ร่วมกันไม่เสียหายไปมากกว่านี้

"ค้าปลีก"แนะฉีดยาให้ตรงจุด

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การรีสตาร์ทเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการต้องโฟกัส 4 เรื่อง ได้แก่ 

1.ทำให้ตัวเบาที่สุดอยู่ได้ยาวที่สุด โดยเร่งจัดการระบายสต็อก เพื่อ "กอดเงินสด"

2.กอดเงินสดให้ได้มากที่สุดเพราะอนาคตธนาคารอาจไม่ปล่อยสินเชื่อแม้มีเครดิต

3.ก่อนเจาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับมอง "ดีมานด์ลูกค้าในไทย" ซึ่งมีอยู่แม้น้อยลงและยากขึ้น แต่ต้องหาให้เจอด้วยทุกกลยุทธ์ใหม่ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ ทุกรูปแบบเป็นทางเลือกใหม่ให้ลูกค้า

4.ผู้ประกอบการค้าปลีกร่วมกันตรึงราคาสินค้านานที่สุดและทำให้สินค้าไม่ขาดตกบกพร่อง

"รัฐต้องฉีดยาให้ตรงจุดจะได้ไม่เสียงบประมาณโดยใช่เหตุ ปัญหาใหญ่ขณะนี้คือ ความมั่นใจ และจะปลดล็อกเงินในกระเป๋าของกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อออกมาใช้จ่ายได้อย่างไร ซึ่งมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้ถือว่าดี แต่มีความซับซ้อน ไม่เอื้อต่อการใช้จ่ายของกลุ่มคนมีเงิน"


มั่นใจหลังวิกฤติเข้มแข็งขึ้น

นายญนน์ กล่าวว่า เวลานี้เศรษฐกิจอัมพาตไปครึ่งตัว เพราะ 3 เสาหลัก ภาคการผลิต ท่องเที่ยว และค้าปลีก ที่มีความเชื่อมโยงกันโดยตรงได้รับผลกระทบหนักเมื่อภาคหนึ่งกระทบจะเป็นโดมิโนเอฟเฟคท์กับ 2 ภาคที่เหลือ

เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ต่างชาติกลับเข้ามาเยือนไทยจากนั้นเชื่อว่าภาคเอกชนจะเดินหน้าจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย กำลังซื้อจะเกิดขึ้น ผลักดันให้ธุรกิจไทยฟื้นตัวกลับมา และเดินเครื่องได้เกิน 100%

"หากเราผ่านวิกฤติซ้อนวิกฤติครั้งนี้ไปได้จะแข็งแรงยิ่งขึ้นประเทศไทยมีความพร้อมหลายอย่าง อยู่ในท็อปส์อินดัสทรีระดับโลก โดยเฉพาะรีเทล เราอยู่ใน ท็อป 10-15ไม่ธรรมดา เราพยายามพลิกตัวเอง ซ้อมอย่างเต็มที่ เมื่อโลกเปิดน่าจะเป็นแต้มต่อที่ดี"

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท). กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการระบาดซ้ำหลายระลอกส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศอยู่ภาวะขึ้นลง และแนวโน้มภาคท่องเที่ยวปี 2564 ต่อเนื่องปี 2565 ยังเสี่ยงจากระบาดซ้ำ

ด้านแนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เมื่อ เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 6,052 คน ลดลงจากปี 2562 ก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 40 ล้านคน เฉลี่ย 3 ล้านคนต่อเดือน ขณะที่นักท่องเที่ยวไทย เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา มี 3.6 ล้านคน-ครั้ง น้อยกว่าปีปกติซึ่งเฉลี่ย 10 ล้านคน-ครั้งต่อเดือน ด้านอัตราเข้าพักของโรงแรมเดือน มิ.ย. เฉลี่ยอยู่ที่ 7.89% เท่านั้น ต่ำกว่าประมาณการณ์จุดวิกฤติของภาคธุรกิจโรงแรมซึ่งอยู่ที่ 28%


ต่างชาติเริ่มเที่ยวไทยชัดไตรมาส 4

ททท.มองว่าถ้าคุมการระบาดได้ดีและเร็ว การกระจายวัคซีนเป็นไปตามแผน จะทำให้คนไทยมั่นใจเที่ยวอีกครั้ง และการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นพื้นที่ไหนพร้อมก็ทยอยเปิด และจะเริ่มเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญไตรมาส 4 ต่อเนื่องไตรมาส 1 ปีหน้า โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ ททท.คงเป้าหมายนักท่องเที่ยวไทย 100 ล้านคน-ครั้ง นักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 ล้านคน สร้างรายได้รวม 8.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4-5% จากปีที่แล้ว ส่วนปี 2565 ตั้งเป้ารายได้ตลาดในและต่างประเทศ 2.5 ล้านล้านบาท ฟื้นตัว 80% ของรายได้ปี 2562 ซึ่งปิดที่ราว 3 ล้านล้านบาท

"มอบให้สำนักงาน ททท.ในต่างประเทศทำการตลาดเพื่อให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่อยู่ในใจนักท่องเที่ยว อีกสิ่งสำคัญ คือ การวิเคราะห์คู่แข่งเพราะแม้มีโควิดแต่ประเทศต่างๆ ไม่หยุดทำตลาด"