พื้นไม้ลามิเนตเลือกให้ดีใช้งานได้ยาวๆ

[azhimeblog]

พื้นไม้ลามิเนต(Laminate Flooring)


ไม้ลามิเนต เป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน และมีความต้องการสูงขึ้นในทุกๆปี ด้วยลักษณะที่มีความเหมือนกับลวดลายไม้ธรรมชาติสวยงาม มีความทนทานและสามารถติดตั้งได้ง่าย อีกทั้งมีราคาที่ไม่แพงมากนักเมื่อเทียบกับราคาไม้จริง และไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลรักษามากนัก

การติดตั้งไม้ลาเมตจากเดิมเชื่อมต่อกันด้วยการใช้กาว แต่ปัจจุบันการติดตั้งไม้ลามิเนตสามารถทำได้ง่ายขึ้นด้วยระบบล็อคพื้นไม้ ทำให้การติดตั้งสามารถทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากกว่าเดิม จึงไม่แปลกว่าทำไมไม้ลามิเนตจึงกลายเป็นวัสดุปูพื้นอันดับต้นๆที่หลายคนเลือกไว้ใช้งานปูพื้นบ้านกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แต่ข้อระวังในการติดตั้งคือต้องอาศัยความชำนาญในการติดตั้งค่อนข้างสูง




องค์ประกอบไม้ลามิเนต


ไม้ลามิเนตปูพื้น เหมาะสำหรับใช้งานหลากหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น ตามอาคารทางเดิน พื้นบ้านทั่วไป ตามสำนักงานต่างๆ และสามารถนำมาติดตั้งใช้ภายในบ้านที่อยู่อาศัยได้เช่นกัน ด้วยลวดลายไม้ธรรมชาติที่เสมือนจริง ไม้ลามิเนตปูพื้นจึงเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างสูงมากในปัจจุบัน ที่สำคัญคือไม้ลามิเนตมีความแข็งแรงและทนทานเนื่องจากองค์ประกอบแต่ละชั้นของไม้ลามิเนตปูพื้น ที่มีคุณสมบัติช่วยทำให้สามารถทนแรงกระแทกและรับน้ำหนักได้ดี โดยทั่วไปแล้วไม้ลามิเนตปูพื้นมีส่วนประกอบอยู่ทั้งหมด 4 ชั้น ได้แก่...

• ผิวหน้าไม้ลามิเนตปูพื้น (OVERLAY)

[/list]
เคลือบด้วยสารประกอบเรซิ่น เป็นสารเคลื่อบที่มีองค์ประกอบของสาร อาทิเช่น อลูมิเนียมออกไซด์ หรือ เมลามิน โดยความหนาของการเคลือบมาตราฐานจะอยู่ที่ 38 กรัมต่อตารางเมตร แต่ไม้ลามิเนตปูพื้นเคลือบหนาถึง 45 กรัมต่อตารางเมตรเลยทีเดียวค่ะ จึงส่งผลให้ผิวไม้ลามิเนตปูพื้น มีความคงทนต่อรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี นิยมใช้กับบริเวณทางเดินในโถงของบ้าน

• ชั้นตกแต่งลายไม้ลามิเนตปูพื้น (DECORATIVE LAYER PAPER)

[/list]
เป็นชั้นลวดลายของไม้ลามิเนต ที่โดยทั่วไปแล้วจะเป็นลายเลียนแบบไม้ธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งลวดลายมีความเสมือนจริงอย่างมาก จึงสามารถนำมาใช้ทดแทนวัสดุไม้จริงได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม้ลามิเนตจะมีให้เลือกลายไม้หลากหลายเฉดสี ที่คุณสามารถเข้ามาเลือกซื้อไม้ลามิเนตได้ที่ โฮมโปร ทุกสาขาทั่วประเทศไทย

• แกนกลางไม้ลามิเนตปูพื้น (CORE LAYER-FIBERBOARD)

[/list]
เป็นการผสมไม้บดกับกาวเรซิ่น ซึ่งมีความหนานแน่นสูงถึง 900 กรัม/ตารางเมตร ทำให้สมารถรับน้ำหนักและแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือมีความทนทานต่อความชื้นเป็นอย่างดี โดยกรรมวิธีในการผลิตได้รับมาตราฐาน E.1 รับประกันได้ว่าไม้ลามิเนตปลอดสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

• ไม้ลามิเนตปูพื้นชั้นล่าง (BALANCING STABILITY LAYER)

[/list]
เป็นเหมือนกับรากฐานของไม้ลามิเนต เป็นชั้นที่ช่วยให้ไม้ลามิเนตมีความคงตัว เสริมความแข็งแรงและความทนทานมากยิ่งขึ้น เป็นชั้นที่ช่วยป้องกันความชื้นให้กับไม้ลามิเนตได้เป็นอย่างดี


คุณภาพและความทนทานของไม้ลามิเนต


แน่นอนว่า ไม้ลามิเนต ก็มีให้เลือกใช้งานหลากหลายเกรด มีทั้งเกรดดีและเกรดปานกลาง โดยหลักในการเลือกไม้ลามิเนตที่มีคุณภาพสามารถเปรียบเทียบได้ด้วยการตรวจสอบค่า AC Rating ที่เป็นตัวบ่งบอกถึงความทนทานของไม้ลามิเนตนั้นๆ โดยค่า AC Rating ถูกกำหนดขึ้นโดยองค์กรอิสระที่มีชื่อว่า European Producers of Laminate Flooring (EPLF) ช่วยให้คุณสามารถเลือกคุณภาพไม้ลามิเนตปูพื้นได้ตรงตามความต้องการและเหมาะสมกับการใช้งานแต่ละพื้นที่มากที่สุด โดยไม้ลามิเนตปูพื้นจะมีการทดสอบความทนทาน หลากหลายรูปแบบ ทนทานต่อเฟอร์นิเจอร์ ทนทานต่อรอยข่วน ทนทานต่อการกระแทก เป็นต้น โดยไม้ลามิเนตปูพื้นจะสามารถแบ่งระดับ AC Rating ทั้งหมด 3 ระดับ ได้แก่ Heavy (รองรับน้ำหนักได้มาก ความทนทานสูง), General (รองรับน้ำหนักระดับปานกลาง) และ Moderate (รองรับน้ำหนักทั่วไป) โดยแต่ละระดับก็มีค่าความทนทานแตกต่างกัน...

• AC 1 : 21 (ที่พักอาศัย, เดินผ่านปานกลาง : เหมาะกับห้องนอนหรือห้องรับแขก)
• AC 2 : 22 (ที่พักอาศัย, เดินผ่านทั่วไป : เหมาะกับห้องนั่งเล่นหรือห้องรับประทานอาหาร)
• AC 3 : 23 (ที่พักอาศัย, เดินผ่านมาก : ใช้ได้ทุกที่)
• AC 3 : 31 (สำหรับพื้นที่การค้า, เดินผ่านปานกลาง : เหมาะจะปูห้องในโรงแรมหรือ Office เล็กๆ)
• AC 4 : 32 (สำหรับพื้นที่การค้า, เดินผ่านทั่วไป : สำนักงาน, ภัตตาคาร, ร้านเสริมสวย, คาเฟ่)
• AC 5 : 33 (สำหรับพื้นที่การค้า, เดินผ่านมาก : อาคารสาธารณะ, ห้างสรรพสินค้า)