• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

ทองคำปี 65 โอกาสพุ่งทะลุ 2,000 เหรียญฯ?

Started by Fern751, January 10, 2022, 08:03:12 PM

Previous topic - Next topic

Fern751

ทองคำปี 65 โอกาสพุ่งทะลุ 2,000 เหรียญฯ? เฟดลดดอกเบี้ย-เงินเฟ้อเร่งตัว

ทิศทางราคาทองคำปี 65 ยังมีช่องสร้างโอกาสการเก็งกำไรจากทั้งปัจจัยกดดันและปัจจัยหนุนต่อเนื่องตลอดทั้งปีที่เชื่อว่าจะทำให้การเคลื่อนไหวของราคาในแต่ละช่วงมีความน่าสนใจ โดยช่วงต้นปีแนวโน้นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอการเร่งตัวของเงินเฟ้ออาจทำให้ราคาปรับลง แต่ยังมีความไม่นอนระหว่างทางจากเงินเฟ้อที่ทำให้ความเสี่ยงเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น รวมทั้งมุมมองต่อความขัดแย้งของประเทศต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเพิ่มอุณหภูมิความร้อนแรงขึ้น ทำให้บางสำนักฯ มองราคาทองมีโอกาสพุ่งทะลุ 2,000 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อ อาจทำให้ราคาทองคำในช่วงต้นปี 65 มีโอกาสปรับตัวลงมากกว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและทิศทางนโยบายทางการเงินของสหรัฐอย่างต่อเนื่องว่าจะมีทิศทางอย่างไร ขณะที่มองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปีกว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ต่างๆ รวมไปถึงสายพันธุ์ใหม่อย่างโอมิครอน เชื่อว่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการพัฒนาวัคซีนและยารักษาต่างๆ ออกมา ซึ่งจะทำให้ในอนาคตโควิดจะเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นโรคทั่วไปเหมือนกับไข้หวัดใหญ่ จึงจะเป็นหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในระยะต่อไป

"ราคาทองคำมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงมากกว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลาย และสหรัฐได้เตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อเป็นการสกัดเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามสถานการณ์อื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นและเข้ามากระทบกับราคาทองคำเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นให้กรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในไตรมาส 1/65 ไว้ที่ 1,775-1,825 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์"นายจิตติ กล่าว
แต่ขณะเดียวกัน นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการฝ่ายบริหารกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก มองทิศทางราคาทองคำในช่วง 2 เดือนแรกของปี 65 จะยังคงสามารถปรับตัวขึ้นได้จากภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงเร่งตัว ดังนั้น จึงคาดว่ามีโอกาสที่ราคาทองจะปรับตัวขึ้นไปถึงระดับ 1,850-1,900 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์

ส่วนปัจจัยเรื่องแนวโน้มการปรับลดวงเงิน QE และเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคากลางสหรัฐ (เฟด) เป็นเรื่องที่ตลาดฯ รับรู้ไปทั้งหมดแล้ว โดยในเดือน มี.ค.คาดว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และทิศทางผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวสูงขึ้น จะเป็นตัวกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง ส่วนราคาจะปรับลดลงมากหรือน้อยยังต้องติดตามนโยบายทางด้านการเงินของเฟดว่าจะส่งสัญญาณอย่างไรในระยะต่อไป เช่นเดียวกับช่วงที่เหลือของปี 65 ก็ยังขึ้นกับนโยบายทางการเงินของเฟด เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อจะยังคงกดดันสหรัฐอย่างต่อเนื่อง

ด้านการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลในหลายๆ ประเทศไม่ได้มีการใช้นโยบายปิดประเทศแล้ว จึงเชื่อว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆกลับมาฟื้นตัว

"ปัจจุบันการคาดการณ์ราคาทองคำไม่สามารถมองยาวๆได้ เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่เข้ามา ซึ่งเรามองว่าราคาทองคำในช่วง 2 เดือนแรกจะสามารถปรับตัวขึ้นได้จากภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงสูงอยู่ แต่หลังจากนั้นราคาทองคำมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลง จากนโยบายทางการเงินสหรัฐที่ปรับเปลี่ยนไป แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการปรับตัวลดลงจะไม่มากเหมือน 6-7 ปีก่อน จากความกังวลของเศรษฐกิจในประเทศเกิดใหม่ที่ยังคงเปราะบางด้วยหนี้ที่ยังคงสูงอยู่ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปได้ช้า" นพ.กฤชรัตน์ กล่าว
ด้านนายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำในปี 65 มีโอกาสที่จะเคลื่อนไหวในรูปแบบ Sideway Up แม้ว่านโยบายทางการเงินของประเทศสหรัฐจะเปลี่ยนไป โดยเตรียมปรับลดขนาด QE ลง และเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้น แต่อย่างไรก็ตามมองว่าตลาดได้รับรู้ปัจจัยดังกล่าวไปหมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยไม่แน่นอนหลายอย่างที่จะเข้ามาช่วยหนุนราคาทองคำได้ อาทิ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่ยังเป็นความเสี่ยงของเศรษฐกิจทั่วโลก การผิดนัดชำระหนี้ของภาคเอกชนประเทศจีนที่มีเพิ่มมากขึ้นจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้เศรษฐกิจของจีนมีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น ซึ่งจีนเป็นประเทศอันดับหนึ่งในการซื้อทองคำ นอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐ รวมถึงความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

ภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงเร่งตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ทองคำถือว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อได้มมีความน่าสนใจ อีกทั้งเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกจะเป็นสิ่งผลักดันให้ธนาคารกลางในประเทศต่าง ๆ ต้องหันมาถือทองคำเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาเสถียรภาพทางด้านการเงินไว้

"เรามองว่าราคาทองคำมีจะเคลื่อนไหวตามข่าวที่ออกมา เหมือนๆกับในปี 64 ที่ผ่านมา โดยยังมีความเสี่ยงหลายๆปัจจัยที่อาจจะเข้ามาหนุนราคาทองคำได้ ทั้งโควิด-19 ที่ไม่แน่นอน การผิดนัดชำระหนี้ของภาคเอกชนในประเทศจีนที่สูงขึ้น ความขัดแย้งในหลายๆประเทศที่ยังคงมีอยู่ รวมไปถึงภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกยังคงมีความเสี่ยง โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวไว้ที่ แนวรับ 1,721 และ 1,667 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และแนวต้านที่ 1,958-2,075 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์"นายวรุต กล่าว