• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ufa

ufabet

ปูนปั้น

สล็อตเว็บตรง

สล็อตเว็บตรง

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

pgslot

PG SLOT

PG SLOT

pg slot

PG SLOTเว็บตรง

PG SLOT เว็บตรง

pg slot

บาคาร่า

PG SLOT

pg slot

PG SLOT

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อต

บาคาร่า168

PG SLOT

สล็อตเว็บตรง

pg slot

สล็อตเว็บตรง

เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด

สล็อต pg เว็บตรง แตกหนัก

พิษโควิด! นักธุรกิจแห่ 'ขาย' โรงแรม

Started by Fern751, September 07, 2021, 07:14:56 PM

Previous topic - Next topic

Fern751



มาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย หรือ THA กล่าวว่า จากวิกฤติโควิด 19 มีเจ้าของโรงแรมตัดสินใจขายโรงแรมมากขึ้น โดยเฉพาะรายที่ประสบปัญหาทางการเงิน สมาคมฯประเมินว่าน่าจะมีโรงแรมหลายแห่งที่ไม่สามารถชำระหรือรับผิดชอบเงินกู้ได้ ทำให้เกิดหนี้เสียตามมา จึงต้องการขายโรงแรมเพื่อลดภาระทางการเงินและนำเงินมาหมุนเวียนในธุรกิจ โดยมีนักลงทุนที่สนใจซื้อสอบถามผ่านทางธนาคารหรือนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ว่าเจ้าของรายใดสนใจขายโรงแรมบ้าง

และจากการประชุมอัพเดตสถานการณ์ซื้อขายโรงแรมร่วมกับบริษัท JLL ที่ปรึกษาให้บริการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมเมื่อปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าจะมีการซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยตลอดปี 2564 ประมาณ 17 แห่ง ด้วยมูลค่า 1-1.2 หมื่นล้านบาท เป็นโรงแรมในกรุงเทพฯ 3 แห่ง ภูเก็ต 4 แห่ง เกาะสมุย 5 แห่ง และจังหวัดอื่นๆ อีก 5 แห่ง โดยเป็นโรงแรมที่มีมูลค่าซื้อขายต่ำกว่า 500 ล้านบาท จำนวน 7 แห่ง มูลค่า 500-1,000 ล้านบาท จำนวน 9 แห่ง และมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท จำนวน 1 แห่ง

ส่วนในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มีโรงแรมที่ปิดดีลการซื้อขายแล้วมูลค่าประมาณ 2.7 พันล้านบาท และอยู่ระหว่างทำสัญญาอีกประมาณ 3 พันล้านบาท โดยยังถือว่าเป็นมูลค่าการซื้อขายที่น้อย เนื่องจากราคาขายไม่ได้ตกมากเท่าไร ผู้ขายส่วนใหญ่ยังต้องการขายในราคาตลาด แต่ถ้าผู้ขายยอมลดราคาโรงแรม คาดว่ามูลค่าการซื้อขายก็น่าจะมากกว่านี้

ทั้งนี้รายงานของ JLL ยังระบุด้วยว่า จุดหมายของการลงทุนโรงแรมในไทย 3 อันดับแรก คือกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเกาะสมุย โดยราคาซื้อขายโรงแรมในกรุงเทพฯทั้งหมด 100% แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง กล่าวคือมีส่วนลดราคาที่ระดับ 0-5% ต่างจากโรงแรมในภูเก็ตส่วนใหญ่ 59% จะมีส่วนลดราคาซื้อขายให้มากกว่า 30% ส่วนโรงแรมที่เหลืออีก 41% ในภูเก็ตมีส่วนลดราคาซื้อขายให้ที่ระดับ 0-5% ฟากเกาะสมุยส่วนใหญ่ 57% จะมีส่วนลดราคาซื้อขายอยู่ที่ระดับ 15-20% รองลงมาคือกลุ่มที่มีส่วนลดมากกว่า 30% และมีกลุ่มที่มีส่วนลด 0-5% ตามลำดับ

"ภาพรวมจำนวนและมูลค่าของการเปลี่ยนมือซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยน่าจะมีมากกว่านี้ เพราะไม่ได้มีแค่การซื้อขายผ่านบริษัทนายหน้าอสังหาฯเท่านั้น แต่นักลงทุนอาจจะติดต่อซื้อด้วยตัวเอง ซื้อผ่านคนรู้จัก หรือซื้อผ่านธนาคาร"

ขณะที่โรงแรมส่วนหนึ่งเลือกเข้าร่วมมาตรการ "พักทรัพย์ พักหนี้" หรือ "โกดังพักหนี้" (Asset Warehousing) ซึ่งสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ ซึ่งผู้ประกอบการมีสิทธิซื้อทรัพย์สินคืนในภายหลัง เพราะยังอยากรักษาโอกาสความเป็นเจ้าของโรงแรมนั้นๆ อยู่ โดยปัจจุบันมีผู้นำโรงแรมเข้าร่วมมาตรการนี้แล้วประมาณ 60-80 ราย
 
นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวด้วยว่า สำหรับภาพรวมการปรับตัวของธุรกิจโรงแรมทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ปัจจุบันแม้แต่ธุรกิจโรงแรมรายใหญ่ยังต้องพิจารณาอีกรอบว่าจะลดต้นทุนอย่างไร เช่น ปิดให้บริการโรงแรมอีกครั้งหรือไม่ ชี้ให้เห็นว่าการระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุดเริ่มมีผลกระทบต่อบริษัทที่มีสายป่านยาว 

ส่วนธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กสามารถควบคุมต้นทุนได้ง่ายกว่า เปิดหรือปิดให้บริการได้อย่างยืดหยุ่นตามสถานการณ์ โดยขณะนี้มีโรงแรมเล็กบางแห่งเตรียมกลับมาเปิดรับลูกค้าคนไทยอีกครั้งเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนกิจการหลังรัฐบาลเริ่มคลายล็อกการเดินทางภายในประเทศ

แต่ที่น่าเป็นห่วงมากคือธุรกิจโรงแรมขนาดกลางที่บริหารแบบอิสระ มีเจ้าของคนเดียวหรือเป็นธุรกิจครอบครัว ตรงที่เมื่อกลับมาเปิดให้บริการรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง จะสามารถแข่งขันได้หรือไม่ เนื่องจากแนวโน้มการแข่งขันสูงมาก เห็นภาพการตัดราคาห้องพักกันแน่นอน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าโรงแรมนั้นๆ มีหนี้สินมากแค่ไหนด้วย ถ้ามีหนี้มาก ก็อยู่กันยาก ถ้ามีหนี้น้อย ก็อาจจะหดตัวแล้วอยู่นิ่งๆ รอสถานการณ์ดีขึ้น หรือมีการเจรจารีไฟแนนซ์กับธนาคาร

"แต่เนื่องจากธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่มีรายได้เป็นศูนย์นับตั้งแต่เกิดการระบาดระลอก 3 เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากอยู่กันไม่ไหวมานานกว่า 1 ปีนับตั้งแต่เจอการระบาดของโรคโควิด-19 เหมือนถูกตีซ้ำให้จมน้ำในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายแม้กระทั่งจ่ายดอกเบี้ย ธุรกิจโรงแรมก็กู้เงินกันมาระยะยาวแบบนี้ หนี้ก็ทับถมไปเรื่อยๆ ทำให้ตอนนี้ธุรกิจโรงแรมก็ไม่ค่อยอยากจะกู้ เพราะไม่เห็นแสงสว่าง และไม่รู้ว่าเมื่อไรลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาเป็นปกติ"

แม้แต่โรงแรมใน จ.ภูเก็ต ซึ่งมีการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ก็น่าเป็นห่วงเช่นกัน เพราะยังได้ประโยชน์แบบไม่ทั่วถึงนัก ที่สำคัญประเทศต้นทางที่เป็นตลาดเป้าหมายของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เช่น สหราชอาณาจักร ได้ประกาศปรับสถานะให้ประเทศไทยอยู่กลุ่มสีแดง (Red List) ทำให้นักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักรซึ่งมีจำนวนคนเดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มากเป็นอันดับ 2 ในช่วง 2 เดือนแรกของโครงการ ได้ยกเลิกการจองห้องพักและรีบเช็กเอาต์เดินทางกลับก่อนกำหนด เพราะไม่ต้องการเข้ากักตัวในโรงแรมที่รัฐบาลกำหนดเป็นระยะเวลา 10 วัน และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง 2,230 ปอนด์ หรือประมาณ 100,000 บาท เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลไทยเร่งพิจารณาเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วและมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย แบบไม่ต้องกักตัว ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนในประเทศไทยก็ตาม โดยมีการใช้แอพพลิเคชั่นติดตามตัว เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม เพราะภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ก็ได้เป็นตัวอย่างแล้วว่านักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ได้นำเชื้อมาปล่อยให้คนไทย ส่วนใหญ่ที่ตรวจคัดกรองพบมีเพียง 0.3% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และส่วนมากจะคัดกรองพบในการตรวจหาเชื้อครั้งแรกที่สนามบิน

"เรียกได้ว่าสภาพคล่องของธุรกิจโรงแรมตอนนี้หมดหน้าตักแล้ว การแก้ปัญหาอย่างตรงจุดก็วนกลับมาเรื่องเดิมคือการเร่งฉีดวัคซีนแก่คนไทยมากกว่านี้ เพราะเมื่อพูดกันตรงๆ แล้วประเทศไทยอาจจะช้าเรื่องนี้ไปสักนิด หากเร่งฉีดได้เร็วกว่านี้ ก็น่าจะเปิดให้คนมาท่องเที่ยวได้เร็วกว่านี้ ภาคธุรกิจโรงแรมจะได้ไม่ต้องปิดนาน และไม่เจ็บตัวจนมาถึงจุดนี้ ซึ่งถือเป็นจุดเจ็บปวดที่สุดของที่สุดแล้ว ขณะที่ความหวังก็ค่อยๆ หายไป เพราะต่างคาดการณ์ว่าแม้ปี 2565 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเริ่มกลับมา แต่ก็ไม่ได้กลับมาจำนวนมากแบบทีเดียว เป็นการทยอยกลับมามากกว่า ทำให้ธุรกิจโรงแรมต้องปรับตัวเร็วมากเพื่อรับกับสถานการณ์ที่อาจจะเปลี่ยนแปลงเมื่อไรก็ได้"